ตอนที่ 155 ผู้เก่งกาจในการใช้เครื่องมือเวท (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 155 ผู้เก่งกาจในการใช้เครื่องมือเวท (1)
วันนี้สถานการณ์ในวังดุสิตค่อนข้างสงบ แต่…

ไฉนถึงมีกลิ่นตุๆ เหมือนมูลวัวย่าง?

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูเหลือบมองเด็กชายสองคนที่กำลังนั่งยองๆ ปรุงโอสถอยู่ในลานอีกแห่งหนึ่งก่อนจะมองไปที่วัวแก่สีเขียวที่หายใจหอบหนักอยู่ใต้ต้นไม้ เขาเผยสีหน้าแปลกประหลาดส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “เสี่ยวจิน เสี่ยวอิ๋น ห้ามปรุงโอสถตามอำเภอใจนะ เจ้ากำลังรบกวนการบำเพ็ญอย่างสงบของข้าอยู่”

เด็กชายสองคนนั้นรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและขานรับอย่างเชื่อฟัง

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูไม่ได้ว่ากล่าวสั่งสอนพวกเขามากนัก

ในเมื่อตอนนี้ตื่นแล้ว เขาจึงทำมุทราหยั่งรู้ที่ทำเป็นประจำเพื่อดูเหตุการณ์สำคัญล่าสุดในโลกบรรพกาลว่ามีอันใดที่เกี่ยวข้องกับสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินเกิดขึ้นบ้างหรือไม่

เนื่องจากอาจารย์มอบหมายหน้าที่เหล่านี้ให้เขารับผิดชอบ จึงทำให้เขาเป็นกังวลมากขึ้น

แน่นอนว่า เหตุการณ์แรกที่เขาหยั่งรู้ได้นั้นคือ การประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋าที่เขาเคยทำนายเอาไว้หลายครั้งก่อนหน้านี้

การประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋านั้นไม่เลวนัก แต่มีศิษย์จากสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินน้อยเกินไป ระหว่างการประชุม พวกเขาจะดูอ่อนแอ… และความจริงแล้ว เจ้าศิษย์น้อยคนนั้นที่อาจารย์ของเขาโปรดปราน อยากจะแกล้งป่วยเพื่อจะได้ไม่ต้องไปเข้าร่วมงาน!

เช่นนั้นจะทำอย่างไรได้

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่รู้ดีว่าคนที่ท่านอาจารย์ของเขาชื่นชอบจะต้องอยู่ใกล้ชิดเขา เขาจะเป็นแบบอย่างเอง

โชคยังดีที่เมื่อศิษย์น้อยผู้นี้แอบเตรียมการต่างๆ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็ค้นพบได้ทันเวลา และหยั่งรู้ว่าศิษย์น้อยผู้นี้กำลังแสร้งทำเป็นได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นเขาจึงแอบกระทำการบางอย่างเงียบๆ…

นี่คือ ทางสูงหนึ่งฉื่อ คลื่นสูงสามจั้ง[1] ไม่ใช่อันใดอื่น นอกจาก… กระบวนท่าลากดึงที่เลิศล้ำกว่าหลี่ฉางโซ่ว

“เสี่ยวฉางโซ่ว หากเจ้าไม่มาที่วังดุสิต แล้วข้าจะสบายใจได้อย่างไร”

เมื่อคิดเช่นนั้นแล้ว ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็ยิ้มออกมาและดูเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินต่อไป

ไม่นานหลังจากนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็ได้รับรู้บางอย่าง…

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จ้าวกงหมิงจากกลุ่มของอาจารย์อาสาม มีการเคลื่อนไหวผิดปกติ เขาทำลายเคหาสน์ถ้ำของผู้อื่นในดินแดนเทวะประจิมและยังไล่ตามต่อสู้กับเหล่าปรมาจารย์จากสำนักบำเพ็ญประจิม

แต่น่าแปลกที่เรื่องเหล่านั้นไม่บานปลายเป็นเรื่องใหญ่ และผู้ที่ถูกทำร้ายก็มักจะเลือกเก็บเรื่องเงียบเอาไว้

“แล้วเรื่องนี้มีเกี่ยวข้องอันใดกับสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน”

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จึงหยิบแผนภาพไทจี๋ขึ้นมาแล้วทำนายดูอย่างระมัดระวัง แต่ก็ไม่ได้รับอะไรมากนัก

จอมปราชญ์เทพจะปกปิดความลับของศิษย์ของเขาเอง แม้ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์ทงเทียนเจี้ยวจู่จะถูกจัดอยู่ในอันดับสุดท้ายในบรรดาปรมาจารย์ซันชิง[2] แต่ในด้านการหยั่งรู้ในเต๋าสวรรค์ เขาก็ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในสามอันดับแรกของบรรดาจอมปราชญ์เทพ!

