บทที่ 296 ถูกไล่ออก

“ข้าคิดถึงท่านพ่อตั้งหลายครั้ง”

ซานเป่าพูดอ้อนบิดา

“กี่ครั้ง?” เว่ยฉิงแตะใบหน้าเล็ก ๆ ก่อนจะถาม

ซานเป่านับนิ้วเล็กป้อมของนาง

“คิดถึงตอนเช้า คิดถึงตอนบ่าย คิดถึงตอนเย็น” ซานเป่าชูนิ้วสามนิ้ว

“สามครั้งแน่ะ!”

เว่ยฉิงรู้สึกขบขัน เขาหัวเราะออกมาดัง ๆ

เจ้าตัวเล็กยังคงน่ารักไร้เดียงสาเช่นเดิม แค่คำพูดของนางประโยคเดียวก็ทำให้เขารู้สึกอารมณ์ดีได้ ซานเป่าเงยหน้าขึ้นมองบิดา ท่านพ่อดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย สูงขึ้น แต่ยังเป็นท่านพ่อของซานเป่าเช่นเดิม อ้อมอกของบิดายังคงอบอุ่นและพึ่งพาได้เหมือนยามที่ซานเป่ายังเป็นเด็กตัวเล็กอยู่ กลิ่นของบิดาก็ไม่เปลี่ยนเช่นกัน นางรู้สึกสบายใจยามที่ได้กลิ่นของบิดา ซานเป่าเอาแต่เกาะเว่ยฉิงแจไม่ยอมออกจากอ้อมกอดของเขาเลย

เมื่อท่านพ่อกำลังจะจากไป นางรู้ว่าท่านพ่อกอดนางเอาไว้ตลอดเวลา จนไม่ได้กอดท่านแม่เลย เด็กน้อยรู้สึกขัดเขิน ใบหน้าเล็ก ๆ ไร้เดียงสาแดงระเรื่อขึ้นมา

ซานเป่าผละออกจากอ้อมกอดของเว่ยฉิงวิ่งมาหาถังหลี่โอบเอวนางเอาไว้

“ซานเป่า เจ้ากำลังทำอะไรหรือ?”

ถังหลี่แปลกใจ

“ท่านพ่อกอดซานเป่า ซานเป่าก็เลยมากอดท่านแม่ จะได้เหมือนท่านพ่อกอดท่านแม่ด้วย”

ถังหลี่หัวเราะเสียงดังลั่น เด็กน้อยคนนี้ช่างตลกและน่ารักจริง ๆ นางรู้จักเป็นห่วงมารดา แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ใครอยากจะเอื้อมคว้าดวงจันทร์ที่อยู่บนฟ้าให้นางได้อย่างไร?

เว่ยฉิงมองสองแม่ลูก เขาไม่เต็มใจที่จะแยกจากพวกนาง

“ภรรยา ข้าไปก่อนนะ” ถังหลี่พยักหน้า ไปส่งเขาที่ประตู หลังจากมองเขาออกไปแล้วนางปิดประตูบ้านเห็นซานเป่ายืนกอดเสาอยู่ด้วยใบหน้ามุ่ยไม่พอใจ

ถังหลี่บีบใบหน้าน้อย ๆ

“ไม่ต้องเสียใจอีกสองวันก็ได้เจอท่านพ่ออีก” ซานเป่าพยักหน้ารับ มีความสุขขึ้นมาอีกครั้ง

ตอนเย็นที่เด็ก ๆ กลับมาถึงบ้าน ถังหลี่เล่าเรื่องการกลับมาของเว่ยฉิงให้ลูก ๆ ฟัง นางอธิบายถึงตัวตนของเขาว่าเปิดเผยไม่ได้อย่างไร เด็ก ๆ พากันดีใจ แต่พวกเขามีเหตุผลไม่หุนหันพลันแล่น เชื่อฟังคำสั่งของถังหลี่เป็นอยางดี

เช้าวันรุ่งขึ้น เว่ยชิงไปทำงานแต่เช้า เมื่อเขามาถึงก็เรียกซุนฮ่วยเข้ามาหาทันที ซุนฮ่วยดูกระสับกระส่าย มีรอยคล้ำเป็นวงใหญ่ใต้ตา หลังจากเจอเว่ยฉิงตำหนิเมื่อวานนี้แล้ว เขากลัวว่าตนเองจะหลุดจากตำแหน่งจึงได้รีบมาแก้ไขทะเบียนรายชื่อทหารกับนายทะเบียน

เขาไม่เคยทำงานแบบนี้มาก่อน จึงไม่รู้ว่าการซ่อมแซมบัญชีรายชื่อทหารนั้นยากลำบากเพียงใด เขาทำงานทั้งคืนยังทำไปได้แค่เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ตอนนี้เขาปวดตับเหลือเกิน

