บทที่ 328 หนานกงชิง

บทที่ 328 หนานกงชิง

ปู้หนานอีกับเด็ก ๆ ที่เหลือต่างตกตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้า

บางคนถึงกับอยากทดสอบว่าปัญหาอยู่ที่งูหรือไม่ด้วยการยื่นมือออกไปแตะ แต่ก็เกือบถูกงูกฉก

“มันก็ยังเป็นอสรพิษอยู่วันยังค่ำ!”

เกือบโดนมันฉกเข้าให้แล้ว

ปู้หนานอีมองเสี่ยวเป่าด้วยความสงสัย “นี่เจ้า…”

เสี่ยวเป่ายืดอกยืนยันอีกเสียง “พวกสัตว์ไม่กัดข้า หากท่านไม่เชื่อจะให้ข้าลองจับพวกมันทั้งหมดดูก็ได้”

ท่าทางมั่นใจของนางยิ่งกระตุ้นความสนใจของปู้หนานอี

นางนำกู่หลายชนิดออกมา แต่เสี่ยวเป่าก็จับพวกมันโดยไม่ลังเล

คนหนึ่งกล้าท้า อีกคนก็กล้าลอง

การกระทำทั้งหมดประจักษ์แก่สายตาปู้หนานอีแล้ว ว่ากู่พิษที่เดิมทีดุร้ายมาก แต่พวกมันกลับทำตัวเชื่องมากเมื่ออยู่ในมือเสี่ยวเป่า เด็ก ๆ ที่คลุกคลีอยู่กับแมลงตั้งแต่จำความได้ต่างก็ร้องอุทานออกมา

“ทำไมหรือ”

“พวกมันไม่กัดเสี่ยวเป่าจริงด้วย ซ้ำยังเชื่องมาก”

“เสี่ยวเป่า เจ้าทำได้อย่างไร สอนข้าด้วยได้หรือไม่”

บัดนี้ความชื่นชมที่เด็ก ๆ มีต่อเสี่ยวเป่ายิ่งเพิ่มพูน นางมีความสามารถที่น่าทึ่ง ทั้งยังทำให้เสือสองตัวฟังคำสั่ง ไม่เพียงเท่านั้น ตอนนี้ยังทำให้กู่พิษพวกนั้นเชื่องได้อีกด้วย

ปู้หนานอีคว้าตัวเสี่ยวเป่ามาพลิกซ้ายพลิกขวา มองสำรวจพลางบ่นพึมพำอยู่นาน “เจ้าคือทายาทของปรมาจารย์ด้านพิษอย่างนั้นหรือ แล้วจะมาฝากตัวเป็นศิษย์ข้าเพื่อสิ่งใด”

เสี่ยวเป่า “???”

เหตุใดถึงได้มีอาจารย์เช่นนี้นะ

“ข้าอยากไปช่วยท่านอาสี่”

ทันทีที่ปู้หนานอีได้ยินความต้องการของนางก็มองลึกเข้าไปในดวงตา “อยากไปจริงหรือ”

เสี่ยวเป่าพยักหน้าพร้อมกล่าวเสียงหนักแน่น “ข้าต้องไปช่วยท่านอาสี่ให้ได้”

ปู้หนานอีพยักหน้า “เราจะช่วยเหลือเจ้า”

นางชะงักไปครู่หนึ่ง “แน่นอนว่าเราทั้งเผ่าจะช่วยเจ้า แต่ข้ามีข้อแม้อยู่ข้อหนึ่ง”

เสี่ยวเป่าพยักหน้าทันที “ท่านบอกมาได้เลย”

ปู้หนานอีกล่าวด้วยท่าทางจริงจัง “ในระหว่างที่เจ้าตามหาที่อยู่อาสี่ เจ้าช่วยตามหาคนคนหนึ่ง… “

จากนั้นเสี่ยวเป่าก็ถูกเปลี่ยนรูปลักษณ์โดยฝีมือปู้หนานอี เสื้อผ้าบนตัวก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าประจำเผ่า

เมื่อปลอมตัวเสร็จ เสี่ยวเป่าที่อยู่ในฐานะสายลับของเผ่ากู่ขาวก็แสร้งทำเป็นป่วยหนักเข้าไปปะปนอยู่กับเด็กที่จะถูกนำตัวไปยังเมืองหลวงของหนานจ้าว

นางถูกขังอยู่กับเด็กคนอื่น ๆ ในห้องที่มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา และพวกเด็ก ๆ ก็ร้องไห้อยู่ตลอดเวลาบราวนี่ออนไลน์

บางส่วนถูกบิดามารดาขาย บางส่วนถูกลักพาตัว และส่วนใหญ่เป็นเด็กที่สวมชุดของต้าเซี่ย

เสี่ยวเป่ากำหมัดแน่น ชั่วช้ายิ่งนัก!

