บทที่ 263 มหามรรควัฏจักรอนธการ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 263 มหามรรควัฏจักรอนธการ

“ตรวจสอบดู ข้าอยากรู้ว่าต้นเหตุอยู่ที่ใด!”

จักรพรรดิสวรรค์ตะคอกด้วยพระสุรเสียงเคร่งขรึม ในเมื่อคำนวณไม่ได้ ก็ใช้กำลังคนไปหา!

บรรดาเทพเซียนน้อมรับพระบัญชาในทันที เดิมทีต้องการถกกลยุทธ์ในการยกทัพไปปราบปรามวังปีศาจ ขณะนี้กลับถูกขัดจังหวะแล้ว

บางทีการที่ดวงชะตาเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันอาจไม่ใช่เรื่องดี อาจมีคนกำลังเล่นงานวังสวรรค์อยู่!

มหาเคราะห์ไร้ขอบเขตใกล้จะมาถึง กลุ่มอิทธิพลที่มีดวงชะตาแข็งแกร่งที่สุดจะต้องเข้าร่วมเคราะห์อย่างแน่นอน

จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา หลังจากกลุ่มอิทธิพลที่แข็งแกร่งที่สุดเข้าร่วมมหาเคราะห์แล้ว มักจะมีจุดจบน่าเวทนาสุด

นี่คือสาเหตุที่สี่กลุ่มอิทธิพลใหญ่ระดับเจ้าจักรวรรดิรักษาสมดุลมาโดยตลอด

สามารถต่อสู้กันได้ แต่ย่อมไม่อยากเป็นกลุ่มอิทธิพลที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างเด็ดขาด

ที่วังสวรรค์กับวังเทพรวมตัวเป็นกลุ่มก้อนก็เพราะความคิดเช่นนี้ ทั้งสองต่างก็แข็งแกร่งขึ้นด้วยกัน ไม่มีใครแข็งแกร่งที่สุด

เมื่อมองดูมหาเคราะห์ในอดีต ผู้ที่ได้รับชัยชนะในตอนท้ายล้วนเป็นกลุ่มอิทธิพลที่ไม่เข้าทำเนียบระดับชั้น

ปฐมเคราะห์หลงฮั่น มังกร หงส์ และกิเลนทั้งสามเผ่าต่อสู้กัน สำนักพุทธผุดขึ้นมา

มหาเคราะห์จอมเวทปีศาจ จอมเวทและปีศาจต่อสู้จนตายทั้งสองเผ่า เผ่ามนุษย์ผุดขึ้นมา

มหาเคราะห์ผนึกเทพ สามนิกายสำนักเต๋าต่อสู้กันภายใน สำนักพุทธผุดขึ้นมา

จักรพรรดิสวรรค์พยายามทำให้อารมณ์สงบลง ในใจทรงพิโรธมาก

มหาเคราะห์เพิ่งจะก่อตัวก็มีคนทำร้ายวังสวรรค์แล้วหรือ

……

สำนักพุทธ

บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์พลันลืมตาขึ้นมา เขามองไปตรงขอบฟ้า และขมวดคิ้วกล่าวพึมพำ “ดวงชะตามหามรรค วังสวรรค์คิดจะทำอะไร นี่คือการประกาศศึกหรือ”

เขารีบติดต่อจักรพรรดิปีศาจทันที

อีกด้านหนึ่ง

วังเทพ

ประมุขแห่งวังเทพกำลังฝึกบำเพ็ญอยู่ ขณะเดียวกันก็รับรู้ถึงดวงชะตาของวังสวรรค์ที่เพิ่มขึ้นฉับพลัน

พอเขางอนิ้วคำนวณดู ก็คำนวณไม่เจออะไรเลย

ความคิดแรกของเขาคือมีคนกำลังเล่นงานวังสวรรค์อยู่!

ช่วงหลายปีนี้ วังสวรรค์กับสำนักพุทธ วังปีศาจ และเผ่ามารเกิดศึกกันเป็นนิจ ทุกข์ทรมานจนยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ ดวงชะตาจะเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันได้อย่างไร

“ดูท่ามหาเคราะห์คงจะมาแล้วจริงๆ”

ประมุขแห่งวังเทพกล่าวพึมพำด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

นี่เป็นครั้งแรกที่วังเทพประสบกับมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต เป็นถึงประมุขแห่งวังเทพย่อมกดดันมาก

ไม่ระวังเพียงเล็กน้อย วังเทพก็ไม่มีอยู่แล้ว!

