บทที่ 292 ใครเป็นคนชักใยอยู่เบื้องหลังกันแน่
เจียงหยุนเอ๋อรู้อยู่แล้วว่าลี่จุนซินอยู่บริษัทกับลี่จุนถิงตอนนี้ ถึงแม้แต่ก่อนทั้งสองจะมีเรื่องเข้าใจผิดกัน แต่ตอนนี้ก็หายเข้าใจผิดกันแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ลี่จุนซินก็ดีกับตัวเองขึ้นมาไม่น้อย เพราะฉะนั้นเจียงหยุนเอ๋อจึงตัดสินใจไม่ถือสากับความบาดหมางในอดีตอีก
ตอนที่มาถึงบริษัท เจียงหยุนเอ๋อก็เห็นลี่จุนซินกำลังคุยเรื่องงานกับลี่จุนถิงอยู่เหมือนที่คิดไว้ไม่ผิด
ได้ยินเสียงที่เจียงหยุนเอ๋อเดินเข้ามา ลี่จุนถิงก็เหมือนกับสัมผัสอะไรได้ในชั่วขณะนั้น จึงรีบเงยหน้าขึ้นมองไปทางเจียงหยุนเอ๋อ
เห็นคนที่มาคือเจียงหยุนเอ๋อ มุมปากของลี่จุนถิงก็อดเผยรอยยิ้มอ่อนโยนออกมาไม่ได้
“หยุนเอ๋อ เธอมาได้ยังไง? คงเหนื่อยแย่เลยสินะ”
ลี่จุนถิงรีบลุกขึ้นเดินไปหาเจียงหยุนเอ๋อ อยากจะดึงเธอนั่งลงมา
เห็นท่าทางที่ลี่จุนถิงเป็นห่วงขนาดนี้ เจียงหยุนเอ๋อก็เม้มปากเบาๆและรู้สึกตลกเล็กน้อย
“ฉันก็แค่มานี่เอง จะเหนื่อยลำบากอะไรกัน นายต่างหากที่ต้องเหนื่อยกว่าฉัน เพราะต้องยุ่งแต่เรื่องของบริษัท”
ลี่จุนถิงมองเธอเหมือนจะยิ้มก็ไม่เชิง สายตาค่อยๆมองไปที่ท้องของเธอ
“ต่อให้เธอไม่รู้สึกลำบาก แต่เด็กในท้องเธอไม่แน่อาจจะไม่อยากลำบากไปกับเธอก็ได้”
ได้ยินที่พูด เจียงหยุนเอ๋อก็แสร้งทำเป็นโมโหมองลี่จุนถิงพลางพูดขึ้น “ฉันเข้าใจแล้ว ที่แท้นายก็แค่เป็นห่วงเด็กสินะ”
ลี่จุนถิงหัวเราะแล้วส่ายหัว “เธอรู้ว่าฉันไม่ได้หมายความแบบนี้”
ทั้งสองจีบกันโดยที่ทำเหมือนข้างๆไม่มีคน ลี่จุนซินที่อยู่ข้างๆก็ฟังอยู่เงียบๆ มุมปากค่อยๆยกขึ้น
ปฏิเสธไม่ได้เลยจริงๆว่าลี่จุนถิงรักและเอ็นดูเจียงหยุนเอ๋อมาก
ลี่จุนซินอดไม่ได้ที่จะนึกถึงตอนที่ตัวเองเคยอคติต่อเจียงหยุนเอ๋อ ลี่จุนถิงอดทนกับเธอมาตลอดก็ถือว่าเห็นแก่เธอมากแล้วจริงๆ
แต่ว่าตั้งแต่ที่รู้ธาตุแท้ของส้งหวั่นหวั่นแล้ว ลี่จุนซินก็คิดไตร่ตรองมาเยอะมาก หลังจากนั้นก็ค่อยๆพบว่าเจียงหยุนเอ๋อแท้จริงแล้วก็เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา เป็นเหมือนกับคนที่ส้งหวั่นหวั่นพูดซะที่ไหน?
