ตอนที่ 329 จะยิ่งเอ็นดูเธอ
หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จก็ยังคงเป็นหยวนเหยี่ยฝังเข็มให้ตี้อู๋เปียน
มู่เถาเยากับลู่จือฉินพาพวกศิษย์พี่ศิษย์หลานเข้าเขตป่าชั้นในไปตัดเถาวัลย์ตี้หวังอีกครั้ง
หนึ่งวันผ่านไปได้เพิ่มมาอีกหนึ่งคันรถกระบะ
หลังอาหารเย็นก็พาม้า หมาป่า หมาบ้าน ไปเดินเล่นเช่นเคย
ซังหลิ่นหราน ลั่วปู้อวี๋ หงจยาเย่ว์ และเด็กคนอื่นไม่ได้สะเทือนใจอะไรมากที่พ่อแม่ตัวเองจะกลับก่อน
ก็แค่ร้องไห้ตอนพ่อแม่ขึ้นรถครู่เดียว จากนั้นพอถูกอันเหยี่ยกับพวกข่ายเกอโอ๋ก็ลืมพ่อแม่อย่างรวดเร็ว
เสิ่นรุ่ยกับพวกกันลู่ที่อยู่ต่อแอบเสียใจเล็กน้อย
เด็กๆ พอมีเพื่อนก็ไม่ติดพ่อแม่แล้ว
ตอนพวกเขาเล่นกับเด็กคนอื่นๆ ที่โรงเรียนอนุบาลไม่มีทางเป็นแบบนี้ เมื่อถึงเวลากลับบ้านก็ยังดีใจกลับไปพร้อมพ่อแม่ แต่ตอนนี้แตกต่างกันลิบลับ!
จางเฟยแม่ของมู่หว่านยิ้มพูดกับกันลู่ “เดี๋ยวพอนานเข้าพวกเด็กๆ ต้องคิดถึงพ่อแม่แน่นอน ตอนนี้ยังตื่นตาตื่นใจกันอยู่ ถูกเบนความสนใจไปก็เรื่องปกติ”
“ค่ะ เพราะอันเหยี่ยกับพวกข่ายเกอนิสัยดีมากด้วย ไม่อย่างนั้นพวกเด็กๆ ไม่มีทางติดเล่นขนาดนี้”
อันเหยี่ยเป็นว่าที่ราชา พวกข่ายเกอก็เกี่ยวข้องกับเสี่ยวเยาเยา พวกเขาย่อมยินดีอยากให้เด็กๆ บ่มเพาะมิตรภาพกันตั้งแต่เด็ก
ถ้าไม่ใช่เพราะรู้จักกับเสี่ยวเยาเยา พวกเขาคงไม่มีโอกาสได้รู้จักกับตระกูลตี้ สำนักแพทย์โบราณ ตระกูลซย่าโหว หรือแม้กระทั่งคนหมู่บ้านเถาหยวนซาน
ถึงแม้ตอนนั้นครอบครัวของพวกเขาจะอกสั่นขวัญแขวนกันไปบ้าง แต่นี่ก็มีสุขที่ได้จากทุกข์
ถังหยวนอาจารย์แม่รองยิ้มกว้าง “พวกเสี่ยวอันเหยี่ยเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งความสุขของพวกเราจริงๆ”
พอเด็กๆ มาอยู่พวกคนแก่คนเฒ่าก็มีรอยยิ้มขึ้นเยอะ
บางครั้งการที่พวกผู้ใหญ่เร่งให้แต่งงานมีลูกไม่ใช่เพียงเพราะต้องการลูกหลานสืบสกุล ยังเพื่อเพิ่มความสุขและเสียงหัวเราะในบ้านด้วย
แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หนุ่มสาวจำนวนมากไม่ได้มีความสนใจเรื่องแต่งงานเท่าไร
ย่าตี้ยิ้มพูด “อย่าว่าแต่เจียวหยาง ปู้อวี๋ หลิ่นหราน จยาเย่ว์เลย ขนาดอันเหยี่ยที่อยู่ที่นี่นานแล้วก็ยังไม่อยากกลับเมืองหลวง พ่อแม่ของเขาคิดถึงก็ทำได้แค่มาหาลูกที่นี่เอง”
ย่าอวิ๋นยิ้มแย้ม “ก็เพราะพวกคุณมีเวลาว่างดูแลเขาด้วย ไม่อย่างนั้นอันเหยี่ยก็ยังต้องอยู่ที่เมืองหลวงอยู่ดี”
