บทที่ 264 จ้างเสี่ยวหวาน

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 264 จ้างเสี่ยวหวาน
เมื่อเข้ามาในบ้าน หลี่ฝานจึงได้เห็นภายในห้องชัดเจนยิ่งขึ้น
ในบ้านมีเครื่องเรือนเพียงสามชิ้นเท่านั้น เตียง โต๊ะ และตู้
โต๊ะที่ขาหักไปหนึ่งขาและใช้อิฐมารองแทนขาโต๊ะ ตู้ที่ไม่มีประตู มันเปิดโล่งและเสื้อผ้าถูกจัดวางอย่างเรียบร้อย แม้ว่ามันจะเรียบง่ายแต่ก็ไร้ที่ติ
“เถ้าแก่หลี่ วันนี้ลมอะไรหอบท่านมาที่นี่กันเจ้าคะ?” กู้เสี่ยวหวานกล่าวด้วยรอยยิ้ม

หลี่ฝานจึงถอนสายตาทันทีและหันมาตอบด้วยรอยยิ้มว่า “สาวน้อยกู้ วันนี้ข้าไม่มีธุระก็คงไม่มา และที่มาก็เพราะมีเรื่องจะคุยกับเจ้า”

เนื่องจากเรื่องของเหมียวเอ้อร์ได้รับการแก้ไข หลี่ฝานจึงได้คิดเรื่องนี้มาหลายวันแล้ว
เหมียวเอ้อร์ผู้นั้น ศีลธรรมของเขามีปัญหา แม้ว่าเขาจะทำงานที่ร้านจิ่นฝูมาเป็นเวลาหลายปี และคุ้นเคยกับร้านจิ่นฝูเป็นอย่างมาก แต่ถ้าคนเช่นนี้ยังทำงานอยู่ในร้านจิ่นฝู เกรงว่าร้านนี้คงจะตกต่ำลงอย่างแน่นอน
เป็นไปไม่ได้ที่หลี่ฝานจะคำนวณบัญชีของร้านจิ่นฝูเองทั้งหมด แต่เมื่อไม่มีไม่มีคนทำบัญชี และหลี่ฝานก็ไม่สามารถคำนวณบัญชีได้ ดังนั้นเขาจึงต้องหาคนทำบัญชีใช่หรือไม่? แต่จะมองหาใครกันล่ะ พูดตามตรง คนแรกที่หลี่ฝานนึกถึงเลยคือกู้เสี่ยวหวาน

เมื่อเห็นหลี่ฝานจ้องมองนางด้วยรอยยิ้ม กู้เสี่ยวหวานจึงกล่าวติดตลกว่า “เถ้าแก่หลี่ คงไม่ต้องการให้ข้าเป็นคนทำบัญชีหรือใช่ไหมเจ้าคะ?”

สิ่งที่กู้เสี่ยวหวานกล่าวเป็นเพียงเรื่องตลก แต่หลังจากที่หลี่ฝานได้ยิน เขาก็หยุดหัวเราะทันทีและกล่าวอย่างเคารพว่า “สาวน้อยกู้ฉลาดเสียจริง นั่นเป็นสิ่งที่ข้าต้องการ!”
หลังจากกล่าวเช่นนี้ หลี่ฝานก็ลุกขึ้น ประสานมือ โค้งคำนับและกล่าวอย่างจริงใจ “ข้าอยากจะขอให้เจ้าไปเป็นคนทำบัญชีของร้านจิ่นฝู เจ้าจะว่าอย่างไร?”

เมื่อเห็นหลี่ฝานจริงจังมาก กู้เสี่ยวหวานก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เลี่ยงการคำนับของหลี่ฝานและพ่นลม นางเพียงแค่กล่าวเรื่องตลก แต่นี่คือเรื่องที่หลี่ฝานเตรียมมาอย่างนั้นหรือ?

