บทที่ 291 ชอบผู้หญิงแบบนี้มาก
ลี่จุนถิงขมวดคิ้ว “ได้ ผมรู้แล้ว คุณไปสืบดูต่อว่ายังจะสืบเจอข้อมูลอะไรที่มีประโยชน์หรือเปล่า”
ซู่จี้งยี้รีบพยักหน้า “ได้ครับ ผมทราบแล้ว แต่ก่อนไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ก็ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนกัน”
“คาดว่า……เบื้องหลังต้องมีใครหรือเปล่า? บริษัทที่ไม่มีชื่อเสียงจะสร้างผลกระทบแบบนี้กับบริษัทลี่ซื่อของเราได้ยังไง” ลี่จุนถิงวิเคราะห์ “คุณไปสืบบริษัทนี้ต่อ เดี๋ยวนี้เลย”
ซู่จี้งยี้พยักหน้า ครั้งนี้มีคู่ต่อปรับเพิ่มขึ้นมาอีกแล้ว เขาไม่รู้ภูมิหลังของอีกฝ่าย ในใจจึงรู้สึกกังวลเล็กน้อย
แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาว่างให้มาคิดเยอะ เพราะต้องไปจัดการเรื่องที่ลี่จุนถิงมอบหมายไว้ให้สำเร็จก่อน
หลังจากที่ซู่จี้งยี้ออกจากห้องทำงาน สีหน้าของลี่จุนถิงก็พลันขรึมลง ดูท่าเรื่องครั้งนี้จะไม่ง่ายซะแล้ว
แต่ลี่จุนถิงมีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก ไม่ว่าใครมาเป็นศัตรูกับเขา สุดท้ายคนที่ซวยต้องไม่ใช่เขาแน่นอน
ตระกูลส้ง
ส้งหวั่นหวั่นนั่งดูข่าวในห้องพลางเลิกคิ้วขึ้น ในใจรู้สึกได้ใจมาก
สิ่งที่เกิดขึ้นกับบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปทั้งหมดในตอนนี้ล้วนคือฝีมือของเธอเอง
เธอก็คือจะแก้แค้นลี่จุนถิงที่ทำให้เธอต้องอับอาย แก้แค้นผู้ชายคนนี้ที่ทำให้ตัวเองต้องขายหน้าต่อพวกชนชั้นสูงของทั่วเมืองจิ่งเฉิง
แต่ลี่จุนถิงสมแล้วที่เป็นผู้ชายที่มีความสามารถมากที่สุดของเมืองจิ่งเฉิง มีฝีมือที่เก่งกาจขนาดนี้ ส้งหวั่นหวั่นไม่สามารถสั่นคลอนได้มากนัก
แต่นี่เป็นแค่การเริ่มต้นของการแก้แค้นเท่านั้น หลังจากนี้ เธอจะให้ลี่จุนถิงรู้ซึ้งถึงผลที่ตามมาที่ทำให้เธอต้องอับอายขายหน้า
พูดได้ว่าส้งหวั่นหวั่นเปลี่ยนจากรักเป็นแค้นแล้ว
เธอเอาความเพ้อฝันและความรู้สึกแอบรักของตัวเองทั้งหมดให้กับเขา แต่เขาล่ะ?
ไม่เพียงแต่ไม่ใส่เธอไว้ในใจ แต่หนำซ้ำยังเหยียบย่ำเธออีกด้วย เธอไม่มีค่าอะไรในใจของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
ส้งหวั่นหวั่นรู้สึกว่าความรู้สึกหลายปีของตัวเองนี้เหมือนกับให้หมากินไปหมด
ส้งหวั่นหวั่นยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกยอมไม่ได้ เธอจะไม่ยอมหยุดแค่นี้แน่ๆ
ผ่านไปสักพัก ส้งหวั่นหวั่นก็โทรหาผู้ชายคนหนึ่ง
“อยากนัดคุณออกมาคุยด้วยหน่อย ตอนนี้ว่างอยู่หรือเปล่าคะ?”
