ตอนที่ 254 เมืองหลวง

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 254 เมืองหลวง
ไป๋ชิงเหยียนกำหมัดคาราวะรัชทายาทพลางโค้งกายให้ “คุ้มครองรัชทายาทคือหน้าที่ของเหยียนพ่ะย่ะค่ะ รัชทายาททรงเกรงใจเกรงไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

รัชทายาทยิ่งรู้สึกซาบซึ้งใจมากขึ้นกว่าเดิม ไป๋ชิงเหยียนไม่ต้องการความดีความชอบเลยสักนิด เขาขอบคุณที่นางอุตส่าห์จัดฉากเรื่องกวางศักดิ์สิทธิ์ให้ ทว่า หญิงสาวกลับทำเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

รัชทายาทกำถุงหอมในมือแน่น ในเมื่อไป๋ชิงเหยียนทุ่มเทแรงกายแรงใจทำเพื่อเขาถึงเพียงนี้ เขาจะจดจำความดีนี้ไว้ ต่อไปเขาจะตอบแทนนางอย่างคุ้มค่าแน่นอน…

“แล้วเราจะพากวางศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้กลับไปเมืองหลวงได้อย่างไรกัน” รัชทายาทลำบากใจ

“เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแม่ทัพจางตวนรุ่ยเถิดพ่ะย่ะค่ะ องค์ใจทรงตกพระทัยมากแล้ว รีบขึ้นไปพักผ่อนบนรถม้าก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว

รัชทายาทพยักหน้า เรียกจางตวนรุ่ยมาจัดการเรื่องกวางศักดิ์สิทธิ์ เขามองไปยังร่างของไป๋ชิงเหยียนที่กระโจนขึ้นหลังม้าและควบจากไปอย่างรวดเร็วด้วยแววตาลึกซึ้ง ท่วงท่าของหญิงสาวช่างองอาจยิ่งนัก รัชทายาทยยิ้มมุมปากเล็กน้อย…

“องค์ชาย!” ฟางเหล่าถลาเข้าไปโค้งกายคำนับ ใบหน้าขาวซีด เอ่ยถามเสียงเบาหวิว

“ทรงได้รับบาดเจ็บที่ใดบ้างหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

รัชทายาทส่ายหน้า “ฟางเหล่าไม่ต้องกังวล เราไม่ได้รับบาดเจ็บ”

“ไป๋ชิงเหยียนช่างบังอาจมากเกินไปแล้ว! หากเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับองค์ชาย ต่อให้นางมีร้อยชีวิตก็ชดใช้ไม่ได้!”

ฟางเหล่าขบกรามแน่น เมื่อนึกถึงช่วงเวลาสำคัญเมื่อครู่ ฟางเหล่ารู้สึกเย็นวาบไปทั้งร่าง

ฉินซ่างจื้อที่เดินตามอยู่ด้านหลังก้มหน้าลง ขณะที่เขาพยายามข่มโทสะไม่ให้ต่อเถียงกับฟางเหล่าก็ได้ยินรัชทายาทกล่าวขึ้นเสียก่อน

“ฟางเหล่าอย่าได้ต่อว่าแม่ทัพไป๋เช่นนี้อีก! แม่ทัพไป๋ต้องมั่นใจก่อนที่จะลงมือกระทำการสิ่งใดอยู่แล้ว!”

ฉินซ่างจื้อเลิกคิ้วสูง

นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เขาเริ่มติดตามรัชทายาทมานานที่เขาได้ยินรัชทายาทไม่เห็นด้วยกับคำกล่าวของฟางเหล่า

ฟางเหล่าตะลึงงัน

“พวกเจ้าแยกย้ายเถิด!”

รัชทายาทกล่าวจบก็ก้าวขึ้นไปบนรถม้า

ทหารส่งสารควบม้าไปบอกไป๋ชิงเหยียนที่อยู่ด้านหน้าสุดของขบวนว่ารัชทายาทขึ้นไปบนรถม้าเรียบร้อยแล้ว เหล่าทหารก็เข้าแถวตามเดิมเรียบร้อย ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า กระตุกบังเหียงพลางตะโกนเสียงดัง “ออกเดินทาง!”

ทหารส่งสารขี่ม้าไล่บอกขบวนกองทัพตั้งแต่ต้นไปจนสุดปลายแถวเสียงดังลั่น “ออกเดินทาง!”

