เวลาผ่านไปช้าๆ แม้ว่าตอนแรกซูสือจิ่นยังมีสติอยู่ แต่ท้ายที่สุด ก็ค่อยๆหลับไปอีกครั้ง
จนถึงวันรุ่งขึ้น เธอลืมตาขึ้น
เรื่องทั้งหมดเมื่อคืน เพราะเป็นไข้ รู้สึกเบลอๆ ดังนั้นตอนตื่นขึ้น เธอเห็นตัวเองยังอยู่ในอ้อมกอดของหยานชิงเจ๋อเหมือนเดิม เธอถึงรู้ตัวว่าทั้งหมดนั้นเป็นความจริง!
คิดไม่ถึงว่าเขาจะกอดเธอไว้ทั้งคืนจริงๆ!เหมือนวันที่พวกเขาเกิดความสัมพันธ์ขึ้นทุกอย่าง
นึกถึงวันนั้น สัญชาตญาณของเธอเกร็งขึ้นเล็กน้อย ดังนั้น แม้ว่าเธอต้องการอ้อมกอดของเขา ก็ยังขยับตัวเล็กน้อย อยากจะออกจากอ้อมกอดหยานชิงเจ๋อแบบเงียบๆ
แต่เธอแค่ขยับ เขาที่หลับอยู่กลับใช้แขนรัดแน่น กดเธอลงไปอีกครั้ง เพราะฉะนั้นเธอดิ้นไม่ได้แล้ว
นี่ไม่มีอะไร เพียงแต่…
ซูสือจิ่นตามการกระทำที่หยานชิงเจ๋อกดเธอ เธอแนบชิดร่างกายเขา แล้วก็ถูกของแข็งดันขึ้นมา!
ดวงตาเธอเบิกกว้างทันที รู้ได้ว่านั่นเป็นอะไร!
ดังนั้น เธอไม่กล้าขยับอีก ทำได้แค่อยู่ในอ้อมกอดเขาอย่างสงบ พยายามห้ามหัวใจที่เต้นแรง
หยานชิงเจ๋อเพราะต้องระวังอุณหภูมิร่างกายซูสือจิ่น ดังนั้นเลยไม่ค่อยได้นอนทั้งคืน จนถึงฟ้าสว่างแล้ว เขาเห็นว่าอุณหภูมิร่างกายเธอกลับมาปกติ 37.4 องศา แม้ว่าจะมีไข้ต่ำๆ แต่เขาป้อนยาให้เธอแล้ว คงจะค่อยๆดีขึ้น ดังนั้นเขาถึงสบายใจหลับไป
ตอนตื่นขึ้นอีกครั้ง ท้องฟ้าก็สว่างมากแล้ว เขาขยับตัวเล็กน้อย รู้สึกร่างกายที่นิ่มนวลทำให้เลือดในกายเขาสูบฉีดอย่างห้ามไม่ได้ ดังนั้น มันเด้งขึ้นตามสัญชาตญาณ
แต่ตอนที่เด้งโดนซูสือจิ่น เขาก็ตื่นขึ้นทันที!
ความร้อนออกมาจากหัวใจ ส่งไปถึงใบหน้าอย่างรวดเร็ว หยานชิงเจ๋อคิด ตอนนี้หน้าเขาของแดงแจ๋แน่เลย?
เป็นปฏิกิริยาปกติของผู้ชายในตอนเช้า แต่เมื่อกี้เกิดขึ้นเพราะเธอ…
เขาค่อยๆลืมตาขึ้น หรี่ตาไว้อยากดูว่าซูสือจิ่นตื่นหรือยัง
เห็นเธอหลับตาอยู่ หยานชิงเจ๋อถอนหายใจโล่งอกเบาๆ รออุณหภูมิที่หน้ากลับเป็นปกติ ถึงเอาแขนออกช้าๆ วางซูสือจิ่นลง
เธอยังไม่ตื่น ดังนั้นเขาถือโอกาสนี้ ลุกขึ้นเดินไปห้องน้ำ ทำให้ร่างกายกลับมาปกติช้าๆ
หยานชิงเจ๋อเดินไป ซูสือจิ่นก็ลืมตาขึ้น
การกระทำเขาเมื่อกี้มันชัดเจนมาก ถึงขนาดที่ตอนนี้ท้องน้อยของเธอยังมีอุณหภูมิของเขาติดค้างอยู่
ซูสือจิ่นใจสั่นนิดๆ และหวานหน่อยๆ ในใจว้าวุ่นกลับไปกลับมา มือทั้งสองกอดผ้าห่มไว้ ไม่รู้ว่าควรแกล้งหลับต่อไปไหม
ตอนที่เธอกำลังลังเล หยานชิงเจ๋อแต่งตัวเรียบร้อย เดินมาถึงห้องนั่งเล่น หยิบมือถือขึ้นโทร “สวัสดีครับ ผมอยากสั่งอาหารเช้า…”
ดังนั้น เขากำลังเตรียมข้าวเช้าของพวกเขา?