“มหาปุโรหิตสั่งให้จับเด็กมามากมายเพื่อใช้สังเวยที่สนามรบ”

“เด็กมากมายถึงเพียงนี้ ก่อกรรมทำเข็ญจริง ๆ”

‘สังเวย’ เสี่ยวเป่าได้ยินคำนี้ก็พอจะรู้แล้วว่ามันต้องเป็นวิธีการบางอย่างที่พวกเขาจะใช้เล่นงานท่านพ่อของนาง

หนานจ้าวเก่งเรื่องมนต์ดำศาสตร์มืด โชคดีที่นางมอบจี้หยกให้ท่านพ่อไปก่อนหน้านี้ ไม่เช่นนั้นเขาอาจตกอยู่ในอันตราย

นางเฝ้ารอว่าคนที่พี่สาวปู้หนานอีส่งมาช่วยจะมาหานางเมื่อใด หากออกไปได้แล้วนางจะหาเบาะแสของท่านอาสี่ได้จากที่ใด แต่ทันใดนั้นก็เกิดเสียงต่อสู้ดังมาจากข้างนอก

“ผู้ใดกัน”

แต่ไม่นานเสียงนั้นก็เงียบลง

เสี่ยวเป่าที่นั่งอยู่ใกล้ประตูคิดว่าเป็นคนในเผ่าที่พี่สาวปู้หนานอีส่งมาช่วย จึงพยายามปีนประตูเพื่อส่องออกไปข้างนอกอย่างกล้าหาญ

ในขณะที่นางปีน จู่ ๆ ประตูก็เปิดออก เสี่ยวเป่าเกือบจะหน้าทิ่ม

โชคดีที่ตัวนางยังไม่ถึงพื้น ก็ถูกใครบางคนคว้าตัวไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง

ผู้มาเยือนสวมชุดสีดำมิดชิด ปกปิดจนมองไม่เห็นใบหน้า

“รีบพาเด็ก ๆ ออกไปก่อน”

เสี่ยวเป่ายังอยู่ในอ้อมแขนคนผู้นั้น แม้นางจะไม่เห็นหน้า แต่เสี่ยวเป่ารู้สึกว่าเสียงนั้นคุ้นเคยราวกับเคยได้ยินมาก่อน

ชายชุดดำกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้าไปแก้มัดให้เด็ก ๆ “รีบไป”

เด็กสามสิบกว่าคนถูกพาออกไป จากนั้นพวกเขาก็จุดไฟเผาที่นั่น

ผ่านไปไม่นานพวกผู้คุมของหนานจ้าวก็รู้ตัว เสียงความโกลาหลดังมาจากที่เกิดเหตุที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงลุกโชน

ด้วยเด็กจำนวนมาก พวกเขาจึงไม่สามารถหนีได้เร็วนัก เป็นเหตุให้ทหารหนานจ้าวตามมาทัน

แต่ชายชุดดำล้วนกล้าหาญและมีฝีมือ ภายในเวลาอันสั้น ศัตรูจำนวนมากก็ล้มลง

เสี่ยวเป่าที่ปะปนอยู่ในกลุ่มเด็ก ๆ หยิบนกหวีดไม้ไผ่ออกมาเป่า

ไม่นานก็มีเสียงบินหึ่ง ๆ ดังทั่วท้องฟ้า

ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยความมืดทะมึน ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นได้ชัดเจนว่ามันคือสิ่งใด แต่แล้วก็มีเสียงร้องของความเจ็บปวดดังขึ้น

และเสียงร้องนั้นเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นที่ทำให้เหล่าทหารเกิดความชุลมุน วิ่งหนีกันคนละทิศละทางพลางปัดป้องบางสิ่งออกจากหัว ทั้งยังส่งเสียงร้องทรมาน

เหล่าชายชุดดำรีบฉวยโอกาสพาเด็ก ๆ หนีไป

เสี่ยวเป่าถูกชายชุดดำที่ช่วยนางไว้ก่อนหน้านี้อุ้มอีกครั้ง จากนั้นพวกเขาก็เหาะเหินเดินไปตามหลังคา

เขามาส่งนางไว้ยังสถานที่ซ่อนตัวในหมู่บ้านอันห่างไกล

“เจ้าอยู่ที่นี่ไปก่อน รุ่งสางจะมีคนมารับพวกเจ้า”

