ฉู่หมิงหยางเองก็ตอบกลับด้วยเสียงเย็นๆ “ไปมาหาสู่ ชิ ก็แค่หญิงรับใช้คนหนึ่ง”
ฉู่หมิงชุ่ยไม่ชอบน้ำเสียงของนาง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก สองพี่น้องออกจากวัง กลับไปบ้านมารดา
พอกลับไปถึงจวนฉู่ ฉู่หมิงหยางไม่ได้สนใจฉู่หมิงชุ่ย กลับเข้าไปในเรือนของตัวเอง
ฉู่หมิงชุ่ยไปเยี่ยมท่านย่า ฮูหยินโสวฝู่ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุครั้งก่อนทำให้น้ำเสียงหายแล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่หายดี
ฮูหยินโสวฝู่รู้ดีว่า ในจวนนี้ คนที่สามารถวางยานางได้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น
นางรู้หน้าที่และการวางตัวของตัวเองมากขึ้น สองสามีภรรยาอยู่ด้วยกันจนปั้นปลายชีวิตแล้ว นางรู้ความโหดเหี้ยมของเขาดี
เพื่อสิ่งที่เขาอยากได้ เขาไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น
นางฟังเรื่องที่ฉู่หมิงชุ่ยพบกับแม่นมสี่วันนี้ นางรู้สึกกลัวและหวาดระแวงขึ้นมา
ส่ายหน้ากับฉู่หมิงชุ่ย ให้สัญญาณว่าอย่าไปยุ่งกับหญิงคนนี้เด็ดขาด
ฉู่หมิงชุ่ยเอ่ยเสียงเบาๆว่า “หลานรู้ดี แต่ว่าหมิงหยางกลับไม่เห็นนางอยู่ในสายตา
ฮูหยินโสวฝู่ยิ้มอย่างขมขื่น ส่ายหน้า
***
ช่วงพลบค่ำ โสวฝู่ฉู่กลับมาถึงจวน เขาชินกับการกินข้าวคนเดียว เพิ่งจะให้คนจัดโต๊ะอาหารเสร็จ ก็ได้ยินคนรับใช้เข้ามารายงานว่า “นายท่าน มีคนชื่อแม่นมสี่มา บอกว่าจะขอพบท่าน”
โสวฝู่ฉู่เงยหน้าขึ้น สายตามีแววอึ้งไป “แม่นมสี่”
“เรียนนายท่าน ใช่แล้วขอรับ”คนรับใช้กล่าว
โสวฝู่ฉู่เสียการควบคุมก็แค่ชั่วครู่ รีบตอบกลับอย่างเป็นปกติว่า “เชิญนางเข้ามา ”
“ขอรับ”คนรับใช้ได้รับคำสั่งก็รีบออกไป
โสวฝู่ฉู่มองผู้ดูแลบ้านเก่าแก่ที่คอยรับใช้อยู่ข้างๆ “เจ้าว่านางมาทำไม”
ผู้ดูแลบ้านโค้งร่างพูดว่า “ข้าน้อยไม่กล้าคาดเดา ”
โสวฝู่ฉู่เอ่ยเสียงเรียบว่า “เกรงว่าจะมาเพราะเรื่องของพระชายาฉู่”
ผู้ดูแลบ้านตอบรับคำหนึ่ง รู้สึกตกใจอยู่บ้างเล็กน้อย
คนรับใช้นำแม่นมสี่เข้ามา แล้วก็โค้งคำนับถอยออกไป
โสวฝู่ฉู่ยืนขึ้น มองแม่นมสี่ที่ค่อยๆก้าวข้ามธรณีประตูเข้ามา
“คำนับใต้เท้าโสวฝู่ฉู่”แม่นมสี่ย่อตัวคำนับ
โสวฝู่ฉู่เอ่ยเสียงเบาว่า “ไม่ต้องมากพิธี เชิญนั่ง”
แม่นมสี่เห็นกับข้าวที่วางอยู่บนโต๊ะ “ท่านยังไม่ได้กินข้าว”
“กำลังเตรียมตัวจะกิน”โสวฝู่ฉู่เชื้อเชิญ “จะกินด้วยกันหรือไม่”
แม่นมสี่เดินเข้าไป มองกับข้าวจืดๆที่มีผัดสองอย่างและแกงอีกหนึ่งอย่าง จากนั้นก็มองใบหน้าซูบผอมของเขา พูดว่า “ท่านควรจะกินให้ดีหน่อย”
“อาหารง่ายๆก็พอแล้ว”โสวฝู่ฉู่พูด
แม่นมสี่หันกลับไป ตอนที่มา นางได้คิดสิ่งที่จะพูดไว้แล้ว แต่ว่า ก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นพูดอย่างไรดี