เจียงหยุนเอ๋อจีบกับลี่จุนถิงอยู่สักพักก็พลันตระหนักได้ว่าในห้องทำงานยังมีอีกคนนั่งอยู่ หน้าทั้งใบพลันแดงก่ำขึ้นมาทันที เธอผลักลี่จุนถิงออกเบาๆและพูดขึ้นมาเสียงเบาว่า “พี่ยังอยู่ที่นี่นะ”
ลี่จุนถิงจับมือของเจียงหยุนเอ๋อขึ้นมาแนบไว้ที่ริมฝีปากของตัวเองแล้วประทับจูบลงมาอย่างไม่แคร์สายตาและพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร ไม่ใช่คนนอกซะหน่อย”
ถึงจะเป็นอย่างนี้ก็เถอะ แต่เจียงหยุนเอ๋อก็ยังผละออกจากมือของลี่จุนถิงแล้วเอาปิ่นโตที่อยู่ในมืออีกข้างวางลงบนโต๊ะ
ลี่จุนซินเห็นท่าทีหวานซึ้งของทั้งสองก็เตรียมจะออกไปอย่างรู้ตัวดี
“จุนถิง เรื่องที่เหลือเดี๋ยวพวกเราค่อยปรึกษากันต่อนะ” พูดเสร็จ ลี่จุนซินก็เตรียมจะออกไป แต่กลับถูกเจียงหยุนเอ๋อเรียกไว้
“พี่คะ อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนเถอะ ฉันเอามาสองชุดพอดี”
ลี่จุนซินเลิกคิ้วขึ้นอย่างคาดไม่ถึงพร้อมพูดขึ้น “สองชุด?”
“ค่ะ จุนถิงบอกกับฉันว่าวันนี้พี่ก็อยู่ที่นี่ เพราะฉะนั้น……ฉันก็เลยทำเพิ่มมาอีกหนึ่งชุด พี่คะ พี่ก็อยู่กินด้วยกันเถอะนะคะ” เจียงหยุนเอ๋อยิ้มพูดกับลี่จุนซิน
ได้ยินดังนั้น แน่นอนว่าลี่จุนถิงก็ต้องเข้าข้างเจียงหยุนเอ๋อ “พี่ หยุนเอ๋อพูดขนาดนี้แล้ว พี่ก็อยู่กินด้วยกันเถอะ”
ลี่จุนซินขยับริมฝีปาก ในชั่วเวลานี้ บอกไม่ถูกเลยว่าในใจรู้สึกยังไงอยู่
ทั้งที่……ทั้งที่แต่ก่อนตัวเองทำแบบนั้นกับเจียงหยุนเอ๋อแท้ๆ……
แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเจียงหยุนเอ๋อดีกับตัวเองจากใจจริง
หลังจากที่รู้ข้อนี้แล้ว ลี่จุนซินก็อดรู้สึกละอายใจกว่าเดิมไม่ได้
แต่ก่อนทำไมเธอต้องทำเรื่องพวกนั้นด้วยเนี่ย!
เพราะฉะนั้นลี่จุนซินจึงตัดสินใจว่าหลังจากนี้จะต้องดีกับเจียงหยุนเอ๋อด้วยเช่นกัน
ฝั่งของลี่จุนถิงอยู่กันอย่างสนิทสนมกลมกลืน
แต่ในบ้านของตระกูลลี่กลับเต็มไปด้วยบรรยากาศที่อึมครึม
“แกดูซิว่าแกทำอะไรลงไป!”
เห็นเรื่องของลี่จีถองส่งผลกระทบกับหุ้นของบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปมากขนาดนี้ ท่านปู่ลี่ก็ไม่สนใจความเอ็นดูที่มีต่อลูกสาวคนนี้แล้ว ด่าเธอด้วยความโกรธจัดอย่างสุดขีด
ผลลัพธ์แบบนี้ก็ใช่ที่ลี่จีถองอยากเห็นที่ไหน?
