ตอนที่ 256 เข้าร่วมกองทัพ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 256 เข้าร่วมกองทัพ
เกาเต๋อเม่าเห็นดังนี้จึงก้าวไปด้านหน้า นำกองกำลังรักษาพระองค์เดินไปยังขบวนกองทัพที่รบชนะศึกกลับมา

ที่ปรึกษาเริ่นซื่อเจี๋ยของรัชทายาทที่เดินทางล่วงหน้ากลับมาถึงเมืองหลวงก่อนพาคนจากจวนรัชทายาทเดินตามหลังเกาเต๋อเม่าไปต้อนรับรัชทายาท

เมื่อเห็นเซียวหรงเหยี่ยน เริ่นซื่อเจี๋ยก้มหน้าทักทายชายหนุ่มยิ้มๆ

ชาวบ้านล้วนเดินตามหลังเกาเต๋อเม่าไปยังขบวนกองทัพ

หลู่หยวนเผิงเป็นคนใจร้อน เขาลากเซียวหรงเหยี่ยนพลางตะโกนบอกพวกพ้องให้รีบมุ่งหน้าไปยังขบวนกองทัพ

ไม่นาน บรรดาแม่ทัพทุกคนต่างลงมาจากหลังม้า รัชทายาท องค์หญิงซีเทียนฟู่และเหยียนอ๋องหลี่จือเจี๋ยแห่งซีเหลียงต่างมารวมตัวกันด้านหน้าสุดของขบวนเพื่อฟังคำรับสั่งของจักรพรรดิ

“ฝ่าบาททรงมีกระแสรับสั่งว่าองค์รัชทายาท แม่ทัพไป๋และบรรดาแม่ทัพทุกท่านล้วนลำบากและเหน็ดเหนื่อยกับศึกที่หนานเจียงมามากแล้ว นอกจากองค์รัชทายาทแล้ว ผู้อื่นยังไม่ต้องเข้าวังไปเข้าเฝ้าพระองค์ ให้กลับไปพักผ่อนที่จวนของตัวเองก่อน! แม่ทัพจางตวนรุ่ยจงนำกองทัพต้าจิ้นกลับไปพักผ่อนที่ค่ายทหาร วันพรุ่งค่อยพระราชทานรางวัลให้ คนจากจวนรัชทายาทเป็นผู้ดูแลกวางศักดิ์สิทธิ์ เหยียนอ๋องและองค์หญิงแห่งซีเหลียงเชิญไปประทับที่ที่พักที่ทางเราเตรียมไว้ให้ก่อน จงพักผ่อนกันอย่างเต็มที่ วันพรุ่งค่อยไปร่วมงานเลี้ยงในวังหลวง”

กระแสรับสั่งของจักรพรรดิของต้าจิ้นตรัสเพียงว่ามีงานเลี้ยงในวังหลวงพรุ่งนี้ ทว่า ไม่รู้ว่าเป็นงานเลี้ยงฉลองชัยชนะที่หนานเจียงหรือเป็นงานเลี้ยงต้อนรับเหยียนอ๋องและองค์หญิงจากซีเหลียงกันแน่

บัดนี้ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว ไม่ต้องเข้าวังหลวงถือเป็นเรื่องดีของพวกนาง

แม้การเดินทางไปยังวังหลวงพร้อมกับเหล่ากองทัพ ได้รับการสรรเสริญจากชาวบ้านจะถือเป็นเกียรติยศที่ยิ่งใหญ่ ทว่า ไป๋ชิงเหยียนไม่ใช่สาวน้อยที่ชอบความโดดเด่นอย่างเช่นตอนนั้นอีกแล้ว หญิงสาวไม่สนใจชื่อเสียงจอมปลอมเหล่านี้อีกต่อไป

รัชทายาทลุกขึ้นยืนรับราชโองการ สนทนากับเหยียนอ๋องและองค์หญิงซีเหลียงอีกสองสามคำ จากนั้นหันกลับไปมองไป๋ชิงเหยียน เหมือนกลัวว่าหญิงสาวจะไม่พอใจ เขากล่าวขึ้น “ชาวบ้านล้วนรับรู้ว่าเจ้าเป็นคนรบชนะศึกในครั้งนี้ ต่อให้ไปเดินทางไปยังวังหลวง…พวกเขาก็รับรู้อยู่ดี! รางวัลที่ควรเป็นของเจ้า เราจะเอามันมาให้เจ้าให้ได้!”