ซูสือจิ่นหูผึ่งฟังเงียบๆ จนถึงตอนเธอได้ยินหยานชิงเจ๋อสั่งของชอบของเธอทั้งหมด มุมปากก็ยกขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ ใบหน้าแสดงความดีใจออกมา
นี่บ่งบอกได้ไหมว่า ระยะห่างระหว่างเธอกับเขา ขยับเข้าใกล้กันนิดหนึ่งแล้ว?
หยานชิงเจ๋อสั่งข้าวเช้า แล้วไปล้างหน้าถึงเดินกลับมาห้องนอน
ตอนเขามาถึงประตูห้องนอน จู่ ๆก็หยุดเดิน
ในตอนกลางคืน ทำให้คนซ่อนทุกอย่างไว้ในความมืด หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าได้ หลอกตัวเองได้
แต่ตอนกลางวัน…
เขาในตอนนี้ หลังจากเธอตื่นแล้ว ควรจะอยู่ร่วมกับเธอยังไง?
เกี่ยวกับความบ้าคลั่งเมื่อคืน เขาควรอธิบายยังไง?
หยานชิงเจ๋อกำลังทะเลาะกับความเห็นแก่ตัวของตัวเอง จู่ ๆได้ยินเสียงจากในห้องนอน ดังนั้นทิ้งเรื่องทั้งหมด ก้าวเท้ายาวเข้าไป
เดิมซูสือจิ่นอยากแกล้งหลับต่อ แต่เธออยากเข้าห้องน้ำ!
เธอกลั้นไม่ไหวแล้ว ทำได้แค่ลุกขึ้น คิดจะกระโดดขาเดียวไปห้องน้ำเอง
คิดไม่ถึงว่าจะเห็นหยานชิงเจ๋อเข้ามาแล้ว เธอไม่ทันตั้งตัว สีหน้าบนใบหน้าแข็งไปทันที
เขาไม่รู้ว่าควรสบตาเธอยังไง เลยก้มหน้าถามเบาๆ “ตื่นแล้ว?”
ซูสือจิ่นพยักหน้า “อืม ฉันอยากเข้าห้องน้ำ”
หยานชิงเจ๋อพยักหน้า แล้วเดินเข้าไปเงียบๆ อุ้มซูสือจิ่นขึ้น
หัวเธอยังเบลอๆ ตอนถูกอุ้มขึ้น ยิ่งทำให้รู้สึกเสียการทรงตัว แขนเธอกอดคอหยานชิงเจ๋อไว้แน่นตามสัญชาตญาณ ศีรษะก็พิงอยู่บนไหล่เขา
ร่างกายเขาเกร็งขึ้น แต่ครู่เดียวก็เดินไปทางห้องน้ำทันที
ยังคงเหมือนกับเมื่อวาน เขาวางเธอบนพื้น แล้วหมุนตัวออกไป ตอนปิดประตู อ้าปากบอก “เสร็จแล้วเรียกฉัน”
“อืม” ซูสือจิ่นพยักหน้า
หลังจากนั้น การเคลื่อนไหวของเธอทั้งหมดมีหยานชิงเจ๋ออุ้มไปอุ้มมา จนถึงพนักงานส่งอาหารเช้ามาให้พวกเขา
เพราะซูสือจิ่นเป็นไข้ แม้ว่าจะเป็นของที่ตัวเองชอบ แต่กินแค่สองคำก็กินไม่ลงแล้ว
หยานชิงเจ๋อเห็นท่าทางเธอพิงเก้าอี้อย่างอ่อนแรง วางตะเกียบลงอย่างห้ามไม่ได้ เดินเข้าไปยื่นมือทาบบนหน้าผากของซูสือจิ่น
ยังร้อนอยู่นิดๆ แต่ดีขึ้นมากแล้ว
เขารบเร้าเธออย่างห้ามไม่ได้ “กินอีกหน่อย ไม่งั้นร่างกายจะไม่มีแรง”
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดกับเธอด้วยความใจเย็น ห่วงใยเธอแบบนี้ ตั้งแต่พวกเขาแต่งงานกันมา ดังนั้นแม้ว่าซูสือจิ่นไม่อยากกิน ก็หยิบตะเกียบขึ้นกินข้าวต่อ
หยานชิงเจ๋อเห็นเธอเริ่มกินต่อ ดังนั้นเลยกลับที่นั่งกินโจ๊กตรงหน้าตัวเองหมด
แต่ซูสือจิ่นเพิ่งกินไข่ดาวไปฟองหนึ่ง ก็รู้สึกพะอืดพะอมในท้อง
เธอปิดปากไว้ทันที แล้วลุกยืนจากเก้าอี้ทันที
หยานชิงเจ๋อเห็น เดินเข้าไปด้วยความกังวล “เป็นอะไร?”