ไป๋จิ่นจื้อที่ใจเต้นรัวอย่างรุนแรงขี่ม้าอยู่ข้างกายของไป๋ชิงเหยียน มือของสาวน้อยเต็มไปด้วยเหงื่อ เมื่อครู่ตอนที่กวางยักษ์ตัวนั้นพุ่งเข้าใส่ไป๋ชิงเหยียน นางตกใจจนแทบหัวใจวาย

“พี่หญิงใหญ่ได้รับบาดเจ็บหรือไม่เจ้าคะ”

ไป๋ชิงเหยียนเอื้อมมือไปลูบศีรษะของไป๋จิ่นจื้อพลางยิ้มให้นางน้อยๆ “ไม่มี เจ้าวางใจเถิด”

กล่าวจบ ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้ามองไปยังเนินสูง หลังจากที่เซียวรั่วเจียงจัดการเรื่องนี้เสร็จ เขาขี่ม้าไปตามหาอาอวิ๋นทันที หวังว่าร่างกายของเขาจะทนไหว

วันที่ยี่สิบ เดือนสาม รัชศกเซวียนเจียปีที่สิบหก กองทัพของรัชทายาทเดินทางกลับราชสำนัก ขณะผ่านภูเขาอวี้ชิงพบกวางศักดิ์สิทธิ์ที่สวรรค์ประทานให้ ถือเป็นสิริมงคลแก่แคว้นต้าจิ้นเป็นอย่างมาก สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ยอมศิโรราบ เดินทางมุ่งหน้ามายังเมืองหลวงพร้อมกับกองทัพด้วย

วันที่ยี่สิบห้า เดือนสาม

จวนไป๋ เมืองหลวง

ท้องฟ้ายังไม่ทันสว่าง บ่าวรับใช้กวาดล้านด้านหน้าจนสะอาดเกลี้ยงเกลา คนงานเดินเข้าออกที่ประตูข้างกันอย่างพัลวัน

ท้องฟ้าเหนือจวนไป๋เต็มไปด้วยควันไฟสำหรับประกอบอาหาร สาวใช้ของแต่ละเรือนถือน้ำร้อนเดินเข้าไปด้านใน บ้างก็เดินออกมาจากโรงครัวอย่างเป็นระเบียบ มุ่งหน้าไปตามระเบียงทางเดินเพื่อกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองที่เรือนของใครของมัน ใบหน้าล้วนเต็มไปด้วยความปีติยินดี

วันนี้คุณหนูใหญ่และคุณหนูสี่ที่เดินทางไปออกรบไกลถึงหนานเจียงจะกลับมาแล้ว

ชัยชนะจากสงครามหนานเจียงครั้งนี้ คนในเมืองหลวงไม่มีผู้ใดกล้ากล่าวว่าบุรุษตระกูลไป๋เสียชีวิตลงที่หนานเจียงทั้งหมด ในเมืองหลวงไม่มีที่ยืนสำหรับตระกูลไป๋แล้วอีกต่อไป

คนตระกูลไป๋ต่อให้เป็นเพียงสตรีก็เก่งกาจไม่แพ้บุรุษเช่นเดียวกัน!

สงครามครั้งนี้ถือเป็นการเชิดหน้าชูตาตระกูลไป๋เป็นอย่างมาก

คนถ่อยที่คอยเหยียบย่ำดูถูกตระกูลไป๋หลังจากที่บุรุษตระกูลไป๋เสียชีวิตลงคงนึกไม่ถึงว่าตระกูลไป๋จะพลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้ด้วยน้ำมือของคุณหนูใหญ่เช่นนี้ เมื่อนึกถึงสีหน้าตกตะลึงของคนเหล่านั้นเมื่อทราบข่าวว่าคุณหนูใหญ่ได้รับชัยชนะที่หนานเจียง บ่าวรับใช้ของตระกูลไป๋ต่างรู้สึกสะใจยิ่งนัก

เดิมทีฮูหยินสามหลี่ซื่อตั้งใจจะไปต้อนรับไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อที่นอกเมืองพร้อมกับต่งซื่อ

ทว่า ต่งซื่อกล่าวว่าบัดนี้ไป๋ชิงเหยียนโดดเด่นมากเกินไป คนในเมืองหลวงต่างวิจารณ์เรื่องที่นางสังหารทหารยอมจำนนของซีเหลียงจนหมดสิ้น ทุกคนมีความเห็นแตกต่างกันออกไป นางเสื่อมเสียชื่อเสียงไปไม่น้อย

พวกนางยืนต้อนรับอยู่หน้าจวนก็พอแล้ว การไปต้อนรับที่หน้าประตูเมืองเป็นที่สะดุดตาเกินไป

แม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่ในฐานะมารดา ต่งซื่อรู้ว่าบุตรสาวต้องเผชิญอันตรายอยู่ที่ด้านหน้า นางเป็นกังวลอยู่ตลอดเวลา บัดนี้บุตรสาวกลับมาพร้อมชัยชนะ นางแทบอยากติดปีกบินไปหาบุตรสาว ดูว่านางยังสบายดีหรือไม่

นางแทบไม่ได้นอนทั้งคืน ตื่นเช้ามากำชับให้โรงครัวเตรียมอาหารที่ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จื่นจื้อชอบให้พร้อม จากนั้นนั่งรออยู่ที่เรือนรับรองด้านหน้าเพื่อรอข่าวจากบุตรสาว ต่งซื่อกำผ้าเช็ดหน้าแน่น ฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อ

ไม่นานฮูหยินสามก็ตามมาเช่นเดียวกัน ฮูหยินห้า ฮูหยินสี่ ฮูหยินสามและฮูหยินสองต่างก็มารอต้อนรับไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้ออยู่ที่เรือนรับรองด้านหน้า

ฮูหยินสามหลี่ซื่อนั่งไม่ติด นางเอาแต่ชะโงกหน้ามองไปทางด้านนอก

“น้องสะใภ้สาม เจ้าอย่าร้อนใจไปเลย บ่าวของเรารออยู่ที่ประตูทิศใต้ เมื่อคนมาถึงย่อมมารายงานให้พวกเรารู้ทันที อีกอย่าง กองทัพรบชนะย่อมต้องไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทในวังหลวงก่อนจากนั้นจึงจะกลับมาจวนได้!”