หากรู้ว่าเช่นนี้เขาคงไม่วู่วามฉีกบัญชีรายชื่อทหารทิ้งเสียตั้งแต่แรกเป็นแน่ ซุนฮ่วยรู้สึกเสียใจจนพูดไม่ออก

“นายท่าน…ข้า…ข้ายังทำไม่เสร็จเหลืออีกไม่เยอะ พรุ่งนี้ข้าจะทำให้เสร็จขอรับ” เขาปากสั่นคอสั่น

เว่ยฉิงมองซุนฮ่วยอย่างครุ่นคิด เมื่อเห็นเขาเหงื่อออกท่วมตัวจึงได้พูดว่า

“เอาละ พรุ่งนี้ค่อยเอามาให้ข้า”

ซุนฮ่วยถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะวิ่งไปทำงานต่อ หลังจากอดหลับอดนอนมาทั้งวันทั้งคืน ในที่สุดตัวเขาและนายทะเบียนทั้งสองคนก็ช่วยกันซ่อมแซมทะเบียนรายชื่อทหารจนเสร็จส่งมอบให้เว่ยฉิงได้ทันตามเวลา

เดิมทีเขาคิดว่าตนเองจะได้นอนหลับให้เต็มอิ่ม แต่กลับกลายเป็นว่าเว่ยฉิงโกรธมาก พูดว่าทะเบียนรายชื่อทหารของเขาไม่ถูกต้องและให้เขาทำใหม่อีกครั้ง ให้ส่งภายในพรุ่งนี้!

ซุนฮ่วยต้องอดนอนอีกทั้งคืนพร้อมกับนายทะเบียนเพื่อตรวจสอบรายชื่ออีกครั้ง เขาอยากมอบงานนี้ให้นายทะเบียนเป็นคนทำแต่ท่านรองเจ้าคณะมณฑลผู้นี้เอาแต่ไล่จ้องจับผิดเขา ในเมื่อซุนฮ่วยไม่ต้องการให้งานหลุดมือไป เขาจึงจำเป็นต้องกัดฟันอดทนทำเอง

หลังจากทำอย่างยากลำบาก เช้าวันรุ่งขึ้น เว่ยฉิงจึงได้ทะเบียนรายชื่อเล่มใหม่

เขาพลิกดูบัญชีรายชื่อไปมา ก่อนจะวางไว้หลังจากดูทั้งหมดแล้ว ซุนฮ่วยเฝ้าสังเกตสีหน้าของเขา เห็นว่าเขาไม่โกรธจึงแอบโล่งใจ

“ใต้เท้า ทะเบียนรายชื่อเรียบร้อยดีไหมขอรับ”

“เรียบร้อยดี”

เว่ยฉิงหยุดอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดต่อว่า “ซุนฮ่วย พรุ่งนี้เจ้าไม่ต้องมาทำงานแล้ว อยู่บ้านไปเถอะ”

ซุนฮ่วยตกตะลึงพรึงเพริด

“ใต้เท้า …แต่ข้าซ่อมบัญชีรายชื่อทหารทั้งหมดแล้ว ทำไมถึงได้..”

เว่ยฉิงหยิบหนังสือขึ้นมาเปิดดู

“ซุนฮ่วย ในระหว่างที่ดำรงตำแหน่ง ละเลยหน้าที่ของตน มีการรับสินบน…” หนังสือที่อยู่ในมือของเว่ยฉิงเป็นหลักฐานกระทำความผิดโดยมิชอบในตำแหน่งหน้าที่รับราชการของซุนฮ่วย เว่ยฉิงขอให้เฉาจีเป็นผู้รวบรวมหลักฐานเอาไว้ ที่จริงเขาได้รับมาหลายวันแล้ว เพียงแต่ยังไม่ไล่ซุนฮ่วยออกเพราอยากให้เขาซ่อมแซมทะเบียนรายชื่อทหารก่อนเพื่อตั้งใจจะทรมานซุนฮ่วยนั่นเอง ไหนยังจะเรื่องที่เขาพาลูกสาวมาจนเกือบจะทำให้เขาผิดใจกับภรรยาอีก ! เรื่องนี้เว่ยฉิงจำได้ขึ้นใจเลยทีเดียว

เว่ยฉิงไล่ซุนฮ่วยออกจนหมวกขุนนางเขาหลุดกระเด็น ความโกรธในใจเขาจึงบรรเทาหายไป

ผู้ใต้บังคับบัญชาของเว่ยฉิงมีปัญหาอยู่บ้าง แต่เมื่อน้ำใสก็จะไร้ปลา เว่ยฉิงต้องการใช้ผู้คน เขาจึงลงมีดซุนฮ่วยเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู เพื่อทำให้คนเหล่านั้นเห็นชะตากรรมของซุ่นฮ่วยหากพวกเขาไม่ยอมทำงาน

หลังจากถอดซุนฮ่วยออกจากตำแหน่ง เขาก็ไม่ได้ให้ใครมาทำหน้าที่นี้อีก เพียงแต่ให้เฉาจีเป็นผู้บัญชาการทหารรักษาการณ์สูงสุดเพียงคนเดียว

