ตอนที่ 257 อยากมีผู้รู้ใจ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 257 อยากมีผู้รู้ใจ
ฟางเหล่าหันหลังกลับ มองดูฉินซ่างจื้อที่กำลังปรึกษากับคนของจวนองค์รัชทายาทเรื่องการดูแลกวางศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้น แววตาของฟางเหล่าขุ่นมัวเล็กน้อย เขาก้มหน้าเดินขึ้นไปบนรถม้า

หลู่หยวนเผิงจูงเชือกม้าแทนไป๋ชิงเหยียน มองดูไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อขึ้นไปบนหลังม้า เขาเงยหน้าตะโกนบอกไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง “พี่สาวไป๋! ข้าจะไปเข้าร่วมกองทัพให้ได้ขอรับ พี่สาวไป๋โปรดเชื่อใจข้าด้วยขอรับ!”

ชาวบ้านต่างแหวกทางให้ มองดูแผ่นหลังของไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อที่อยู่บนหลังม้าทั้งน้ำตา

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้ายิ้มๆ รับบังเหียนม้ามาจากนั้นควบออกไปอย่างรวดเร็ว

ไป๋จิ่นจื้อที่อยู่บนหลังม้ากำหมัดคารวะหลู่หยวนเผิง จากนั้นควบม้าตามพี่หญิงใหญ่ของตัวเองไป

ภายในรถม้าขององค์รัชทายาท

“ชอบหญิงสาวสักคนก็ส่งจดหมาย ส่งม้าไปให้นางตรงๆ เลยอย่างนั้นหรือ เราคิดว่าหรงเยี่ยนเป็นคนรอบคอบ…ไม่น่าทำสิ่งใดที่เป็นการเสียมารยาทเช่นนี้นี่นา” องค์รัชทายาทถามเซียวหรงเหยี่ยนยิ้มๆ “หรือว่า คนแคว้นต้าเว่ยตรงไปตรงมาเช่นนี้ทุกคน”

เซียวหรงเหยี่ยนก้มหน้ายิ้มออกมา รู้ว่าองค์รัชทายาทหมายถึงเรื่องที่เขาให้เยว่สือนำจดหมายและม้าไปมอบให้ไป๋ชิงเหยียนขณะทำสงครามที่หนานเจียง เขาไม่ได้ให้เยว่สืออำพรางตัวตั้งแต่แรก องค์รัชทายาทรู้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด

“ต่อมาหรู่ซยงของไป๋ชิงเหยียนไปหา…เขากล่าววาจาล่วงเกินเจ้าบ้างหรือไม่” องค์รัชทายาทถามต่อ

แม้เซียวหรงเหยี่ยนจะพอคาดเดาได้ว่าองค์รัชทายาทคิดว่าการที่เขาสั่งให้เยว่สือนำจดหมายและม้าไปมอบให้ไป๋ชิงเหยียนคือเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ทั่วไป แต่เขาก็ไม่อาจมั่นใจได้เต็มร้อย จึงทำเพียงส่ายหน้ายิ้มๆ “ไม่ขอรับ”

“เจ้าไม่ต้องกังวล เจ้าเป็นสหายของเรา เรารู้ดีว่าเจ้าไม่มีที่ติทั้งรูปร่างและนิสัยใจคอ มีเพียงฐานะของเจ้า แม้เราไม่ใส่ใจ ทว่า ผู้อื่นอาจดูถูกเจ้าได้ หากเจ้าชอบพอคุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋และยินดีแต่งเข้าตระกูลไป๋ละก็ เราอาจพอช่วยเหลือเจ้าได้บ้าง อย่างไรเสียตระกูลไป๋ก็ไม่มีบุรุษหลงเหลืออยู่แล้ว พวกเขาต้องแต่งเขยเข้าตระกูลอย่างแน่นอน เช่นนี้ เจ้าก็ถือได้ว่าคู่ควรกับคุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋อยู่เหมือนกัน!”

องค์รัชทายาทมองเซียวหรงเหยี่ยนก็รู้สึกเหมือนเห็นถุงเงินในอนาคตของตัวเอง เขาย่อมช่วยให้เรื่องนี้สำเร็จอย่างเต็มที่อยู่แล้ว

ดูเหมือนว่า…คุณหนูใหญ่ไป๋จะเข้าร่วมกับองค์รัชทายาทแล้ว เซียวหรงเหยี่ยนลูบหยกจักจั่นอย่างแผ่วเบา มองไปทางองค์รัชทายาทยิ้มๆ เพียงแต่ว่า…คุณหนูใหญ่ไป๋เป็นคนที่มีความคิดและปณิธานที่ยิ่งใหญ่ นางจะยอมสวามิภักดิ์ต่อองค์รัชทายาทจอมเสแสร้งและขี้หวาดระแวงผู้นี้จริงๆ หรือ

“เหยี่ยนกล้าให้คนมอบจดหมาย มอบม้าให้คุณหนูใหญ่ไป๋ ย่อมรู้สถานการณ์ของตระกูลไป๋ดี มิเช่นนั้นพ่อค้าอย่างเหยี่ยนจะกล้าอาจเอื้อมคุณหนูใหญ่ไป๋ได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ!”