เสียงน่าฟังของผู้ชายดังมาจากปลายสาย “แน่นอนครับ คำเชิญของสาวสวยย่อมปฏิเสธไม่ได้อยู่แล้ว”
ดังนั้นทั้งสองจึงนัดกันที่ร้านขนมหวานแห่งหนึ่ง
ส้งหวั่นหวั่นตอนนี้อารมณ์ดี จึงอยากกินของหวานฉลองสักหน่อย
ตอนที่ส้งหวั่นหวั่นมาถึง Anthonyก็จองที่นั่งและสั่งของหวานพลางนั่งรอส้งหวั่นหวั่นอยู่บนโต๊ะแล้ว
Anthonyคือซีอีโอของสตีเฟนกรุ๊ปเขตเอเชียแปซิฟิก
Anthonyยังหนุ่มอยู่มาก อายุแค่นี้ก็เป็นซีอีโอของสตีเฟนกรุ๊ปเขตเอเชียแปซิฟิกได้ บ่งบอกได้ว่าAnthonyมีความสามารถที่สูงมากทีเดียว
Anthonyสูงเกือบหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร ผมสีทอง ดวงตาสีฟ้า ดวงตาดอกท้อคู่นั้นตอนมองมาก็ราวกับว่ากำลังคุยกับเธออยู่
บวกกับAnthonyมุมปากมีรอยยิ้มตลอดเวลา ต่อให้แค่นั่งอยู่ในร้านกาแฟเฉยๆไม่ได้ทำอะไรก็ดึงดูดสายตาเคลิบเคลิ้มของบรรดาผู้หญิงมากมายได้
“คุณหนูส้ง” Anthonyเห็นส้งหวั่นหวั่นทันทีที่เธอเดินเข้ามาจึงรีบโบกมือให้
ผู้หญิงในร้านขนมหวานเห็นว่าAnthonyไม่ได้มาคนเดียว อีกทั้งเห็นออร่าของส้งหวั่นหวั่น จึงอดรู้สึกหวาดหวั่นไม่ได้เลยรีบดึงสายตากลับมาในทันที
ส้งหวั่นหวั่นเดินไปทางที่Anthonyนั่งอยู่
ใบหน้าของAnthonyเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม นัยน์ตาดอกท้อเอ่อล้นไปด้วยความสุข
“ผมสั่งให้คุณชุดหนึ่งแล้ว หวังว่าคุณจะไม่ถือสานะครับ” เสียงของAnthonyเพราะมาก เสียงจั๊กจี้ชวนเคลิบเคลิ้มเหมือนกับมีคนมาเกาหูของเธอ
“แน่นอนว่าไม่ถือสาอยู่แล้วค่ะ” ส้งหวั่นหวั่นตั้งกระเป๋าไว้ข้างๆแล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามของAnthony
ทั้งสองคุยเรื่องอื่นกันก่อนอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงค่อยเข้าประเด็น
Anthonyพอใจกับการร่วมมือของพวกเขาในครั้งนี้มาก ตอนที่พูดถึงเรื่องร่วมมือก็ยิ่งคึกขึ้นไปอีก
เห็นได้ชัดว่าAnthonyดีใจมาก “การร่วมมือของพวกเราในครั้งนี้เป็นไปได้ด้วยดีมากเลยครับ ส่งผลประโยชน์ในการบุกเข้าตลาดเอเชียของสตีเฟนกรุ๊ปของเราเป็นอย่างมาก”
“ร่วมมือกันด้วยดีก็ดีแล้วค่ะ หลังจากนี้ถ้ายังมีโอกาสก็ร่วมมือกันต่อได้นะคะ” ส้งหวั่นหวั่นยิ้มพูด
เรื่องที่หาสตีเฟนกรุ๊ปนี้ ส้งหวั่นหวั่นใช้เวลาคิดอยู่นานมาก ในประเทศน่าจะยังไม่มีบริษัทที่ต่อต้านกับบริษัทของลี่จุนถิงได้ เพราะฉะนั้นหาบริษัทของเมืองนอกจึงดีที่สุด
และที่ให้ส้งหวั่นหวั่นรู้สึกเซอร์ไพรส์ก็คือ พันธมิตรที่ตัวเองหามาก็เก่งใช้ได้เลยด้วย
“เพราะฉะนั้นผมเลยหวังว่าเราจะยังร่วมมือกันได้อีกครั้งครับ” Anthonyเลิกคิ้วขึ้นให้กับส้งหวั่นหวั่น
มีพันธมิตรที่เก่งเข้ามาหาถึงที่ แน่นอนว่าส้งหวั่นหวั่นต้องไม่ปฏิเสธ “แน่นอนค่ะ ยินดีร่วมมือกับคุณอยู่แล้ว”
ร่วมมือกับAnthonyก็คือโอกาสดีที่จะได้ชนะควบทั้งสองเรื่อง ไม่เพียงแต่แก้แค้นตระกูลลี่ได้ ยังหาพันธมิตรทางธุรกิจให้กับตระกูลส้งได้อีกด้วย ส้งหวั่นหวั่นต้องไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว
การที่ส้งหวั่นหวั่นตกลงทันทีแบบนี้ทำให้Anthonyดีใจมาก
จริงๆแล้วเขาชอบผู้หญิงแบบส้งหวั่นหวั่นมาก
หน้าตาดี หุ่นก็ดี ที่สำคัญคือไอคิวสูง
ไม่กลัวคู่ต่อสู้ที่เก่งเหมือนพระเจ้า แต่กลัวพันธมิตรที่โง่เหมือนหมู ร่วมมือกับคนฉลาดไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากเลย แค่สายตาเดียวก็เข้าใจได้แล้ว ดังนั้นAnthonyจึงชื่นชมส้งหวั่นหวั่นอย่างมาก
“ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงกันตามนี้นะครับ ถ้าคุณหนูส้งยังมีเรื่องดีๆแบบนี้อีก อย่าลืมบอกผมด้วยนะครับ”
ส้งหวั่นหวั่นพยักหน้า
“ไม่ทราบว่าตอนเย็นคุณหนูส้งมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”
“ไม่น่าจะมีธุระอะไรนะคะ”
“ถ้าอย่างนั้นตอนเย็น ผมพอจะมีเกียรติเชิญคุณหนูส้งไปรับประทานอาหารมื้อเย็นด้วยกันไหมครับ?”