ด้วยวิธีเชือดไก่ให้ลิงดูเช่นนี้จึงทำให้บรรยากาศในการทำงานของผู้ใต้บังคับบัญชาดีขึ้น พวกเขาทำงานอย่างขยันขันแข็งตรงไปตรงมา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นย่อมล่วงรู้ไปถึงหูของใต้เท้าเหวินเป็นธรรมดา ตอนที่ใต้เท้าเหวินได้รับฟังข่าวนี้ เขากำลังอ่านรายงานอยู่ เมื่อได้ฟังเขาถึงกับวางมือลงฟังอย่างตั้งใจ

“ใช้วิธีเชือดไก่ให้ลิงดูหรือ? รองเจ้าคณะมณฑลใหม่ผู้นี้ดูน่าสนใจไม่น้อย”

ที่จริงแล้ว เขาไม่ได้คิดว่าอู่อวี้เสี่ยวโหวผู้นี้จะกระทำการใหญ่โตหลังจากที่เขาเพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง ใต้เท้าเหวินรู้ว่าซุนฮ่วยเป็นคนประจบสอพลอเช่นไร และเฉาจีนั้นเป็นนายทหารที่ดีเพียงใด เหตุผลที่เขาวางเฉาจีไว้ในตำแหน่งนั้นย่อมเป็นเพราะเขาไม่อยากให้อดีตรองเจ้าคณะมณฑลเข้ามายุ่งกับเฉาจีได้ ทั้งซุนฮ่วยและอดีตรองเจ้าคณะมณฑลต่างพยายามหาเรื่องไล่เฉาจีออก แต่ก็ไม่อาจกำจัดเขาไปได้เป็นเพราะมีใต้เท้าเหวินผู้นี้คอยหนุนหลังเขาอยู่

ในเมื่อรองเจ้าคณะมณฑลนำเฉาจีกลับมาใช้ ทันทีที่เขาเข้ารับตำแหน่งนั่นย่อมหมายถึงคนผู้นี้ยังมีสมองอยู่บ้าง

“ลองดูอีกสักครั้ง”

………………….

แม้ว่าเว่ยฉิงจะยุ่งวุ่นวายกับงานในหน้าที่ของเขา แต่เมื่อเขามีเวลาว่างครั้งใด เขาจะไปหาถังหลี่ที่ร้านอาหารหนิงเฟิงทุกครั้ง

ในไม่ช้าจึงมีข่าวลือเรื่องรองเจ้าคณะมณฑลที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่ตกหลุมรักเจ้าของร้านหนิงเฟิงซึ่งเป็นแม่ม่ายลูกสี่

“เอ๊ะ! เจ้าของร้านหนิงเฟิงกับนายท่านตู้ไม่ได้เป็นคู่รักกันหรอกหรือ?”

“ไม่นะ ข้าเพิ่งรู้เมื่อวันก่อนว่าที่จริงแล้วนายท่านตู้นั้นเป็นผู้หญิง”

“ไม่น่าแปลกใจเลย ที่พวกเขาสนิทสนมกันมากที่แท้แล้วก็เป็นผู้หญิงทั้งคู่นั่นเอง”

“เจ้าของร้านหนิงเฟิ่งเป็นแม่ม่ายลูกติดถึงสี่คน แต่นางยังมีแรงเปิดร้านอาหารได้อีก นางเป็นคนเก่งจริง ๆ”

“แต่ผู้ชายเป็นถึงรองเจ้าคณะเชียวนะ นางเป็นแค่หญิงม่ายลูกติด นางจะคู่ควรหรือ?”

“เจ้าไม่ต้องสนใจเรื่องของคนอื่นหรอก ใต้เท้าอู่ยังไม่เคยพูดเลยว่านางคู่ควรหรือไม่? แล้วเจ้าเป็นใครจะไปตัดสินใจแทนใต้เท้าอู่ละ”

เรื่องนี้แพร่กระจายไปจนทั่งจนล่วงรู้ไปถึงหูของฮูหยินอู่ ยามข่าวลือมาถึงนาง เนื้อหาจึงบิดเบือนไปจนฟังแทบไม่ได้

“แม่หม้ายผู้นั้นมีลูกตั้งสี่คน นางเป็นนังจิ้งจอกชัด ๆ แต่ก่อนเคยชอบบัณฑิต ตอนนี้เปลี่ยนใจมาหว่านเสน่ห์ใส่ใต้เท้าอู่แทน”

“ผู้หญิงแบบนี้จะสมควรรับเป็นภรรยาได้อย่างไร? น่าสงสารที่ใต้เท้าอู่โดนมนตร์เสน่ห์ครอบงำจนต้องกลายเป็นพ่อเลี้ยงไปโดยไม่รู้ตัว

เมื่อฮูหยินอู่ได้ยินนางจึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่น