ใบหน้าขององค์รัชทายาทปรากฏแววยินดี เขาชอบเซียวหรงเหยี่ยนตรงนี้ที่สุด เขาไม่ทำสิ่งใดเกินตัว รู้จักขอบเขตของตัวเอง

สำหรับองค์รัชทายาทแล้ว เซียวหรงเหยี่ยนเป็นสหายคนแรกที่เขาจริงใจด้วยในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ องค์รัชทายาทเม้มปากเล็กน้อยพลางกล่าวออกมา “ยังมีอีกเรื่องที่เจ้าต้องไตร่ตรองให้ดี คุณหนูใหญ่ไป๋ผู้นี้มีบุตรได้ยาก หากเจ้าแต่งเข้าตระกูลไป๋ ต่อไปหากอยากรับอนุคงทำได้ยากมาก”

คำกล่าวนี้ขององค์รัชทายาทคำนึงถึงจุดยืนของเซียวหรงเหยี่ยนอย่างแท้จริง ผู้ใดจะคิดว่าเซียวหรงเหยี่ยนกลับกล่าวยิ้มๆ ออกมา “หากได้คุณหนูใหญ่ไป๋มาเป็นภรรยา แม้มีบุตรยากก็ไม่เป็นอันใดพ่ะย่ะค่ะ รับบุตรมาเลี้ยงสักคนก็ได้! สุดท้ายแล้วผู้ที่จะอยู่เคียงข้างเราไปตลอดชีวิตก็คือภรรยา ดังนั้นเหยี่ยนให้ความสำคัญเรื่องการที่คนสองคนจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันไปตลอดชีวิต เหยี่ยนอยากมีผู้รู้ใจ มากกว่าทายาทสืบทอดพ่ะย่ะค่ะ”

องค์รัชทายาทคาดไม่ถึงว่าจะได้คำตอบเช่นนี้ “เราไม่เคยได้ยินความคิดเช่นหรงเหยี่ยนมาก่อนเลย!”

บนโลกนี้มีผู้ใดบ้างที่แต่งงานแล้วไม่อยากมีทายาทไว้สืบทอด ทว่า เซียวหรงเหยี่ยนกลับไม่ให้ความสำคัญเรื่องทายาท…

คำกล่าวของเซียวหรงเหยี่ยนก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล

สุดท้ายแล้วผู้ที่อยู่กับเราไปตลอดชีวิตก็คือภรรยาจริงๆ ทว่า บุรุษคนใดมีภรรยาเพียงคนเดียวบ้าง บุรุษที่มีอำนาจล้วนมีภรรยาและอนุมากมาย ภรรยาหลวงจะน่าเอ็นดู สดใสและสดใหม่กว่าบรรดาอนุได้อย่างไร

อยากมีผู้รู้ใจ…

องค์รัชทายาทมองไปทางเซียวหรงเหยี่ยนยิ้มๆ “ถ้อยคำของหรงเหยี่ยนทำให้เราแปลกใจมาก”

“เหยี่ยนไม่อาจเทียบกับองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ เหยี่ยนเป็นพ่อค้า ชีวิตนี้หวังเพียงเกียรติยศและความร่ำรวย ใช้ชีวิตอย่างสนกุสนานไปวันๆ ทว่า องค์รัชทายาทแบกภาระแคว้นต้าจิ้นทั้งแคว้น ย่อมต้องมีทายาทมากมายเพื่อสืบสานราชวงศ์ต้าจิ้นต่อไป!”

องค์รัชทายาทพอใจถ้อยคำของเซียวหรงเหยี่ยนมาก เขาตบไปที่มือของเซียวหรงเหยี่ยนเบาๆ “ครั้งหน้าอย่าวู่วามเช่นนี้อีก หากทำให้คุณหนูใหญ่ไป๋โมโหมันจะไม่คุ้มค่า มีเรื่องอันใดก็บอกเรา เราจะช่วยเจ้าเอง เราอยากให้เจ้าอยู่ที่แคว้นต้าจิ้นใจแทบขาด เราจะได้มีสหายไว้ร่วมสนทนาคลายเหงา!”

