ตอนที่ 330 กินปวยเล้งเยอะๆ
วันจันทร์ หลังจากส่งครอบครัวของเกาหม่าไปแล้ว มู่เถาเยากับลู่จือฉินก็ไปเตรียมยากับพวกเสื้อผ้าเพื่อเข้าเขตป่าชั้นใน
เหล่าคนสูงวัยช่วยเตรียมอาหารแห้งให้พวกเธอ หลักๆ มีเนื้อตากแห้ง ขนมขบเคี้ยว นม น้ำ อะไรพวกนี้
ผลไม้ไม่ต้องเอาไป ในป่าเซียนโหยวเต็มไปด้วยผลไม้ป่ารสเยี่ยม
มู่เถาเยาหิ้วกล่องยาใบน้อยลงมาจากชั้นบน ซย่าโหวโซ่วยื่นดาบหลิวอิ่งของตัวเองให้ทันที
“เสี่ยวเยาเยา ระวังตัวกันด้วยนะ”
“อาจารย์รองวางใจได้ค่ะ พวกเราจะเอาความปลอดภัยเป็นหลัก”
“ดี”
หยวนเหยี่ยจับแขนลูกศิษย์ดึงมาถาม “เสี่ยวเยาเยา เอายาไปพอหรือเปล่า”
“ค่ะ พกยาเม็ดที่มีสรรพคุณต่างกันไปแล้วค่ะ”
“งั้นก็ดี ต้องเอาไปให้ครบนะ”
วรยุทธของลูกศิษย์คนเล็กกับอาจารย์สามของเธอสูงกว่าเมื่อก่อนไม่ใช่แค่เท่าเดียว หากว่ากันตามเหตุผลแล้ว พวกเขาวางใจได้ แต่ก็ยังคงกังวลอยู่ดี
ซย่าโหวโซ่ว “เสี่ยวเยาเยา ไม่งั้นเลือกศิษย์หลานตามไปด้วยสักคนดีไหม”
“อาจารย์รองคะ ไม่ต้องค่ะ หนูไปกับอาจารย์สามก็พอแล้วค่ะ ศิษย์หลานตามไปด้วยก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมาก เสียเวลาเขาเปล่าๆ”
“จะเสียเวลาได้ยังไง เขาปกป้องพวกเธอ พวกเธอถึงจะหาสมุนไพรได้อย่างสบายใจ”
“สิ่งมีพิษในเขตป่าชั้นในเยอะมาก สัตว์ร้ายกลับไม่น่ากลัวเท่าไร พวกศิษย์หลานไม่ถนัดเรื่องพวกนี้ค่ะ”
ปู่ทวดถังพูดขึ้นทันที “งั้นก็ให้ถังหงกับถังเซิ่งตามไปด้วยสิ พวกเขารู้เรื่องพิษพอสมควร หลังกินยาจื่อตันเข้าไปวรยุทธก็ก้าวหน้าขึ้นไม่น้อย ไม่น่าจะเป็นตัวถ่วงพวกเธอนะ”
มู่เถาเยายิ้มให้ชายชรา “ปู่ทวดคะ ไม่ต้องจริงๆ ค่ะ ต่อให้ไปกันเยอะ พวกเราก็แยกกันหาสมุนไพรไม่ได้อยู่ดี ไม่สู้ไปแค่สองคน จะได้ไม่ต้องคอยพะว้าพะวังด้วย”
หยวนเหยี่ยพยักหน้า “งั้นก็ไปกันแค่สองคนพอ ระวังหน่อยแล้วกัน รีบกลับมานะ”
“ช้าสุดไม่เกินครึ่งเดือนค่ะ”
ตอนนี้เดือนสิงหาคมแล้ว ครึ่งเดือนหลังยังมีเรื่องต้องทำอีกมากมาย จะใช้เวลาทั้งหมดไปกับเรื่องเดียวไม่ได้ แล้วนับประสาอะไรกับเรื่องที่ต้องพึ่งดวงเป็นหลัก
อะไรที่ควรมายังไงก็ต้องมา
ถ้าโชคไม่ดี ทุ่มเทเวลากับแรงไปทั้งหมดก็ไม่มีประโยชน์
ความพยายามเป็นสิ่งสำคัญ แต่ก็ขาดโชคไม่ได้ด้วย โดยเฉพาะกับเรื่องแบบนี้
อย่างเช่น เห็นๆ อยู่ว่าโรคของบางคนรักษายาก แต่กลับไม่ยอมไปโรงพยาบาลเพราะไม่มีเงิน สุดท้ายก็ตาย บางคนเห็นๆ อยู่ว่าร่ำรวย แต่กลับไม่มีวาสนาได้รักษา ไม่เจอหมอเก่งมารักษา สุดท้ายถึงเวลาจากไปก็ต้องจาก