ถึงแม้เธอจะทำเรื่องเหลวไหลมาตลอด แต่ก็ปิดบังได้ดีตลอด จะคิดได้ยังไงว่าจะมาพลาดกันแบบนี้?
ถูกท่านปู่ลี่ด่าแบบนี้ ลี่จีถองนอกจากร้องไห้แล้วก็ไม่รู้ว่าตัวเองยังพูดอะไรได้อีก
“พ่อ หนูก็ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้ซะหน่อย…..”
ลี่จีถองร้องไห้สะอึกสะอื้น ร้องจนกระหืดกระหอบไปหมด
เดิมที่อารมณ์ของท่านปู่ลี่ก็แย่มากเพราะเรื่องนี้อยู่แล้ว ตอนนี้ก็ยิ่งไม่อยากเห็นลี่จีถองเอาแต่ร้องไห้แบบนี้ จึงพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด “แกตอนนี้ยังมีหน้ามาร้องไห้อีก? ถ้าไม่ใช่เพราะแก ตระกูลลี่ของเราจะเป็นแบบนี้ได้ยังไง?”
ได้ยินคำพูดที่เฉียบขาดของท่านปู่ลี่ ลี่จีถองก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีกเลย ได้แต่น้ำตาไหลไปฟังไป
ในบริษัท นึกถึงบรรยากาศตอนที่ตัวเองออกมาจากบ้าน ลี่จุนซินก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย
เธอมองลี่จุนถิงแวบหนึ่งพลันอดพูดเตือนไม่ได้ว่า“จุนถิง ช่วงนี้นายอย่าเพิ่งกลับบ้านจะดีกว่า สถานการณ์ที่บ้าน……”
ถึงแม้ลี่จุนซินจะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แต่ลี่จุนถิงก็เข้าใจ จึงพยักหน้าเล็กน้อย
แต่ถึงลี่จุนซินไม่อยากให้ลี่จุนถิงเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องไร้สาระพวกนี้ แต่คนตระกูลลี่กลับไม่ได้คิดแบบนี้
หลังจากที่ลี่จุนซินออกไป ท่านปู่ลี่ก็โทรหาลี่จุนถิงทันที
“ฮัลโหล จุนถิง แกรีบไปสืบเรื่องของจีถองซะ ดูว่าใครเป็นคนชักใยอยู่เบื้องหลังกันแน่”
ลี่จุนถิงยังไม่ทันได้ตอบอะไร ท่านปู่ลี่ก็ตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว “ปู่จะให้จีถองบอกรายละเอียดกับแก”
พูดจบ ท่านปู่ลี่ก็ยื่นโทรศัพท์ให้กับลี่จีถอง ลี่จีถองรู้ความหมายของท่านปู่ลี่จึงรีบบอกลักษณะของผู้ชายคนนั้นกับลี่จุนถิง
แต่น่าเสียดายที่ตอนนั้นลี่จีถองอยู่ในสภาพที่ไม่ค่อยมีสติ ข้อมูลที่พูดออกมาจึงคลุมเครือไม่ชัดเจน
ลี่จุนถิงขมวดคิ้วฟังจนจบ ข้อมูลที่ลี่จีถองให้มาสืบอะไรไม่ได้เลย จึงต้องให้ซู่จี้งยี้ไปสืบอีกครั้ง
แต่ภาพกล้องวงจรปิดโดนลบออกแล้ว และกว่าจะเจอพยานผู้พบเห็นเหตุการณ์ แต่เขาก็ดันหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เรื่องยิ่งอยู่ยิ่งซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ
สถานการณ์ตอนนี้ ลี่จุนถิงสรุปได้แน่ชัดแล้วว่า เรื่องนี้ต้องไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบของผู้ชายคนนั้นแน่นอน แต่เป็นการวางแผนล่วงหน้า
ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็คือเล็งเข้ากับสถานะของลี่จีถอง