ฮูหยินสามไม่ใช่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ทว่า ครั้งนี้…นางร้อนใจมากจริงๆ

ประตูเมืองหลวงฝั่งทิศใต้

หลู่หยวนเผิงพาบรรดาคุณชายเจ้าสำราญในเมืองหลวงถือเหล้าขี่ม้าเข้ามา เขาอยากมาต้อนรับกองทัพที่ประตูเมือง อยากเห็นกวางศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นเช่นเดียวกับผู้อื่น ที่สำคัญที่สุดเขาอยากมาต้อนรับพี่สาวตระกูลไป๋

กล่าวตามตรง ตอนแรกที่เขาได้รับข่าวสงครามจากหนานเจียง เขานึกว่าเป็นความดีความชอบของรัชทายาท นึกว่าเป็นผลงานของพวกจางตวนรุ่ย เจินเจ๋อผิง สือพานซาน

ผู้ใดจะคิดว่าต่อมาจะมีรายงานส่งมาว่าเมื่อรัชทายาทเดินทางไปถึงเมืองหวั่นผิงก็ได้รับรายงานสถานการณ์ฉุกเฉิน พี่สาวตระกูลไป๋เป็นคนนำทัพเสริมห้าหมื่นนายของต้าจิ้นทำสงครามชนะกองทัพนับแสนของซีเหลียง

หลู่หยวนเผิงถึงได้รู้ว่าพี่สาวไป๋ที่ร่างกายอ่อนแอเดินทางไปออกรบที่หนานเจียงด้วย!

เขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า พี่สาวไป๋ที่ไร้ซึ่งวิทยายุทธ์และร่างกายอ่อนแอถึงเพียงนั้นจะเอาชนะกองทัพนับแสนที่นำทัพโดยแม่ทัพผู้น่าเกรงขามอย่างอวิ๋นพั่วสิงได้อย่างไร

พี่สาวไป๋เป็นเพียงสตรีแต่ก็ยังเดินทางไปปกป้องบ้านเมืองถึงหนานเจียง ต่อสู้กับศัตรูอย่างดุดัน ทว่า เขาหลู่หยวนเผิงที่เป็นชายชาตรีกับหดหัวอยู่ในเมืองหลวง! เขารู้สึกละอายใจและรู้สึกเลือดร้อนเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงเรียกบรรดาคุณชายเจ้าสำราญที่เขาสนิทสนมมารวมตัวกัน เตรียมมุ่งหน้าไปยังหนานเจียง ผู้ใดจะคิดว่าพอพวกเขาออกจากเมืองหลวง กลับถูกญาติผู้ใหญ่ในตระกูลจับกลับไปหมด

หลู่หยวนเผิงที่เป็นคนเสนอให้เดินทางไปที่หนานเจียงอนาถที่สุด เขาถูกท่านปู่โบยยี่สิบที ถูกขังอยู่ที่จวนเพื่อสำนึกผิด จวบจนสงครามที่หนานเจียงยุติลง ซีเหลียงเดินทางมาเจรจาสงบศึก ท่านปู่จึงยอมปล่อยเขาออกมา

เมื่อรู้ว่าวันนี้กองทัพจะเดินทางมาถึงเมืองหลวง หลู่หยวนเผิงจึงเรียกสหายมารวมตัวกันที่ประตูทิศใต้

เมื่อหลู่หยวนเผิงมาถึง ชาวบ้านในเมืองหลวงต่างมียืนรวมตัวกันวิพากษ์วิจารณ์อยู่ที่หน้าประตูเมืองไม่น้อยแล้ว วิจารณ์เรื่องสงครามที่หนานเจียง วิจารณ์เรื่องกวางขาวศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน บางคนยังวิจารณ์ไปถึงองค์หญิงหลี่เทียนฟู่ที่เดินทางมาแต่งงานเชื่อมไมตรีและหลี่จือเจี๋ย

“มาแล้วๆ!”

หลู่หยวนเผิงที่นั่งอยู่บนหลังม้าสูงเหมือนจะมองเห็นธงที่ปลิวสยายตามลมอยู่แต่ไกล เขารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

เมื่อมองเห็นกองทัพที่ยาวเป็นขบวนราวกับมังกรดำอยู่ไกลๆ เสียงเต้นของหัวใจของเขาดังราวกับเสียงกระทืบเท้าของม้า เต้นรัวราวกับตีกลอง