ดังนั้นเมื่อเจอกับเรื่องที่ต้องอาศัยดวง ต่อให้เราพยายามไปเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ ขาดดวงหนึ่งเปอร์เซ็นต์นั้น ทำอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์
แน่นอนว่าในความเป็นจริงมีหลายสถานการณ์ที่ใช้ความพยายามเปลี่ยนแปลงได้ แต่ไม่รวมถึงเรื่องตามหาสมุนไพรวิเศษ
ปู่เย่ว์พูดกับหลานสาวอย่างจริงจัง “เสี่ยวเยาเยา พวกเราจะรอหนูกับอาจารย์สามกลับมาอย่างปลอดภัยนะ”
“ปู่คะ พวกเราจะกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอนค่ะ ทุกคนไม่ต้องห่วงนะคะ”
ทุกคนพยักหน้า แต่ใบหน้ากลับไม่มีรอยยิ้ม
ตี้อู๋เปียนพูดขึ้นได้ถูกจังหวะ “ซาลาเปาน้อย จะไปด้านไหนกันเหรอ”
“จะเริ่มหาจากจุดที่พวกฝูงของเกาหม่าอยู่กัน จากนั้นจะไปทางตะวันออก ก่อนหน้านี้อาจารย์สามเคยไปทางใต้ ครั้งนี้พวกเราเลยจะไปทางตะวันออก”
“…ทำไมไม่เดินจากอาณาเขตของงูเถาวัลย์ล่ะ ดีไม่ดีอาจเจอเซอร์ไพรส์ก็ได้”
“ทางนั้นเป็นทางเหนือ เอาไว้สุดท้ายแล้วกัน พวกเราจะเดินจากตะวันออก ใต้ ตะวันตก เหนือ”
หลายด้านที่เกาหม่าไม่ให้เธอไป จะต้องมีอันตรายแน่นอน แต่เธอกับอาจารย์สามไม่กลัว
ตี้อู๋เปียน “…”
ให้ตายเถอะ!
เป่ยซีจับลูกสาวไว้ด้วยสีหน้าที่เป็นห่วง
มู่เถาเยายิ้มเหมือนปลอบโยน “วางใจได้ค่ะแม่ หนูกับอาจารย์สามจะกลับมาโดยไม่บาดเจ็บแม้แต่น้อย”
“ลูกแม่เป็นเด็กกตัญญู ทำให้ครอบครัวเสียใจไม่ลงหรอกใช่ไหม”
“ค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงกันนะคะ” เมื่อก่อนไม่เป็นอะไร แล้วนับประสาอะไรกับที่ตอนนี้วรยุทธสูงขึ้นแล้ว
“จ้ะ”
ทุกคนรุมล้อมเข้าไปพูดกับมู่เถาเยา ลู่จือฉินหอบสัมภาระของตัวเองเดินเข้ามา
เธอเอากล่องยาใบน้อยของตัวเองไปด้วย แต่ใส่ยาแตกต่างกับของมู่เถาเยา
เอาของที่เตรียมเสร็จแล้ววางในเข่ง ถือน้ำดื่มขวดใหญ่คนละขวด มือว่างคนละหนึ่งข้าง
“พวกเราไปแล้วนะคะ”
“จ้ะ”
มู่เถาเยากับลู่จือฉินจับมือกระโดดขึ้นหลังคา หายไปในชั่วพริบตา
พวกเด็กๆ น้ำตาคลอมองไปบนฟ้า
พี่สาวเหาะไปแล้ว!
เจ้าถุงลมน้อยน้ำตาคลอ เขย่ามือตี้อู๋เปียน “อาเล็ก ผมอยากโตจะได้ช่วยพี่สาวเก็บสมุนไพร”
ข่ายเกอ หลิ่นหราน จยาเย่ว์ กับเด็กคนอื่นๆ ต่างเข้าไปรุมล้อมตี้อู๋เปียน พากันพูดว่าอยากโตจะได้ไปช่วยพี่สาวเก็บสมุนไพร
“…งั้นก็กินปวยเล้งกันเยอะๆ นะ”
ไม่งั้นจะให้ทำไง
ต่อให้เขาเก่งแค่ไหนก็ช่วยเร่งให้เด็กพวกนี้โตในชั่วพริบตาไม่ได้!