ผู้ดูแลบ้านก้าวไปข้างหน้า “ท่านพี่สี่ ไม่พบกันนานเลย”
“หลีโถว ไม่เจอกันนานจริงๆ”แม่นมสี่มองผู้ดูแลบ้าน “สบายดีหรือไม่ ”
“สบายดี สบายดีทุกอย่าง”ผู้ดูแลบ้านกล่าว “เพียงแต่ เหมือนเวลาจะผ่านไปไม่นาย แต่พวกเราต่างก็แก่แล้ว”
แม่นมสี่พยักหน้าเห็นด้วย ใช่แล้ว แค่พริบตา ต่างก็แก่แล้ว
ผู้ดูแลบ้านโค้งตัวถอยออกไป ในห้องจึงเหลือแค่โสวฝู่ฉู่กับแม่นมสี่สองคน
โสวฝู่ฉู่นั่งลงแล้ว มองมาที่นาง “นั่งลงค่อยพูดเถอะ”
แม่นมสี่ส่ายหน้า ปัดเป่าอารมณ์ในจิตใจให้ว่าง มองเขาอย่างเป็นการเป็นงานและเอ่ยขึ้นว่า “ครั้งที่แล้ว ท่านให้ข้าวางยาไท่ซ่างหวง ข้าได้ทำตามที่ท่านต้องการแล้ว ที่ข้าติดค้างท่าน ก็ถือว่าได้ชดใช้คืนจนหมดสิ้นแล้ว”
โสวฝู่ฉู่ไม่ได้อธิบายว่านี่คือความต้องการของฉู่หมิงชุ่ย ไม่ใช่ความคิดของเขา กระทั่งเขามารู้ที่หลังด้วยซ้ำไป
เขาพูดว่า “เจ้าไม่ได้ติดค้างอะไรข้า”
แม่นมสี่เย็นอย่างเจ็บปวด“ไม่รู้สิ ติดค้างก็ดี ไม่ติดค้างก็ดี แค่ที่สุดก็ได้ชดใช้แล้ว”
โสวฝู่ฉู่มองนาง “เจ้ามาก็เพื่อจะมาบอกกับข้าเรื่องนี้หรือ”
แม่นมสี่ส่ายหน้า ถามขึ้นว่า “ทำไมท่านจึงต้องการให้ฉู่หมิงหยางแต่งกับอ๋องฉู่”
“เรื่องนี้เป็นความคิดของข้าจริงๆ ข้าทำอย่างนี้ ย่อมมีจุดประสงค์ของข้า ”โสวฝู่ฉู่พูด
แม่นมสี่เอ่ยเสียงดุว่า “ท่านมีจุดประสงค์ของตัวเองก็สามารถทรยศต่อเจตนาของผู้อื่นได้อย่างนั้นหรือ อ๋องฉู่ไม่ยินดีจะแต่งฉู่หมิงชุ่ยเป็นพระชายารอง พระชายาฉู่ก็ไม่มีทางเห็นด้วย ทำไมท่านต้องบังคับขืนใจคนอื่นด้วย วันที่ในวัง หลานสาวของท่านฉู่หมิงหยางพูดจาไร้มารยาทกับพระชายา ทำให้พระชายาโกรธจนสะเทือนถึงพระครรภ์ ข้ารู้ว่าตระกูลฉู่ของท่านหลายปีมากนี้เจริญรุ่งเรืองราวกับพระอาทิตย์บนฟ้า ไม่เกรงกลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น ถึงแม้จะทำให้พระชายาแท้งลูก มากสุดก็แค่ได้รับคำด่าประณามไม่กี่คำ แต่เมื่อเจริญสูงสุดได้ก็ย่อมเสื่อมสลายได้เช่นกัน ความอวดดีของตระกูลฉู่ในวันนี้ จะเป็นการฝังหายนะให้กับตระกูลฉู่ในภายหน้า ”
หากเป็นคนอื่นพูดคำพูดสุดท้ายของประโยคนี้ โสวฝู่ฉู่คงต้องโกรธมาก
แต่ว่าเป็นนางพูด นั่นก็เท่ากับเป็นการเตือนด้วยความหวังดี ชี้แนะ ตักเตือน
แต่ว่าเขาเองก็แย้งเบาๆว่า “หลายปีมานี้ ข้าไม่ได้แสดงอำนาจโอ้อวดอะไร และไม่ได้ไม่เกรงกลัวใคร ยิ่งข้าอายุมากขึ้น ข้าก็ยิ่งต้องทำจิตใจให้นิ่ง ข้าคิดว่าเจ้าเองก็คงจะเห็น ”
แม่นมสี่พูด “แต่ว่าลูกหลานท่านไม่ใช่ พวกเขาอาศัยอำนาจบารมีของท่าน กำลังท้าทายกฎและอำนาจของราชวงศ์แล้ว เมื่อก่อน ข้าจำได้ว่าแม่ท่านเคยพูดกับข้าประโยคหนึ่ง วันนี้ข้าจะขอพูดคืนกลับไปให้ท่าน อย่าล้ำเส้นผู้อื่นเด็ดขาด หากล่วงล้ำเข้าไปแล้ว นั่นเท่ากับหุบเหวที่ยากจะหยั่งถึง”