……

หานเจวี๋ยหยั่งถึงยอดมรรควิถีทำให้แดนเซียนสั่นสะเทือน เหตุการณ์ปรากฏเสมอเหมือนกระแสคลื่นโหมซัดสาด

ตัวเขาเองไม่รู้เรื่องราวใดๆ เลย ยังคงทำความเข้าใจมรรควิถีอยู่

ภายในมิติลึกลับ เขาถูกห้อมล้อมด้วยหมอกสีม่วงจนกลายเป็นไข่สีม่วงขนาดใหญ่ใบหนึ่ง อักขระลึกล้ำลึกลับหมุนวนอยู่รอบๆ ดูจากรูปแบบอักขระเหมือนจะต่างประเภทกันด้วย

เขาหาความรู้สึกเจอแล้ว

วิชายุทธ์ที่แข็งแกร่งและใหม่เอี่ยมกำลังเกิดขึ้นในสมองของเขา ปรับปรุงและเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง

นี่ไม่ใช่วิชายุทธ์แล้ว แต่เป็นมรรควิถี!

วิถีที่สามารถพิสูจน์มรรคได้!

ขณะเดียวกัน

ปรากฏเมฆอัสนีพวยพุ่งบนท้องฟ้าเหนือเขาเพียรบำเพ็ญเซียน อัสนีสีม่วงทอประสานสลับไปมานับไม่ถ้วน

บรรดาศิษย์สำนักซ่อนเร้นแหงนหน้ามองไปด้วยความตกใจ อานุภาพกดดันน่าหวาดกลัวยิ่งนัก

สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์มองไม่เห็นปรากฏการณ์นี้ ก่อนหน้านั้นหานเจวี๋ยนำฟังก์ชันเขตอาคมของระบบเชื่อมผนึกกับอาณาเขตเต๋า ไม่ว่าภายในจะเกิดอะไรขึ้น มองจากภายนอกเข้ามา เขาเพียรบำเพ็ญเซียนยังคงดูสดใสไม่มีความผิดปกติเลยแม้แต่น้อย กลิ่นไอในเขาเพียรบำเพ็ญเซียนก็ไม่เล็ดลอดออกไป

ถึงอย่างไรสำนักซ่อนเร้นก็ล้วนเป็นผู้มีพรสวรรค์ มีคนทะลวงตลอดเวลา ย่อมก่อให้เกิดความเคลื่อนไหวขนาดใหญ่

แต่หากหานเจวี๋ยมองเห็นเมฆอัสนีบนยอดเขาจะต้องตกใจอย่างแน่นอน

แม้แต่หินมรรคาสวรรค์และอาณาเขตเต๋ายังไม่อาจหยุดยั้งเคราะห์สวรรค์ได้หรือ

อย่างที่รู้ว่าก่อนหน้านั้นเขาพิสูจน์จักรพรรดิยังไม่ต้องฝ่าด่านเคราะห์เลย!

อัสนีสีม่วงเส้นหนึ่งผ่าลงมาอย่างบ้าคลั่ง มันร่วงลงบนยอดเขาและผ่าทะลุตัวภูเขาก่อนตกลงบนตัวหานเจวี๋ย

ตัวภูเขาไม่ได้ถูกทำลาย กายเนื้อของหานเจวี๋ยกลับสั่นสะท้าน

นี่ไม่ใช่เคราะห์สวรรค์!

เพราะไม่มีพลังในการทำลาย!

คล้ายพิธีชำระล้างอย่างหนึ่งมากกว่า!

ภายใต้การอัดเข้าไปของอัสนีสีม่วงแต่ละสาย กายเนื้อของหานเจวี๋ยเปล่งแสงออกมา ดูคล้ายกับดวงดาวรูปมนุษย์ดวงหนึ่ง

กายเนื้อของหานเจวี๋ยกำลังชุบหลอม แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เมื่อไก่คุกรัตติกาล อู้เต้าเจี้ยน ฉวินฉางอันและคนอื่นๆ ค้นพบว่าอัสนีสีม่วงไม่ได้ทำลายเขาเพียรบำเพ็ญเซียนนั้น ก็วางใจขึ้นมา

พวกเขายืนยันว่าหานเจวี๋ยจะต้องฝึกฝนพลังวิเศษอย่างแน่นอน!