เยี่ยอิ่งกับเฉิงซิ่นได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะเสียงดัง
“พี่สาม หลอกเด็กให้กินปวยเล้งแบบนี้มันจะดีเหรอ”
อันเหยี่ยเกลียดปวยเล้งที่สุด!
ตี้อู๋เปียนมองค้อนใส่เฉิงซิ่น “ไม่งั้นพวกนายก็ช่วยให้เด็กๆ โตเร็วๆ สิ”
“เอ่อ…ผมสามารถเรื่องนี้ที่ไหนกัน…”
“งั้นก็ตามนั้น! อันเหยี่ย ต่อไปต้องกินปวยเล้งเยอะๆ นะ”
เจ้าถุงลมน้อยขมวดคิ้วทำแก้มป่อง สีหน้าปฏิเสธเต็มที่
“กินปวยเล้งแล้วจะมีเรี่ยวแรง ช่วยพี่สาวต่อสู้กับสัตว์ประหลาดได้ ในป่ามีสิ่งเลวร้ายเยอะแยะเลย”
“…ฮะ” เจ้าถุงลมน้อยรู้สึกว่าช่วยพี่สาวเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
พวกเด็กๆ ก็แย่งกันพูดว่าจะกินปวยเล้ง
พวกเขาก็อยากช่วยพี่สาวต่อสู้กับสัตว์ประหลาด
เยี่ยอิ่งกับเฉิงซิ่นหัวเราะเสียงดังกว่าเดิม
พวกคนแก่ที่อยู่ด้านข้างก็กลั้นขำไม่อยู่
ตี้อู๋เปียนพาพวกเด็กๆ ไปอยู่ด้านข้างไม่ให้ขวางทาง เพราะพวกหยวนเหยี่ยต้องออกไปสอนที่สนามกีฬาของโรงเรียนแล้ว
ปกติวิชาแรกสุดกับท้ายสุดจะเป็นฝึกยุทธ์ เพราะแดดไม่แรง ส่วนวิชาอื่นจะเป็นการแพทย์กับพิษ
สองวิชานี้ต้องใช้เวลาเรียนเยอะ อย่างไรเสียก็ไม่ได้เรียนกันได้ง่ายๆ เพราะก่อนหน้านี้เรียนมาแต่ด้านต่อสู้กัน
เจ้าถุงลมน้อยเห็นพวกอาจารย์ออกไปแล้วก็ปล่อยมือตี้อู๋เปียน “อาเล็ก พวกเราก็จะไปเรียนกันแล้ว”
ต่อให้ฟังไม่เข้าใจก็ไม่อยากขาดเรียน เพราะพี่สาวบอกว่าทำอะไรต้องยืนหยัดอดทน
พวกเด็กๆ เฮโลกันตามเจ้าถุงลมน้อยไป
เสี่ยวเฮยเฮยก็วิ่งตามไปด้วย
เยี่ยอิ่งกับเฉิงซิ่นตบบ่าตี้อู๋เปียนแล้วเดินตามหลังสุนัขออกไป
ช่วงที่พวกเขาอยู่หมู่บ้านเถาหยวนซานได้ร่วมเรียนสารพัดวิชามาตลอด ได้เรียนสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากมาย ย่อมไม่อยากพลาดแม้แต่คาบเรียนเดียว
ตี้อู๋เปียนมองทุกคนเดินออกไปด้วยสายตาอิจฉา
บรรดาคนสูงวัยบอกตี้อู๋เปียนว่าจะตามไปดูหน่อย พากันออกไปหมด
ไม่นานตรงลานบ้านก็เหลือแค่ตี้อู๋เปียนคนเดียว
เขาถอนหายใจ ไปดูเทาน้อยสองตัวตรงมุม จากนั้นก็ไปที่สวนด้านหลังคุยกับเสี่ยวฉยงและดอกเถียนซิน
นับตั้งแต่ได้คุยกับดอกเถียนซิน เขาก็มักจะมาคุยด้วยบ่อยๆ แม้ดอกเถียนซินจะไม่ค่อยสนใจเขาก็ตาม
ก็ไม่รู้ทำไม ดอกเถียนซินก็ไม่มีความทรงจำในอดีต มันจึงไม่รู้ว่าตัวเองเป็นสิ่งใดกันแน่ และก็ไม่รู้ว่าตัวเองมีประโยชน์อะไร มันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเองเลยยกเว้นเรื่องที่ซาลาเปาน้อยเคยบอก
พวกพืชพรรณในเขตป่าชั้นในก็ไม่รู้จักมัน
เหมือนเสี่ยวฉยง
—————————–