สถานะไม่เหมือนคนธรรมดา ไปที่ไหนก็เป็นกังวล ยกเว้นหมู่บ้านเถาหยวนซาน
ที่นี่เป็นแดนสวรรค์ของการท่องเที่ยวหรือพักอาศัยที่ยอดเยี่ยมในทุกด้าน ชาวบ้านต่อสู้เป็นทุกคน ความเป็นอยู่เรียบง่าย
หมอเทวดาหยวนกับลูกศิษย์เก่งๆ กันทั้งนั้น ถึงได้พาทุกคนเจริญรุ่งเรือง
ย่าเย่ว์มองพวกเด็กๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความอิจฉา “ไม่รู้ว่าครอบครัวเราต้องรอถึงปีไหนเดือนไหนกว่าจะมีเด็กเล็กมาให้เลี้ยงบ้าง”
ดังนั้นพวกเขาต้องใช้ชีวิตให้ดี อยู่ให้ถึงร้อยสองร้อยปี จะได้ช่วยเลี้ยงหลานของหลานสาว
“เข่อเหยา อาเหิงกับอากวงยังอายุไม่เยอะ พวกเรารอไหว” ยายหลานก็อิจฉา แต่กลับไม่รีบร้อน
ในบรรดาผู้สูงวัยเหล่านี้ พวกเขาอายุน้อยที่สุด เจ็ดสิบต้นๆ แต่มองจากภายนอกก็ยังสู้อาจารย์ทั้งสองที่อายุแปดสิบใกล้เก้าสิบไม่ได้
ตอนที่เสี่ยวเยาเยาหายไป พวกเขาทุกข์ระทมจนแก่ลงไปมาก
เป่ยซีอดพูดกับแม่ตัวเองไม่ได้ “แม่คะ เสี่ยวเยาเยาพูดแล้ว ต้องตั้งใจใช้ชีวิตเกษียณ เรื่องพวกนั้นคนแก่อย่าไปกังวลเลยค่ะ”
ยายหลานพยักหน้า “ได้ พวกเราไม่กังวล พวกเราต้องเชื่อฟังเสี่ยวเยาเยา”
ตอนนี้ใช้ชีวิตเกษียณได้อย่างสบายใจแล้ว วันหน้าก็จะยิ่งดูเด็กลงเรื่อยๆ ไม่ต้องคิดมากเรื่องเหลนที่ยังไม่เกิด
เสิ่นรุ่ยกับภรรยาไม่รู้เรื่องครอบครัวของมู่เถาเยาดีนัก รู้เพียงว่าเสี่ยวเยาเยาถูกเลี้ยงมาโดยอาจารย์สองคนของเธอ
แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาจะต้องอยากรู้อยากเห็น
กันลู่ยิ้มพูด “เสี่ยวเยาเยาเด็กคนนี้อายุยังน้อย มีความรู้มากกว่าคนที่อยู่มาเกินครึ่งค่อนชีวิต สมองของเธอทำจากอะไรกันแน่ เรียนอะไรก็เป็นหมด แถมยังทำได้ดีด้วย!”
ถ้าเย่ว์หลั่งผู้เป็นพ่ออยู่ที่นี่ เขาจะต้องบอกแน่ว่าลูกสาวเก่งเหมือนเขา!
หยวนเหยี่ยกับซย่าโหวโซ่วเข้าใจคำถามของกันลู่ จึงเริ่มโอ้อวดลูกศิษย์คนเล็กอีกครั้ง
“เสี่ยวเยาเยาฉลาดแต่เด็ก เรื่องอะไรก็ตามแค่พูดรอบเดียวก็จำได้แล้ว รับความรู้ที่พวกเราถ่ายทอดให้ได้อย่างสบายๆ…พวกคุณอาจคาดไม่ถึงว่าเด็กตัวเล็กแค่นั้นจะมองพวกเราด้วยสายตาที่ใฝ่หาความรู้…”
บลาๆๆ
อาจารย์ทั้งสองคนสลับกันโอ้อวดลูกศิษย์ ไม่มีหน้าแดงเลยสักนิด
อาจารย์แม่รองทั้งภูมิใจทั้งรู้สึกขำ
ถึงแม้นี่จะเป็นความจริง แต่สองคนนี้จะช่วยเก็บอาการบ้างได้ไหม ยิ้มจนปากจะฉีกถึงหูแล้ว!