นิ้วของซูสือจิ่นชี้ไปทางห้องน้ำ
เขาอุ้มเธอเดินไป อยู่หน้าชักโครก ซูสือจิ่นเปิดฝาอ้วกออกมา
ตอนเช้าเธอกินไม่มาก ครู่เดียวก็อ้วกเอาทุกอย่างที่กินออกมาจนหมด แล้วอ้วกน้ำย่อยออกมาหลายครั้ง
เธอเช็ดปาก แล้วไปบ้วนปากที่อ่างล้างมือ แล้วกดหน้าอกไว้อย่างอ่อนแรง
“ทรมานมากไหม?” หยานชิงเจ๋อเห็นท่าทางของซูสือจิ่นดูทรมาน ดังนั้นอุ้มเธอไปนั่งที่โซฟา แล้วโทรหาหมอ
“หมอเฉิน ใช่ ไข้ของเธอลดลงเหลือ 37.3 องศาแล้ว แต่ไม่อยากอาหาร เมื่อกี้กินอาหารไปนิดเดียวก็อ้วกออกมาหมด…”
ซูสือจิ่นฟังหยานชิงเจ๋อที่คุยโทรศัพท์อยู่ตรงหน้าหน้าต่าง เธอมองด้านหลังเขา ใจเต้นแรงขึ้นนิดๆ
เขายังห่วงเธอใช่ไหม?
ดังนั้นเห็นเธออ้วกเมื่อกี้ สีหน้าเขาถึงเปลี่ยนไป รีบโทรถามหมอทันที
แบบนั้น เธอสัญญากับตัวเองไว้สองเดือน ในที่สุดก็สำเร็จแล้วใช่ไหม?
หยานชิงเจ๋อวางสาย แล้วเทน้ำหนึ่งแก้ว เดินหยุดหน้าซูสือจิ่น ยื่นให้เธอ “หมอเฉินบอกว่า เมื่อคืนเธอไข้สูงเกินไป ตัวยาทำให้กระเพาะระคายเล็กน้อย ดังนั้นเมื่อกี้ถึงอ้วกออกมา กินอาหารช้าๆ ดื่มน้ำอุ่นเคลือบไว้ก่อน”
ซูสือจิ่นพยักหน้า รับน้ำอุ่นที่หยานชิงเจ๋อยื่นให้ ดื่มลงไปอย่างเชื่อฟัง
“ตอนนี้หิวไหม?” เขาถามเธออีกครั้ง
ซูสือจิ่นส่ายหน้า “ก็แค่ไม่มีแรง”
“งั้นกลับไปนอนพักที่เตียงอีกหน่อย?” หยานชิงเจ๋อพูด
ซูสือจิ่นส่ายหน้า “นอนเยอะแล้ว ฉันลุกมาเดิน พี่ประคองฉันได้ไหม?”
สายตาเขามองไปที่เท้าของเธอซูสือจิ่น นึกอะไรขึ้นได้ หยานชิงเจ๋อเอายาทาภายนอกของซูสือจิ่นออกมาจากตู้ ทาบนเท้าเปล่าของเธออย่างละเมียดละไม
เขาเห็นว่าเท้าเธอหายบวมมากแล้ว ดังนั้นเงยหน้าถามเธอ “ยังเจ็บไหม?”