ส้งหวั่นหวั่นไม่ได้ตอบตกลงทันที แต่มองAnthonyอยู่ครู่หนึ่ง
เห็นสายตาของAnthonyเต็มไปด้วยความคาดหวัง ส้งหวั่นหวั่นจึงค่อยๆพูดขึ้นอย่างไม่รีบร้อน “นี่เป็นเกียรติของฉันค่ะ”
เห็นส้งหวั่นหวั่นตอบตกลง Anthonyก็อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ “ดีเลยครับคุณหนูส้ง ผมจะไปเตรียมตอนนี้เลย”
Anthonyพูดจบก็โทรหาผู้ช่วยสั่งให้เขาไปจองภัตตาคารทันที
อีกฝั่ง ลี่จุนถิงวันนี้ทั้งวันยังไม่ได้กินข้าว
เจียงหยุนเอ๋อรู้ว่าช่วงหลายวันมานี้ลี่จุนถิงยุ่งเรื่องของบริษัทตลอด
ลี่จุนถิงออกเช้ากลับดึกทุกวัน บางครั้งก็จะมีบอกเรื่องบริษัทกับเจียงหยุนเอ๋ออยู่บ้าง
วันนี้เจียงหยุนเอ๋อไม่ต้องทำอะไรจึงไปยุ่งที่ครัวแทน
“หม่ามี้กำลังทำของอร่อยอะไรอยู่ครับ?” ถวนจื่อได้ยินเสียงผัดผักในครัวจึงถามขึ้น
“ลูกทายสิจ้ะ” เจียงหยุนเอ๋อพูดขึ้นพลางหันไปมองถวนจื่อ
“ใช่ทำของอร่อยให้ถวนจื่ออยู่หรือเปล่า?” ถวนจื่อเขย่งขาดูข้างในหม้อ
เจียงหยุนเอ๋อเขี่ยจมูกของถวนจื่อหนึ่งที “เจ้าลูกแมวตะกละ ไม่ใช่เพิ่งกินข้าวเย็นมาเหรอ หิวอีกแล้วเหรอคะ?”
ถวนจื่อลูบจมูกของตัวเองแล้วพูดพึมพำว่า “ก็เพราะข้าวที่หม่ามี้ทำอร่อยมากไงครับ ผมถึงอยากกินอีก”
เจียงหยุนเอ๋อถูกถวนจื่อชมจนยิ้มแป้นไม่หุบ “เอาน่า ลูกกินต่อไม่ได้แล้ว เดี๋ยวก็กินจนไม่สบายอีกหรอก หม่ามี้คือทำให้แด๊ดดี้ แด๊ดดี้น่าจะยังไม่ได้กินข้าวน่ะ”
เจียงหยุนเอ๋อตักกับข้าวสุดท้ายออกมาใส่เข้าไปในปิ่นโตเก็บความร้อน
“งั้นเดี๋ยวหม่ามี้จะเอาไปให้แด๊ดดี้ใช่มั้ยครับ?”
เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้า “ใช่จ้ะ ถวนจื่อรออยู่ที่บ้านนะ อย่าออกไปข้างนอก เข้าใจไหม?”
ถวนจื่อพยักหน้า
เจียงหยุนเอ๋อเก็บกวาดเสร็จก็ส่งข้าวไปให้ลี่จุนถิงที่บริษัทเลย