รอยยิ้มของเซียวหรงเหยี่ยนอ่อนโยนมากขึ้นกว่าเดิม “เหยี่ยนจะอยู่ที่ต้าจิ้นอีกพักใหญ่เลยพ่ะย่ะค่ะ เรื่องสำคัญของชีวิตไม่อาจเร่งรีบได้ พรุ่งนี้จักรพรรดิของต้าเยี่ยนจะเดินทางมาถึงเมืองหลวงแล้ว ฝ่าบาทเรียกพบองค์รัชทายาทเป็นการส่วนพระองค์เพราะเรื่องนี้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

องค์รัชทายาทก็เดาได้เช่นเดียวกัน “หลังจากต้าเยี่ยนยึดหนานเยี่ยนได้ พวกเขากลับเคารพต้าจิ้นยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ก่อนหน้านี้เจ้าอยู่ที่หนานเยี่ยน เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเขายึดหนานเยี่ยนได้อย่างไร แทบไม่ได้ทำสงครามเลยอย่างที่ได้ยินจริงหรือไม่”

เซียวหรงเหยี่ยนพยักหน้ายิ้มๆ “เหยี่ยนได้ยินว่าหนานเยี่ยนจะมีสงครามจึงเดินทางไปทำการค้าที่นั่น เหยี่ยนเห็นชาวบ้านต่างต้อนรับกองทัพของต้าเยี่ยนไปตลอดทาง ดังนั้นครั้งนี้เหยี่ยนจึงทำกำไรได้น้อยกว่าที่คิดไว้มาก! ทว่า ก็ไม่ได้เสียเปล่า เหยี่ยนพบท่านอ๋องเก้าซึ่งเป็นน้องชายของจักรพรรดิต้าเยี่ยน ได้รับอนุญาตให้เข้าไปทำการค้าในเมืองควงผิงได้ อีกอย่าง เหยี่ยนพบของล้ำค่าที่ควงผิงจึงนำมาให้องค์รัชทายาทด้วยพ่ะย่ะค่ะ เมื่อองค์รัชทายาทกลับมาจากวังหลวง เหยี่ยนจะนำไปมอบให้เพื่อแสดงความยินดีที่พระองค์ได้รับชัยชนะกลับมาพ่ะย่ะค่ะ!”

ดวงตาขององค์รัชทายาทเป็นประกาย องค์รัชทายาทไม่ใช่คนเห็นแก่ได้ที่อยากได้ของจากพ่อค้า ทว่า เซียวหรงเยี่ยนมักมีของล้ำค่าหายากมามอบให้เสมอ เป็นของที่ทำให้คนชอบจนวางไม่ลงจริงๆ

จวนไป๋

เมื่อต่งซื่อได้ยินว่ากองทัพมาถึงประตูทิศใต้แล้ว ฝ่าบาททรงเรียกพบแค่องค์รัชทายาท ให้คนอื่นๆ กลับมาพักผ่อนได้ นางก็นั่งไม่ติดทันที นางพาคนในตระกูลไป๋ออกมารอต้อนรับที่หน้าจวน ชะเง้อมองไปยังที่ไกลๆ หวังจะได้เห็นร่างของบุตรสาว

ผู้ที่มาถึงก่อนคือไป๋จิ่นซิ่วที่กำลังตั้งครรภ์และฉินหล่าง ฉินหล่างประคองไป๋จิ่นซิ่วลงมาจากรถม้า หลูผิง พ่อบ้านเหาและผู้ดูแลตระกูลไป๋ทุกคนที่ยืนชะโงกหน้าอยู่หน้าจวนรีบทำความเคารพไป๋จิ่นซิ่วและฉินหล่าง

ฮูหยินสองหลิวซื่อรีบเดินลงมาจากบันไดเข้าไปประคองบุตรสาว “เจ้าไม่ต้องมาเร็วถึงเพียงนี้ก็ได้ เมื่อพี่หญิงใหญ่ของเจ้ากลับมา แม่ต้องส่งคนไปบอกเจ้าอยู่แล้ว!”

ฉินหล่างทำความเคารพผู้ใหญ่ทุกคนในตระกูลไป๋ ประคองไป๋จิ่นซิ่วเดินขึ้นบันไดอย่างระมัดระวังพลางกล่าวกำชับไปด้วย เต็มไปด้วยความรักที่มีต่อไป๋จิ่นซิ่ว ตอนนี้หลิวซื่อจึงเริ่มพอใจในตัวฉินหล่างมากขึ้นแล้ว

“พี่หญิงรอง!” คุณหนูห้าเข้าไปประชิดตัวไป๋จิ่นซิ่ว ยกมือขึ้นลูบท้องของหญิงสาวอย่างเบามือ “พี่หญิงรองตั้งใจพาน้องมาต้อนรับพี่หญิงใหญ่และพี่หญิงสี่ใช่หรือไม่เจ้าคะ!”

“ใช่แล้ว!” ไป๋จิ่นซิ่วหัวเราะออกมาเบาๆ ลูบไปที่ศีรษะของคุณหนูห้าอย่างอ่อนโยน

หลูผิงที่ยืนอยู่หน้าจวนเห็นร่างองอาจสองร่างควบม้าสองตัวทะยานเข้ามาท่ามกลางแสงอรุณ เขาตื่นเต้นจนขอบตาร้อนผ่าว “กลับมาแล้ว! กลับมาแล้ว! คุณหนูใหญ่และคุณหนูสี่กลับมาแล้วขอรับ!”

ต่งซื่อที่ถูกฉินหมัวมัวประคองอยู่กำมือแน่น รีบถลาไปด้านหน้าสองสามก้าว