เนื่องจากระยะนี้มัวแต่สอนวิชา เลยไม่ค่อยได้โอ้อวดลูกศิษย์คนเล็กเท่าไร ตอนนี้เริ่มเบรกไม่อยู่แล้ว
บรรดาผู้ฟังก็ไม่มีใครรู้สึกว่าอาจารย์สองคนนี้โอ้อวดเกินจริง
ทั้งสองคนเป็นบุคคลชั้นยอดของวงการ ไม่มีทางพูดเหลวไหลเพื่ออวดลูกศิษย์ตัวเอง
คนตระกูลเย่ว์ตั้งใจฟังมาก ทั้งยังยิ้มตามอาจารย์ทั้งสองคนอยู่เรื่อยๆ
ไม่ว่าจะมองอย่างไรหลานสาวครอบครัวตัวเองก็ดีเหลือเกิน
พวกเขาไม่ได้อยู่ในช่วงสิบแปดปีที่เธอโตมา วันหน้าจะยิ่งรักและเอ็นดูเธอ
ย่าตี้ยิ้มพูด “เสี่ยวเยาเยาเด็กคนนี้คล้ายอู๋เปียน ก็ไม่แปลกที่จะคุยกันถูกคอ”
น่าเสียดายที่หลานชายคนเล็กสุขภาพไม่ดี ไม่อย่างนั้นเด็กสองคนนี้จะเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมาก
อู๋เปียนชอบเสี่ยวเยาเยา พวกเขาก็เห็นกันอยู่ เอ็นดูอยู่ในใจ แต่จะทำอย่างไรได้
ทำได้แค่แสร้งทำเป็นไม่รู้
ถ้าเสี่ยวเยาเยารักษาอู๋เปียนให้หายได้ แบบนั้นก็มีหวังบราวนี่ออนไลน์
หยวนเหยี่ยดื่มน้ำชาให้ชุ่มคอแล้วพูดต่อ “เสี่ยวเยาเยามีความอดทนสูง ไม่ว่าจะกับคนแก่หรือเด็ก หรือคนวัยเดียวกัน เธอก็เข้าได้หมด ขอแค่เธออยาก…”
ซย่าโหวโซ่วพูดต่อ “เสี่ยวเยาเยายังรู้จักใส่ใจความรู้สึกของคนอื่น…คนในหมู่บ้านมีเรื่องอะไรก็มักจะมาขอความเห็นจากเธอ…”
บลาๆๆ ไม่จบไม่สิ้น
ตอนที่มู่เถาเยาพาทุกคนกลับมา หยวนเหยี่ยกับซย่าโหวโซ่วกำลังพูดอย่างออกอรรถรส ทุกคนก็ฟังเรื่องราวอย่างมีอารมณ์ร่วม
“…พวกเรากลับมาแล้วค่ะ”
“เสี่ยวเยาเยา กลับมากันแล้วเหรอ” หยุดโม้อัตโนมัติ
“ค่ะ ขอขึ้นไปดูตี้อู๋เปียนฝึกโยคะก่อนนะคะ”
ทุกคนพยักหน้า
พวกเด็กๆ จะตามไป แต่ถูกพวกคนแก่ดึงไว้
มู่เถาเยาขึ้นไปบนดาดฟ้าคนเดียว ฝีเท้าเบามาก เหยียบพื้นไร้เสียง
ตี้อู๋เปียนหันหลังให้ทางบันได จึงไม่สังเกตเห็นว่าข้างหลังมีคน
มู่เถาเยามองอยู่สักพักด้วยความสนุก จนกระทั่งถึงเวลาพักช่วง
“ซาลาเปาน้อย!”
“อืม ฉันขึ้นมาดูหน่อย คุณดูเกร็งไปหน่อยนะ”
ไม่ได้ดูเงอะงะ แต่ตัวแข็ง
“…”
ซาลาเปาน้อยขึ้นมาทำร้ายจิตใจกันเหรอ
แต่ไหนแต่ไรมาเขาออกกำลังกายได้แค่เดินเล่น ให้เล่นอย่างอื่นมีเหรอจะไม่ดูเกร็ง!
ไลก้ายิ้มพูด “เพิ่งเริ่มก็แบบนี้แหละครับ อีกสักระยะก็ดีขึ้น”
“ค่ะ”
มู่เถาเยาก็แค่ติชมแบบไม่คิดอะไร ไม่ได้มีความหมายอื่น
นี่เป็นเรื่องปกติ ใช่ว่าเธอจะไม่เข้าใจ
“ซาลาเปาน้อย เดี๋ยวมาฝึกด้วยกันสิ”
“แน่ใจเหรอ”
ตี้อู๋เปียนพยักหน้า
“ได้ ฉันจะไปเอาเสื่อโยคะขึ้นมา” ไลก้าเอาเสื่อโยคะหลายผืนมาทิ้งไว้ที่นี่
“อืม”
—————————–