กู้เสี่ยวหวานรีบเบือนหน้าหนี “เถ้าแก่หลี่ เมื่อสักครู่มันเป็นเพียงเรื่องตลก ท่านก็รู้ดีว่ามีคนทำบัญชีผู้หญิงที่ไหนกัน? และ…” กู้เสี่ยวหวานโบกมือและกล่าวว่า “ข้าเป็นเด็กหญิงอายุเก้าขวบเท่านั้น ถ้าไปเป็นคนทำบัญชี เกรงว่าจะทำให้ผู้คนหัวเราะจนฟันร่วง”

ตั้งแต่สมัยโบราณ คนทำบัญชีเป็นคนมีระเบียบ สุภาพ และอ่อนโยน ไม่ต้องพูดถึงความรู้เต็มเปี่ยม คนที่เรียนหนังสือมาสองสามปีและชายวัยกลางคนหรือผู้ใหญ่ที่อวดดีบางคน ตอนนี้กำลังฟังหลี่ฝานมาขอให้ตนเองเป็นคนทำบัญชีอย่างจริงจัง กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกว่านี่ไม่เหมาะกับนางเลย
แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะพยายามหลบเลี่ยง แต่หลี่ฝานก็รอบคอบและได้ตัดสินใจไปแล้ว เขาต้องการเชิญกู้เสี่ยวหวานให้เป็นคนทำบัญชี แต่เขาก็คาดว่ากู้เสี่ยวหวานจะปฏิเสธอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม วันนี้หลี่ฝานได้เตรียมตัวมาเพื่อเชิญกู้เสี่ยวหวานไปเป็นคนทำบัญชี

“สาวน้อย ฟังข้าพูดให้จบก่อน”

เมื่อเห็นหลี่ฝานมีท่าทีเคร่งขรึม กู้เสี่ยวหวานก็นั่งลงและฟังคำพูดของเขา

“เมื่อข้ากลับมาจากเมืองรุ่ยเสียน ข้ารู้ว่าบัญชีของร้านจิ่นฝูผิดไป เรื่องนี้เจ้าก็คงจะรู้ดี ไม่เช่นนั้นเจ้าคงจะไม่อาสาที่จะมาช่วยข้า!” กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าและตอบรับหนึ่งคำ
“เจ้าอาจจะยังไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ข้ามองหาคนทำบัญชีมากี่คนแล้ว!” หลี่ฝานถอนหายใจและกล่าวพร้อมกับถอนหายใจอีกครั้งหนึ่ง “ยกเว้นร้านอาหารสองสามร้านที่แข่งขันกับร้านของข้า และคนทำบัญชีบางคนที่ไม่คุ้นเคย ข้าถามคนทำบัญชีทุกคนในเมืองหลิวเจียมาแล้วไม่ต่ำกว่าสิบคน!” หลี่ฝานกุมมือของเขา แม้ว่าเขาจะพูดเบา ๆ แต่ในคำพูดของเขาก็มีบางอย่างที่ทำอะไรไม่ได้

“ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะคำนวณบัญชีอย่างไร แต่หลังจากเปิดร้านมาหลายปี แค่มองดูก็รู้แล้ว และข้าก็ทำงานกับเหมี่ยวเอ้อร์มานานมากแล้ว ข้ายังคุ้นเคยกับวิธีการคำนวณบัญชีของเขา ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าเขาสร้างบัญชีปลอม แต่ข้าได้ถามคนทำบัญชีมากกว่าสิบคนแล้ว แต่ไม่มีใครบอกได้ แล้วนับประสาอะไรกับการคำนวณ”
“โชคดีที่เจ้ามาช่วยไว้ ครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้ข้าได้ไล่เขาออกไปเท่านั้น แต่ยังทำให้ข้าเห็นพฤติกรรมของเหมียวเอ้อร์ได้อย่างชัดเจนอีกด้วย” เมื่อหลี่ฝานกล่าวเช่นนี้ เขาก็ยิ่งรู้สึกขอบคุณกู้เสี่ยวหวานมากขึ้นไปอีก “ตั้งแต่วันที่ข้าไล่เหมียวเอ้อร์ออกไป ในร้านอาหารแห่งนั้นข้าก็ได้ตามหาคนทำบัญชีมามากมาย แต่พวกเขาทั้งหมดล้วนไม่น่าเชื่อถือ”