“องค์รัชทางทรงวางพระทัยเถิดเพคะ เหยียนไม่ได้ไม่พอใจ ทว่า…อยากกลับบ้านโดยเร็ว!”

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับรัชทายาทอย่างจริงใจ

รัชทายาทพยักหน้าให้ไป๋ชิงเหยียน เงยหน้าขึ้นก็เห็นหลู่หยวนเผิงที่เอาแต่จ้องมาทางไป๋ชิงเหยียน ท่าทางอยากเข้ามาหาหญิงสาวเต็มแก่ และย่อมเห็นเซียวหรงเหยี่ยนที่ถูกหลู่หยวนเผิงลากมาด้วย

“หรงเหยี่ยน…” รัชทายาทอุทานออกมาอย่างดีใจ จากนั้นมองไปทางไป๋ชิงเหยียนคล้ายจะยิ้มออกมา

เซียวหรงเหยี่ยนผู้สุขุมอ่อนโยนก้าวเข้ามาด้านหน้า ทำความเคารพรัชทายาทยิ้มๆ

“เหยียนขอแสดงความยินดีกับองค์รัชทายาทและแม่ทัพไป๋ที่ได้รับชัยชนะกลับมาพ่ะย่ะค่ะ เมื่อทราบว่าองค์รัชทายาทจะเดินทางมาถึงเมืองหลวงวันนี้ เหยี่ยนจึงตั้งใจมารอรับเสด็จพ่ะย่ะค่ะ”

รัชทายาทมองไปทางไป๋ชิงเหยียนยิ้มๆ กล่าวอย่างมีเลศนัย

“เรารู้ดีว่าเจ้าตั้งใจมาต้อนรับผู้ใดกันแน่! ได้ยินแม่ทัพไป๋บอกว่าก่อนหน้านี้เจ้าอยู่ที่หนานเยี่ยน”

ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้าสบกับดวงตาล้ำลึกร้อนแรงของเซียวหรงเหยี่ยน หญิงสาวกำดาบที่เอวแน่น พยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง

ไป๋ชิงเหยียนเชื่อว่าเซียวหรงเหยี่ยนเป็นคนฉลาด เขาย่อมรู้ดีว่าควรรับมือกับรัชทายาทเช่นไร

เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวตอบยิ้มๆ โดยไม่มีความลังเลใดๆ น้ำเสียงไม่รีบไม่ร้อน

“พ่ะย่ะค่ะ เอ่ยถึงเรื่องนี้ เหยี่ยนต้องขอบพระทัยองค์รัชทายาทมากพ่ะย่ะค่ะที่ให้เหยี่ยนร่วมเดินทางไปกับกองทัพจนถึงที่หมายอย่างปลอดภัย! ส่วนเรื่องอื่นรอให้องค์รัชทายาทพักผ่อนอย่างเต็มที่แล้ว เหยี่ยนค่อยเล่าให้องค์รัชทายาทฟังทีหลังพ่ะย่ะค่ะ”

“ได้!” รัชทายาทมองไปทางไป๋ชิงเหยียนยิ้มๆ อีกครั้งหนึ่ง จากนั้นจับข้อมือของเซียวหรงเหยี่ยน

“หรงเหยี่ยนนั่งรถไปกับเราเถิด เรามีเรื่องต้องสนทนากับเจ้าอีก!”