พลังวิเศษชนิดหนึ่งที่ทั้งลึกลับและแข็งแกร่ง!

……

ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าใด

ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ฟื้นขึ้นมา

อักขระลึกลับ และหมอกสีม่วงรอบตัวล้วนถูกเขาดูดเข้าไปในร่างทั้งหมด

หานเจวี๋ยลืมตาทั้งคู่ ลูกตาดำกลายเป็นสีม่วง

“วิชานี้ชื่อว่ามหามรรควัฏจักรอนธการ!”

หานเจวี๋ยพูดพึมพำกับตัวเอง พอน้ำเสียงสิ้นสุดลง ไอสีม่วงบริเวณรอบๆ ก็หลั่งไหลเข้าสู่ร่างของเขาอย่างบ้าคลั่ง

ตบะของเขาเริ่มเพิ่มขึ้นฉับพลัน

[ยินดีด้วยท่านสร้างวิชายุทธ์ระดับมหามรรคสำเร็จ ได้รับหินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน ยอดสมบัติหนึ่งชิ้น]

[ยินดีด้วยท่านได้รับกระบี่ดึกดำบรรพ์โลกาสวรรค์]

[กระบี่ดึกดำบรรพ์โลกาสวรรค์: สมบัติวิญญาณระดับเทพ สมบัติแห่งการฟันสังหาร อานุภาพไร้ขีดจำกัด แรงกรรมยิ่งแข็งแกร่ง พลังในการทำลายสังหารก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปด้วย]

‘วิชายุทธ์ระดับมหามรรค!’

หานเจวี๋ยดีใจมาก ครั้งนี้การบำเพ็ญในภายหน้าก็จะราบรื่นแล้ว

เขาไม่ได้นำกระบี่ดึกดำบรรพ์โลกาสวรรค์ออกมาทันที แต่กลับทำความเข้าใจต่อ

แม้เขาจะหยั่งรู้มหามรรควัฏจักรอนธการ แต่ใช่ว่าจะเชี่ยวชาญอย่างสิ้นเชิง แม้กระทั่งยังไม่รู้ว่ามรรคนี้สามารถฝึกฝนได้ถึงระดับใด

หวนนึกถึงการทำความเข้าใจในก่อนหน้า หานเจวี๋ยรู้สึกราวกับฝันไปหนึ่งตื่น หลังจากฟื้นขึ้นมาแล้วความฝันก็เลือนราง

ผ่านการสร้างสรรค์ในรอบนี้ ในที่สุดหานเจวี๋ยก็เข้าใจว่าปราณในร่างของเขาไม่ใช่ปราณฮุ่นตุ้น แต่เป็นปราณอนธการที่อยู่ระดับที่สูงกว่า

กายดาราอนธการสามารถสร้างปราณอนธการได้อย่างต่อเนื่อง ปราณอนธการสูงกว่ามรรคาสวรรค์ ไม่ถูกมรรคาสวรรค์ควบคุม

เป็นเวลาเนิ่นนาน

จิตรับรู้ของหานเจวี๋ยกลับเข้ากายเนื้อ

เขาลืมตาขึ้น ค้นพบว่าภายในถ้ำเทวาระเกะระกะไปหมด เขาไม่ได้คิดอะไรมาก และเริ่มสัมผัสถึงกายเนื้อ

‘เอ๊ะ!’

พลังเวทของเขาแข็งแกร่งไม่น้อยกว่าสิบเท่า อยู่ห่างจากจักรพรรดิเซียนสองวัฏจักรไม่มาก!

จักรพรรดิเซียนเก้าวัฏจักร นอกจากสะสมความแข็งแกร่งของพลังเวทในแต่ละขั้นแล้ว ยังต้องให้วิญญาณเกิดการเปลี่ยนแปลงด้วย

เกิดเปลี่ยนแปลงเก้าครั้งก็คือจักรพรรดิเซียนเก้าวัฏจักร!

เมื่อวิญญาณบรรลุถึงระดับสมบูรณ์แบบแล้ว ก็สามารถทะลวงระดับเทพได้!