โสวฝู่ฉู่มองนาง “ทำไมจึงต้องคอยช่วยเหลือพระชายาฉู่ด้วย หลายปีมานี้เจ้าไม่เคยมาหาข้าเลย ข้าคิดว่า เจ้าคงไม่ได้ทำเพื่อเจ้านายเท่านั้น ข้าอยากฟังความจริง”
แม่นมสี่พูดอย่างเปิดเผยว่า “มีสองเหตุผล หนึ่ง นางช่วยชีวิตข้าเอาไว้ เรื่องที่ข้าวางยา ไท่ซ่างหวงรู้ เป็นนางที่ช่วยข้าเอาไว้ เหตุผลที่สอง……”
นางถอนหายใจหนักๆหนึ่งเสียง สายตามีแววเป็นกังวล มองเขาและพูดว่า “อ๋องฉู่ไม่ยินดีจะแต่งพระชายารอง อยากจะเคียงคู่กับพระชายาไปจนตาย ข้าอยากจะให้พวกเขาสมปรารถนา นั่นคือสิ่งที่ข้าไม่สามารถจะมีได้ในชาตินี้ ”
โสวฝู่ฉู่มองนาง สายตาที่มีแววคมปลาบค่อยๆจางหายไป ใบหน้าก็มีแววเศร้าโศกเล็กน้อย
“ฉะนั้น ตอนนั้นเจ้าบอกข้าว่าต้องดูแลไท่ซ่างหวง ไม่ยินดีจะแต่งงานกับข้านั่นก็แค่พูดไปอย่างนั้นเองสินะ”โสวฝู่ฉู่พูด
นางไม่พูดอะไร
โสวฝู่ฉู่ยิ้ม สายตามีแววอาลัยอาวรณ์เพิ่มขึ้นหลายส่วน “ฉู่หมิงชุ่ยไปหาเจ้า ให้เจ้าวางยาไท่ซ่างหวง แม้ข้าจะโกรธ แต่ว่า ที่จริงก็รู้สึกถูกใจข้าอยู่ลึกๆ ตอนนั้น ข้ารู้แล้วว่าเจ้ายินดีจะทำเพื่อข้า ยอมเสียสละมากแค่ไหน”
แม่นมสี่ยังคงก้มหน้าไม่พูดจา แต่ว่า ในใจเหมือนถูกกระแทกอย่างแรง ทั้งเจ็บและปวด
“เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้ากับข้าต่างก็หัวหงอกกันหมดแล้ว ข้าอยากฟังแค่ความจริงประโยคเดียว ตอนนั้นทำไมเจ้าไม่ยอมเชื่อใจข้า ”โสวฝู่ฉู่มองนางและถามขึ้น
แม่นมสี่เงยหน้ามองเขา แววตาของเขายังคงจริงจังเช่นเดิม เหมือนตอนนั้น
นางไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี ครุ่นคิดอยู่นาน ภายใต้การบีบบังคับจากดวงตาของเขา นางจึงค่อยๆเอ่ยขึ้นว่า “เป็นอย่างนี้ก็ดีแล้ว ข้าใช้ชีวิตของข้าอยู่ในวัง ท่านสร้างคุณงามความดีอยู่นอกวัง มีครอบครัวที่สมบูรณ์ มีลูกหลานเต็มบ้าน พวกเราต่างก็จากโลกนี้ไปได้อย่างสงบ นี่คือตอนจบที่ดีที่สุดแล้ว ”
โสวฝู่ฉู่รู้สึกผิดหวังมาก “แม้แต่คำตอบเจ้ายังไม่ยินดีจะบอกข้าเลยหรือ”
แม่นมสี่คิดถึงเรื่องเก่าๆ ที่มีความซับซ้อนวุ่นวาย “ที่ข้าต้องการ ด้วยฐานะของข้าแล้วพูดออกไปก็เท่ากับมีโทษหนัก ใต้หล้านี้ใครเล่าจะรู้ ก็คงจะมีแต่พระชายาฉู่เท่านั้น ช่างเถอะ ข้าไปล่ะ หวังว่าท่านจะคืนความสงบให้กับพระชายาฉู่ ให้นางได้ตั้งครรภ์อย่างราบรื่น ”
แม่นมสี่พูดจบ ก็หมุนตัวจากไป
โสวฝู่ฉู่มองแผ่นหลังนางที่ค่อยๆหายไปกับความมืด ถอนหายใจเบาๆหนึ่งเสียง
คำตอบที่แท้จริง เกรงว่าชาตินี้ทั้งชาติเขาก็คงไม่มีทางได้รู้
พระชายาฉู่รู้ดี หากนางไม่พูด ใครเลยจะรู้ได้ แต่หากนางพูด เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร
ใจเขาสั่นรัวอยู่นาน จึงค่อยๆลุกขึ้นมา พูดเสียงเย็นว่า “เด็กๆ ไปเรียกคุณหนูรองมา”