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่อยู่ในสามอันดับแรกล้วนเป็นจอมปราชญ์เทพแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋า

ยิ่งกว่านั้น แม้กระบี่สังหารเซียนทั้งสี่เล่มและกระบี่ชิงผิงจะไม่สามารถยับยั้งชะตากรรมได้ แต่ก็สามารถตัดความลับแห่งสวรรค์ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถใช้แผนภาพไท่จี๋เพื่อหยั่งรู้สิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับจ้าวกงหมิง

ดังนั้น…

“แท้จริงแล้ว เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินของข้า”

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่รู้สึกงุนงงเล็กน้อย ครั้นเมื่อนึกถึงคำชี้แนะของอาจารย์ เขาก็ลุกยืนขึ้นทันที

เรื่องนี้ เขาต้องไปดูแล้ว

‘จ้าวกงหมิง ปรมาจารย์ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในยุคโบราณตอนปลายพร้อมกับน้องสาวร่วมสาบานทั้งสามได้เข้าร่วมกันบูชาปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์ทงเทียนเจี้ยวจู่เป็นอาจารย์ ซึ่งก่อนหน้านั้น พวกเขาทั้งสี่ก็มีชื่อเสียงและเต๋าของพวกเขาเองอยู่แล้ว เขาได้เป็นหนึ่งในสี่ศิษย์หลักชั้นนอกของสำนัก และได้รับมรดกสืบทอดเพื่อเผยแผ่ธรรมจากปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์ แต่ไม่ได้ฝึกฝนซ่างชิงต้าเต๋า[3]’

แม้ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูจะใช้แผนภาพไท่จี๋ แต่ก็หยั่งรู้สาเหตุและเรื่องราวที่เกิดขึ้นของจ้าวกงหมิงไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็สามารถหยั่งรู้ตำแหน่งของจ้าวกงหมิงว่าอยู่ที่ใดได้…

จากที่ดู เขาก็พบว่า มี ‘รอยเท้า’ ของจ้าวกงหมิงเต็มไปทั่วในแผนภาพไท่จี๋!

เมื่อเขาออกจากประตูสวรรค์ประจิมและผ่านคุนหลุน ก็ได้เห็นนักพรตเต๋าผู้หนึ่งอยู่ที่ขอบดินแดนเทวะ หลังจากนั้นไม่นาน ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูก็มาถึงสถานที่เกิดเหตุ และสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายลมปราณของจ้าวกงหมิงจากระยะทางหลายหมื่นลี้

แต่ในขณะนี้ จ้าวกงหมิงกำลังซ่อนตัวอยู่ในค่ายกลสองสามแห่ง และไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เข้ามาใกล้ถึงด้านข้างของค่ายกลอย่างเงียบๆ โดยอาศัยพลังแห่งแผนภาพไทจี๋ และมองเห็นผ่านค่ายกลได้โดยตรง

ทว่า… ในขณะนั้น จ้าวกงหมิงก็กระอักโลหิตออกมาเต็มปาก ร่างเต๋าของเขาสั่นสะท้านเล็กน้อยขณะที่กัดฟันและก่นด่าใส่ปรมาจารย์จากสำนักบำเพ็ญประจิมที่ได้รับบาดเจ็บซึ่งอยู่ข้างหน้าเขา

“วันนี้ ข้าได้รับบาดเจ็บจากสมบัติวิญญาณของเจ้าโดยไม่มีเหตุผล เกรงว่าจะไม่สามารถฟื้นตัวได้ในเวลาอีกหลายหมื่นปี… *แค่กๆ* เจ้าต้องไปภูเขาหลิงซานกับข้า ไม่เช่นนั้น ต้องได้เห็นดีกัน วันนี้ข้าจะไม่ยอมปล่อยเจ้าไปแน่!”

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูขมวดคิ้ว กำลังจะรีบเข้าไปในค่ายกลเพื่อปกป้องปรมาจารย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าทันที แต่ไม่นาน เขาก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ

ดูเหมือนว่า จ้าวกงหมิงจะไม่ได้รับบาดเจ็บจริงๆ…

หลังจากนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูก็ลืมตาขึ้น

ในค่ายกลนั้น พวกเขาทั้งสองต่างยิ้มเยาะและก่นด่าซึ่งกันและกันเป็นเวลาครึ่งชั่วยาม แล้วจ้าวกงหมิงก็สร้างวงกลมล้อมรอบอีกฝ่ายอย่างเชี่ยวชาญเพื่อนำเข้าสู่ส่วน ‘สุดอนาถ’ โดยให้อีกฝ่ายทำร้ายตัวเองเพื่อให้ลดทอนกำลังลงไป

เมื่อรอให้อีกฝ่ายทำร้ายตัวเองมากพอได้สักพักแล้ว จ้าวกงหมิงก็หยิบผลึกบันทึกเหตุการณ์ออกมาและจัดการฝ่ายตรงข้ามอย่างรวดเร็ว…

แม้สิ่งที่เขาทำไปนั้น มีขั้นตอนนี้ยุ่งยากกว่าเดิมหลายเท่า แต่จ้าวกงหมิงก็ยังคงทำได้คล่องแคล่วและราบรื่น!