“พ่ะย่ะค่ะ”

เซียวหรงเหยี่ยนรับคำ เมื่อทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนเสร็จจึงขึ้นรถม้าไปพร้องรัชทายาท

มองส่งรถม้าของรัชทายาทจากไป หลู่หยวนเผิงรีบถลาไปด้านหน้า ทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน

“พี่สาวไป๋! ขอแสดงความยินดีที่พี่สาวไป๋และคุณหนูสี่ไป๋รบชนะศึกกลับมาขอรับ! คุณชายทั้งสิบเจ็ดของตระกูลไป๋ไม่อยู่แล้ว ข้าขอมอบสุรามองคลให้พี่สาวไป๋และคุณหนูสี่ไป๋แทนพวกเขาขอรับ!”

กล่าวจบ หลู่หยวนเผิงหันไปกวักมือเรียกบ่าวรับใช้ชาย บ่าวรับใช้ผู้นั้นรีบนำสุราเข้ามาให้

หลู่หยวนเผิงรินเหล้าจอกหนึ่งส่งให้ไป๋ชิงเหยียน

“พี่สาวไป๋! ขอแสดงความยินดีที่รบชนะศึกกลับมาขอรับ!”

ตอนที่คุณชายทั้งสิบเจ็ดของตระกูลไป๋ยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาไม่เคยรังเกียจที่หลู่หยวนเผิงเป็นคุณชายเจ้าสำราญ อีกทั้งหลู่หยวนเผิงยังสนิทสนมกับคุณชายสิบไป๋ชิงม่อเป็นอย่างดี

“ขอบใจมาก!” ไป๋ชิงเหยียนรับเหล้ามา กล่าวขอบคุณอย่างจริงใจจากนั้นเงยหน้าดื่มเหล้าจนหมดถ้วย

หลู่หยวนเผิงรับถ้วยเปล่ามาจากมือของไป๋ชิงเหยียน จากนั้นหันไปทางไป๋จิ่นจื้อ รินเหล้าส่งให้หญิงสาวอีกหนึ่งถ้วย

“คุณหนูสี่ ขอแสดงความยินดีที่รบชนะกลับมาขอรับ!”

เป็นครั้งแรกที่ไป๋จิ่นจื้อเห็นหลู่หยวนเผิงมีท่าทีจริงจังเช่นนี้ นางรับเหล้ามาพลางหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ นางยกถ้วยเหล้าขึ้นสูงเพื่อขอบคุณหลู่หยวนเผิง จากนั้นเงยหน้าดื่มจนหมด สาวน้อยพยายามข่มความรู้สึกร้อนผ่าวในลำคอเอาไว้ วางถ้วยเปล่าลงในถาดสีดำที่บ่าวรับใช้ชายถืออยู่ “ขอบใจมาก!”

“ลูกหลานตระกูลไป๋ล้วนเก่งกาจทั้งบุรุษและสตรี หลู่หยวนเผิงละอายใจยิ่งนัก! ภายภาคหน้าหากมีโอกาส หยวนเผิงก็อยากเข้าร่วมกองทัพ ออกรบฆ่าฟันศัตรูเช่นเดียวกับพี่สาวไป๋และคุณหนูสี่ขอรับ!”

“ดี!” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางหลู่หยวนเผิง ใบหน้ามีร้อยยิ้มอ่อนๆ ราวกับมองดูน้องชายของตัวเอง กล่าวขึ้น “หากมีวันนั้นจริงๆ ข้าจะมอบหอกเงินหงอิงเล่มนี้ให้แก่เจ้า!”

หลู่หยวนเผิงมองดูหอกเงินหกอิงในมือของไป๋ชิงเหยียนที่เปล่งรัศมีเยือกเย็นออกมาท่ามกลางแสงแดดที่ส่องกระทบ ดวงตาเป็นประกายในทันที “พี่สาวไป๋กล่าวจริงใช่หรือไม่ขอรับ!”

“สัญญาด้วยเกียรติของวิญญูชน!”

หลู่หยวนเผิงไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเมื่อได้ยินคำนี้จึงรู้สึกขนลุกซู่ขึ้น เขารู้สึกว่าถ้อยคำของพี่สาวไป๋ประโยคนี้มีพลังน่าเชื่อถือมาก เขาโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียน

“สัญญาด้วยเกียรติของวิญญูชน!”