ระดับจักรพรรดิฝึกบำเพ็ญวิญญาณ ระดับเทพฝึกบำเพ็ญมรรคจิต!

มรรคจิตใช่ว่าทำให้มั่นคงก็เพียงพอแล้ว ยังต้องทำการฝึกบำเพ็ญ ระดับเทพยังสามารถใช้มรรคจิตปราบปรามเวไนยสัตว์ได้

หานเจวี๋ยพอใจขั้นสุด

สมกับเป็นชิ้นส่วนมหามรรคเก้าชิ้น คลื่นนี้ก่อตัวขึ้นแล้ว!

หานเจวี๋ยโบกมือขวาทำให้ทุกอย่างในถ้ำเทวากลับมาเป็นปกติ

“ออกมาพบกันหน่อย”

น้ำเสียงคุ้นเคยลอยเข้ามา คือจักรพรรดิสวรรค์นั่นเอง

หานเจวี๋ยงุนงง ‘เหตุใดจักรพรรดิสวรรค์ถึงมา’

เขารีบหายวับไปจากถ้ำเทวา และไปยังป่าเล็กๆ ที่คุ้นเคยแห่งนั้น

หานเจวี๋ยเพิ่งจะปรากฏตัวก็รับรู้ถึงสายพระเนตรของจักรพรรดิสวรรค์ที่เต็มไปด้วยการกดขี่

จักรพรรดิสวรรค์ทอดพระเนตรหานเจวี๋ยอย่างละเอียดถี่ถ้วนพร้อมกับตรัสขึ้นมา “ดวงชะตายิ่งใหญ่มาก เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย!”

หานเจวี๋ยอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็รับรู้ดวงชะตาของตนเอง

‘เอ๊ะ! แข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนมากจริงๆ!’

ดวงชะตาที่กล่าวถึงไร้รูปไร้สี ต้องใช้วิธีการพิเศษถึงรับรู้ได้ แต่จักรพรรดิเซียนสามารถใช้พลังวิเศษตรวจสอบได้

หานเจวี๋ยในขณะนี้ราวกับพระอาทิตย์ดวงหนึ่งที่ส่องแสงเจิดจ้า

‘พลังสะท้อนของวิชายุทธ์ระดับมหามรรคน่ากลัวเช่นนี้เชียวหรือ

แย่แล้ว!’

คราวนี้ไม่อาจถูไถเอาตัวรอดไปวันๆ แล้ว

หานเจวี๋ยไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้าจักรพรรดิสวรรค์อย่างไร

“บอกข้ามาตามตรง ก่อนหน้านั้นเจ้าทำอะไรมา” จักรพรรดิสวรรค์จ้องหานเจวี๋ยด้วยดวงพระเนตรที่แวววาว

ใจของเขาเต้นจนเกือบจะหลุดออกมาแล้ว

เดิมทีคิดว่าวังสวรรค์จะเผชิญกับวิกฤติครั้งใหญ่ คิดไม่ถึง……

จะเป็นโชควาสนาที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน!

สามารถชักนำมหามรรคมาได้ หานเจวี๋ยจะต้องได้รับโชคยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน!

หานเจวี๋ยกล่าวอย่างระมัดระวัง “ก็คือรู้แจ้ง…อยู่ครู่หนึ่ง”

พระพักตร์ของจักรพรรดิดูไร้ความรู้สึก แต่พระทัยกลับสั่นไหว

‘รู้แจ้งอยู่ครู่หนึ่ง? เด็กอย่างเจ้าปั่นจนโกลาหลอลหม่านไปหมดแล้ว! ไม่ได้! คุณสมบัติอย่างหานเจวี๋ยนี้หากเผยแพร่ออกไป สำนักพุทธ วังปีศาจ วังเทพ หรือแม้แต่สำนักเต๋าจะต้องพยายามสังหารเขาอย่างสุดชีวิต’

พระทัยของจักรพรรดิสวรรค์เริ่มร้อนระอุ

บางทีหานเจวี๋ยอาจจะสามารถพิสูจน์ต้าหลัวได้!

กี่ปีแล้ว!

แดนเซียนไม่มีต้าหลัวถือกำเนิดนานแล้ว นานจนเวไนยสัตว์คิดว่าจักรพรรดิเซียนคือจุดสูงสุดของการฝึกบำเพ็ญ!

……………………………………….