ไม่มีอะไร ก็แค่เพราะเขาทำบ่อยจนเชี่ยวชาญแล้วเท่านั้น

ทันใดนั้น จ้าวกงหมิงก็หัวเราะอย่างมั่นใจพลางกล่าวว่า

“สหายเต๋า เจ้าคิดว่าเราน่าจะจัดการเรื่องนี้กันเองหรือควรปล่อยให้เรื่องนี้แพร่กระจายออกไปทั่วโลกบรรพกาลเล่า?”

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูเงียบงันไปด้วยความเครียดขมึง แล้วจู่ๆ ก็ตระหนักบางอย่างขึ้นมาได้

อาจจะเป็น…

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ไม่ได้ปรากฏกายขึ้นทันที

รอจนกระทั่งจ้าวกงหมิงกระทำการเสร็จสิ้นโดยให้ปรมาจารย์แห่งสำนักบำเพ็ญประจิมให้สัตย์สาบานมากมายแล้วจากไป…

จากนั้นปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูก็แสร้งทำเป็นว่าได้พบกับจ้าวกงหมิงโดยบังเอิญ

ทั้งสองทักทายกันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูก็เอ่ยถามคำถามที่อยู่ในใจ

“ศิษย์น้องจ้าว เมื่อไม่นานมานี้ เจ้าพบคนจากสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินบ้างหรือไม่”

จ้าวกงหมิงชะงักงันก่อนจะตระหนักได้ว่าศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าได้เห็นสิ่งที่เขาทำแล้ว

จ้าวกงหมิงหน้าแดงกะทันหันพลางชี้แจงอย่างกระดากว่า “ศิษย์พี่โปรดอย่าเข้าใจผิดคิดตำหนิข้าขอรับ เมื่อครู่นี้ คนผู้นั้นได้ทำร้ายสหายของข้าก่อนถึงงานประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋า ที่ข้าพบเขาในวันนี้ก็เพื่อระบายโทสะเท่านั้นขอรับ”

งานประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋า…

เสวียนตูพยักหน้าพลางยิ้มแล้วเปลี่ยนมุมมองในการถามว่า “ศิษย์น้องจ้าว เมื่อเร็วๆ นี้ เจ้าเคยเห็นเทพแห่งท้องทะเลหรือไม่?”

“ศิษย์พี่เฉียบแหลมยิ่งขอรับ”

“นั่นเป็นคนของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน” เสวียนตูกล่าวพลางถอนหายใจ

เมื่อคิดถึงเหตุการณ์นี้และคำสาบานซับซ้อนที่คนของสำนักบำเพ็ญประจิมเพิ่งทำไว้ในตอนนี้ เสวียนตูก็ตัดสินใจแล้ว …

เขาต้องคิดหาวิธีที่จะทำให้หลี่ฉางโซ่วกลายเป็นศิษย์น้องของเขาเอง!

หากหลี่ฉางโซ่วเข้าสู่วิถีดั้งเดิมของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินและกลายเป็นผู้ติดตามปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตู เขาอาจจะกลายเป็นปรมาจารย์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน เมื่อบรรลุการบำเพ็ญเพียรในระดับสูงขึ้น เช่นนั้นแล้ว เขาซึ่งเป็นศิษย์พี่ใหญ่ก็ไม่ต้องทำอะไรอีกต่อไป

………………………………………………………………………….

[1] เปรียบว่า เมื่อเราทำสิ่งใดสำเร็จแล้ว ก็มักจะเผชิญกับปัญหาที่ยากกว่ายิ่งขึ้นเรื่อยๆ

[2] ปรมาจารย์จอมปราชญ์เทพสูงสุดแห่งเต๋าทั้งสาม คือบรรพชนไท่ชิง องค์เง็กเซียน และทงเทียนเจี้ยวจู่

[3] เหนือวิสุทธิ์แห่งเต๋า ซึ่งเหนือวิสุทธิ์จะหมายถึง ทงเทียนเจี้ยวจู่ และการที่จ้าวกงหมิงไม่ได้ฝึกฝนซ่างชิงต้าเต๋าในที่นี้ นั่นเป็นเพราะเขาเป็นศิษย์ชั้นนอกของทงเทียนเจี้ยวจู่