เพียงแต่ตอนที่หยานชิงเจ๋อเงยหน้ามองซูสือจิ่น เห็นเธอกำลังมองเขาอยู่
ดังนั้นดวงตาทั้งคู่สบตากัน บรรยากาศอึดอัดขึ้นชั่วพริบตา
ซูสือจิ่นคิดไม่ถึงว่าหยานชิงเจ๋อจะมองเธอ เธอเห็นท่าทางเขาที่จริงจัง จ้องไม่ละสายตาตามความเคยชิน
ดังนั้นตอนเขามองมา เธอก็มึนงงไป
เธอรีบหันเหสายตา ส่ายหน้า “ไม่ใช้แรงก็ไม่เจ็บ”
หยานชิงเจ๋อพยักหน้า แล้วประคองเธอขึ้น พูดว่า “เธอลองเดินว่าได้ไหม?”
ซูสือจิ่นเขย่งเท้าลงไป ความเจ็บก็แล่นขึ้นมาทันที เธอร้อง “โอ๊ย”ออกมาอย่างไม่ตั้งใจ ตอนกำลังจะอธิบาย ก็พบว่า
หยานชิงเจ๋ออุ้มเธอขึ้นแล้ว
เขาก้มศีรษะถามเธอ “เดินแบบนี้?”
เดิมเธออยากเดินด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าเขาอุ้มเธอเดินในห้อง?
แม้ว่าจะไม่ใช่จุดประสงค์เธอก่อนหน้านี้ กลับทำให้เธอเต็มไปด้วยความสุข
ซูสือจิ่นพยักหน้า “ไปถึงหน้าหน้าต่าง พี่ค่อยปล่อยฉันลงก็พอ”
หยานชิงเจ๋อพยักหน้า พาซูสือจิ่นเดินไปบานหน้าต่างใหญ่ของห้องนั่งเล่น
“ว้าว!”ซูสือจิ่นมองเมืองสีเงินบางๆที่กระจายอยู่ด้านล่าง ลืมความอึดอัดระหว่างทั้งสองคนไป อุทานอยากตกใจ “ไม่คิดว่าหิมะจะตก!”
น้ำเสียงเธอแฝงไปด้วยความดีใจ ใบหน้าสดใส ทำให้หยานชิงเจ๋ออดอึ้งไม่ได้
อารมณ์เขาถูกเธอพาไป ลืมฉากเมื่อคืน พยักหน้า “เริ่มตกตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่เพราะอุณหภูมิต่ำไม่พอ
ดังนั้นส่วนใหญ่เลยละลายไป ตอนนี้บนพื้นก็ไม่ได้หนามาก”
“เป็นหิมะแรกของปีนี้นะ!” นิ้วของซูสือจิ่นชี้ไปบนหน้าต่าง ปลายนิ้วขาวกับเล็บสีชมพู ดูแล้วประกายสวยงาม เพียงแต่มีเล็บอันหนึ่งหักไปครึ่งหนึ่ง มีฟกช้ำสีเข้มติดอยู่บนเล็บ
สายตาหยานชิงเจ๋อมองไปที่เล็บที่เจ็บของเธอ ขมวดคิ้วขึ้นช้าๆ
ทำไมเธอเจ็บไปทุกที่?
ตอนเขานึกว่าตัวเองทำอะไรไป มือก็ยื่นออกไปแล้ว คว้านิ้วของซูสือจิ่นมาไว้ที่ฝ่ามือ
เขาตกใจ เดิมคำที่เตรียมจะพูด เปลี่ยนคำทันที
เขาขมวดคิ้ว “ทำไมไว้เล็บยาวแบบนี้? มีแต่เชื้อโรค ไม่แปลกที่จะไม่สบายบ่อยๆ!”
ซูสือจิ่นอึ้งไป ก้มมองเล็บของตัวเอง
อันที่จริงปกติเธอก็ไม่ได้ไว้เล็บยาว แต่เพราะก่อนหน้านี้เธอถูกใจลายเล็บอันหนึ่ง คิดว่าตอนเป็นเจ้าสาว ได้เต้นรำกับด้วยกันกับหยานชิงเจ๋อ วางนิ้วบนไหล่ของเขา ดังนั้นถึงตั้งใจไว้เล็บหนึ่งอาทิตย์ ทำลวดลายที่ค่อนข้างยุ่งยากออกมา
ตอนนี้เห็นหยานชิงเจ๋อขมวดคิ้ว ซูสือจิ่นอดก้มมองมือตัวเอง “ฉันคิดว่าสวยดี…พี่ไม่ชอบเหรอ?”