ตั้งแต่เล็กหลู่หยวนเผิงไม่ชอบเรียนหนังสือแต่ชอบการต่อสู้เหล่านี้ ทว่า ท่านปู่ของเขากลับไม่ยอมให้เขาเข้าร่วมกองทัพ บัดนี้เมื่อได้เห็นหอกเงินหงอิงในมือของพี่สาวไป๋ เขายิ่งมั่นใจในทิศทางที่เขาจะก้าวเดินไปในภายภาคหน้า

ชาวบ้านถือเหล้าอยู่ในมือแต่ไม่กล้าขยับไปด้านหน้าเพราะกลุ่มคุณชายเจ้าสำราญของหลู่หยวนเผิงอยู่ พวกเขาทำได้เพียงมองไปทางไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อพลางตะโกนออกมาทั้งน้ำตา

“แม่ทัพไป๋!”

ไป๋ชิงเหยียนโค้งกายคำนับชาวบ้านทั้งหลาย

หลี่เทียนฟู่ที่กำลังจะขึ้นไปบนรถม้ามองไปทางไป๋ชิงเหยียนที่ถูกชาวบ้านห้อมล้อม จากนั้นสบถออกมา

“สตรีที่กระหายสงครามเช่นนี้มีสิ่งใดน่ายกย่องกัน!”

ขนาดฟางเหล่าที่เตรียมกลับไปยังจวนรัชทายาทพร้อมเริ่นซื่อเจี๋ยก่อนก็อดมองไปทางไป๋ชิงเหยียนที่ถูกชาวบ้านห้อมล้อมไม่ได้ เขาเอ่ยถามเริ่นซื่อเจี๋ย

“ข้าให้เจ้ากระจายข่าวลือเรื่องไป๋ชิงเหยียนสังหารทหารยอมจำนนของซีเหลียงไปทั่วไม่ใช่หรืออย่างไร”

เริ่นซื่อเจี๋ยชะงัก จากนั้นรีบกล่าวอย่างนอบน้อม

“วันนั้นองค์รัชทายาทส่งคนมาบอกข้าว่าแม่ทัพไป๋เตรียมกวางศักดิ์สิทธิ์ไว้เป็นของขวัญแล้ว ข้าไม่จำเป็นต้องเตรียมสิ่งใดอีก เดินทางกลับไปยังจวนรัชทายาทได้เลย ข้าจึงนึกว่า…ไม่ต้องกระจายข่าวแล้ว อีกอย่างคนที่ข้าส่งไปยังอำเภอเฟิงก็ถูกชาวบ้านที่นั่นไล่ตะเพิดออกมาหมดแล้วขอรับ!”

“เหลวไหล!” ฟางเหล่ากล่าวเสียงต่ำ “เรากระจายข่าวเรื่องนี้เพราะต้องการให้ไป๋ชิงเหยียนพึ่งพาองค์รัชทายาทจนขาดพระองค์ไม่ได้! ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรืออย่างไรว่าคนที่เก่งกาจการรบเช่นนี้ต้องรับใช้องค์รัชทายาทเพียงผู้เดียวเท่านั้น! เจ้าทำงานอย่างไรกันนี่!”

“ข้าเลอะเลือนไปแล้วขอรับ ข้าจะส่งคนไปกระจายข่าวเดี๋ยวนี้ขอรับ!” เริ่นซื่อเจี๋ยรีบกล่าว

“ส่งคนไปมากหน่อย อาศัยช่วงที่กองทัพรบชนะศึกกลับมายังเมืองหลวงและกำลังได้รับความสนใจจากชาวบ้าน กระจายข่าวเรื่องนี้ไปให้ทั่ว!” ฟางเหล่ากล่าว

“ฟางเหล่าวางใจได้ขอรับ!” เริ่นซื่อเจี๋ยรับประกัน