เขาเอ่ยเสียงเรียบ ไร้ความนุ่มนวล และเตรียมหันหลังเดินจากไป

ทว่าชายเสื้อกลับถูกดึงรั้งเอาไว้

“ญาติผู้พี่”

ใช่แล้ว เสี่ยวเป่าจำได้ว่าคนผู้นี้คือหนานกงชิง บุตรของท่านอาสี่ นางเคยพบเขาหนึ่งครั้งในงานเลี้ยงในพระราชวัง

เขาชะงักตัว ลดสายตาลงมองนาง จ้องใบหน้าเล็ก ๆ ที่ไม่คุ้นเคยอยู่นาน

“เจ้าจำคนผิดแล้ว”

เสี่ยวเป่าแย้งทันที “ท่านพี่หนานกงชิง นี่ข้าเอง เสี่ยวเป่าอย่างไรเล่า”

เสียงนางยังคงนุ่มนวลอ่อนหวาน เป็นเสียงที่หนานกงชิงคุ้นเคยเล็กน้อย แต่ใบหน้าของนางเขาเหมือนจะไม่เคยเห็นมาก่อน

หนานกงชิงหรี่ตามองพร้อมยอบตัวลงจับใบหน้าเล็ก ๆ หันซ้ายหันขวา

เสี่ยวเป่าคร่ำครวญ “ท่านพี่ ข้าปลอมตัวด้วยการเปลี่ยนรูปลักษณ์ นี่ไม่ใช่ใบหน้าของข้า”

“เจ้าคือเสี่ยวเป่าจริงหรือ”

เสี่ยวเป่าถอนหายใจ หยิบแหวนที่ห้อยอยู่บนคอออกมา “ท่านพ่อมอบสิ่งนี้ให้ข้า”

หนานกงชิงไม่มีทางจำแหวนหยกดำลายมังกรไม่ได้ เสด็จลุงมักสวมมันติดตัวเสมอ คนใกล้ชิดล้วนรู้เรื่องนี้ดี

“เป็นเสี่ยวเป่าจริงด้วย เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร เสด็จลุงรู้หรือไม่”

หนานกงชิงถามเสียงเครียด “ซ้ำยังสวมเสื้อผ้าพวกนี้ด้วย”

เพราะนางสวมชุดพวกนี้ เขาจึงไม่คิดเอะใจเลยสักนิด

แม้เขาจะตั้งใจมาช่วยเด็ก ๆ ด้วยเหตุผลบางประการ แต่หลังจากนั้นจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับเขา ถึงอย่างไรหนานจ้าวก็ได้ชื่อว่าเป็นศัตรูคู่แค้นกับต้าเซี่ย

“เสี่ยวเป่ามาช่วยท่านอาสี่…”

นางเล่าทุกอย่างให้อีกฝ่ายฟัง ตั้งแต่นางถูกไล่ล่าได้อย่างไร เสือทั้งสองพาหนีเข้าป่าแล้วพวกนางก็หลงทาง กระทั่งได้รับการช่วยเหลือจากเผ่ากู่ขาว และมาที่นี่ได้อย่างไร

หนานกงชิง “…”

ในเมื่อเจ้าปลอดภัยแล้ว ไยถึงยังเอาตัวมาเสี่ยงที่นี่อีก!

“เสด็จลุงรู้หรือไม่”

เสี่ยวเป่าส่ายหัวอย่างรู้สึกผิด “ไม่…ไม่รู้เพคะ”

หนานกงชิงตบหน้าผาก “แย่แล้ว”

เสี่ยวเป่า “เสี่ยวเป่าปกป้องตัวเองได้ พวกตัวต่อเมื่อครู่ก็เป็นเสี่ยวเป่าที่เรียกพวกมันมาช่วย”

หนานกงชิงชะงัก “ตัวต่อพวกนั้นน่ะหรือ”

เสี่ยวเป่าพยักหน้าพร้อมทั้งโอ้อวดอีกว่านางไม่ถูกกู่พิษกัด และมีผู้ช่วยที่แสนเก่งกาจอีกด้วย

ก่อนจากมา พี่หญิงปู้หนานอียังมอบกู่ให้นางตั้งมากมาย แต่นางซ่อนพวกมันไว้ก่อน ตั้งใจไว้ว่าถึงคราวจวนตัวค่อยเอาพวกมันออกมาใช้

“กู่ไม่กัดเจ้าหรือ”

ดวงตาของหนานกงชิงเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะหายไปในพริบตา ไม่ได้! จะให้เสี่ยวเป่าเข้าไปเสี่ยงไม่ได้เด็ดขาด

“ข้าจะให้คนไปส่งเจ้ากลับต้าเซี่ย”

——————————————-