กู้เสี่ยวหวานแอบเห็นด้วยในใจ ถ้าถูกงูกัดก็คงจะกลัวเชือกไปเป็นสิบปี จึงไม่น่าแปลกใจที่หลี่ฝานเป็นกังวล

“บางคนไม่รู้วิธีคำนวณบัญชีเลย เห็นได้ชัดว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อกินและดื่ม” หลี่ฝานกล่าวอย่างหงุดหงิดมาก “ข้าไม่ต้องการคนทำบัญชีอย่างคนพวกนั้น และไม่ต้องการให้พวกเขามารบกวนร้านจิ่นฝู”
“คราวนี้ข้าจึงมาที่นี่เพื่อขอให้เจ้าช่วยข้าผู้นี้!” หลี่ฝานกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ถ้าเจ้าเต็มใจที่จะช่วย ข้าจะซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก”

“มันก็แค่…” กู้เสี่ยวหวานลังเล หลี่ฝานกล่าวทุกอย่างมาหมดแล้ว และถ้านางยังไม่ยอมช่วยเขา นางก็จะดูไร้มนุษยธรรมไปเสียหน่อย ช่างมันไปเถอะ ช่วยไปสักระยะเวลาหนึ่ง รอจนกว่าร้านจิ่นฝูจะพบคนทำบัญชีที่น่าเชื่อถือมากกว่านี้ค่อยพูดกันอีกที

“สาวน้อยถ้าเจ้ามีอะไรก็พูดมาได้เลย!” เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานลังเลใจ หลี่ฝานจึงรู้สึกร้อนรน

“ข้าเป็นเพียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง และถ้าข้าแสดงตัวในร้านอาหาร…นอกจากนี้ น้องชายและน้องสาวของข้ายังอยู่ในหมู่บ้านอู๋ซี ถ้าข้าไปในเมือง ใครจะดูแลพวกเขา?” กู้เสี่ยวหวานไม่ใช่คนอวดดี แต่นางไม่ต้องการให้คนเห็นนางในที่สาธารณะ นอกจากนี้ ถ้ากู้หนิงอันและกู้เสี่ยวอี้ถูกทิ้งให้อยู่ในหมู่บ้านอู๋ซีเพียงลำพัง นางคงจะกังวลมาก
“สาวน้อยเป็นผู้หญิง ไม่ค่อยสะดวกที่จะอยู่ในร้านอาหาร!” หลี่ฝานก็คิดถึงเรื่องนี้และเขาก็คิดมาอยู่แล้ว “สาวน้อย ถ้าเจ้ากังวลเรื่องน้องชายกับน้องสาว เรื่องนั้นข้าคิดมาให้แล้ว ข้าจะจดบัญชีรายวันเอาไว้ และเจ้าก็ไปคำนวณบัญชีแค่สองครั้งต่อสัปดาห์ และข้าจะเตรียมห้องเอาไว้ให้เจ้า เช่นนี้เจ้าก็สามารถที่จะดูแลน้องชายและน้องสาวได้ และไม่ต้องเปิดเผยใบหน้าด้วย เจ้าจะว่าอย่างไร?”

สิ่งที่หลี่ฝานกล่าวนี้เป็นข้อเสนอที่ดีในการทำงาน ถ้าในครั้งนี้กู้เสี่ยวหวานไม่เห็นด้วยก็จะเป็นการปฏิเสธอย่างไร้น้ำใจเสียจริง ๆ
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เสี่ยวหวานของเราจะมีรายได้ช่องทางใหม่แล้วเหรอเนี่ย
ไหหม่า(海馬)