บทที่ 297 ตระกูลอู่และมารดาของเว่ยฉิง

ฮูหยินอู่เดินกลับเข้าไปในห้อง เห็นนายท่านอู่โหวเย่นั่งกำลังเล่นหมากกระดานอยู่ มือข้างหนึ่งถือหมากสีดำ อีกข้างถือหมากสีขาว กำลังเล่นหมากกับตัวเองอยู่ด้วยท่าทางมุ่งมั่นจริงจัง

ฮูหยินอู่ไม่ส่งเสียง เทชาร้อนก่อนจะนั่งลงข้างๆสามี มองเขาอย่างอดทนและอ่อนโยน สามีนางเล่นหมากไม่ค่อยเก่งไม่รู้จะเริ่มต้นวางตรงไหนก่อนหลังดี ภายหลังตัดสินใจได้ เขาจึงยืดตัวขึ้นมองภรรยา

“ฮูหยิน ท่านรอมานานแล้ว มีอะไรจะพูดกับข้าหรือ?”

หลังจากเป็นสามีภรรยากันมานานหลายสิบปี เขารู้จักนางดีว่าต้องการพูดเรื่องสำคัญกับเขา ฮูหยินอู่ เดินเข้ามาที่ข้างหลังจากนั้นจึงเริ่มบีบนวดให้เขา

“นายท่าน ข้าได้ยินข่าวลือข้างนอก เรื่องที่นายน้อยตกหลุมรักหญิงสาวผู้หนึ่ง…”

ท่านอู่โหวเย่รู้สึกประหลาดใจ เด็กคนนั้นมีใบหน้าเคร่งขรึมเย็นชาตลอดทั้งวัน นิสัยดูน่าเบื่อเช่นนั้นยังมีหน้าไปชอบหญิงสาวที่ไหนได้อีกหรือ?

“เป็นหญิงสาวจากเมืองชิงเหอหรือ? เขาเพิ่งมาที่นี่ไม่กี่วันเท่านั้นก็มีหญิงสาวที่ชอบแล้ว ก็ดี ๆ อายุอานามก็ไม่น้อยแล้ว”

ท่านอู่โหวเย่พูดอย่างโล่งใจ “ข้ายังกังวลว่าเขาจะอยู่คนเดียวไปตลอดเสียอีก ถ้าเป็นเช่นนั้นพวกเราสามีภรรยาคงไม่อาจจะไปพบหน้ากับแม่นางเหมยได้”

“แต่นางเป็นหญิงม่ายมีลูกติดถึงสี่คน…” ฮูหยินอู่ขมวดคิ้ว

อู่โหวเย่ตกตะลึงจากนั้นจึงหัวเราะออกมาอย่างกะทันหัน

“เหตุใดถึงได้ไปชอบแม่ม่ายได้เล่า?”

ฮูหยินอู่….

สามีของนางมักมีอะไรให้นางประหลาดใจอยู่เสมอ ฮูหยินอู่บีบไหล่เขาก่อนพูดว่า

“อันที่จริงความปรารถนาของคุณหนูก็แค่ขอให้นายน้อยปลอดภัย ได้แต่งงานและมีภรรยาที่ดีอย่างมีความสุขเท่านั้น”

แต่หญิงม่ายลูกติดสี่คนไม่น่าจะใช่ตัวเลือกที่ดี ฮูหยินอู่ขมวดคิ้วบอบบางของตน

“ถ้าปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นโดยที่ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย เกรงว่าข้าจะอธิบายให้คุณหนูฟังไม่ได้ คุณหนูดีกับข้ามากเหลือเกิน”

เดิมทีนางเป็นสาวใช้ข้างกายของคุณหนู มีชาติกำเนิดที่ต่ำต้อยแต่คุณหนูดีกับนางราวกับเป็นน้องสาว

ในความทรงจำของฮูหยินอู่ คุณหนูชอบใส่ชุดสีแดง ท่าทางสง่างาม นางเป็นสาวงามที่สุดที่นางได้เคยเห็นมา ท่ามกลางทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่ภายใต้แสงตะวันที่กำลังจะตกดิน นางใส่ชุดสีแดงควบม้าไปรอบ ๆ อย่างร่าเริง

ต่อมานางต้องเข้าวัง จำต้องละทิ้งความเย่อหยิ่งกลายเป็นฮองเฮาที่อ่อนโยนและมีคุณธรรม แม้จะได้เป็นถึงมารดาของแผ่นดิน แต่นางก็ไม่มีความสุขเหมือนเช่นเคย จนกระทั่งนายน้อยเกิดขึ้นมา คุณหนูถึงได้มีความสุขมากขึ้น หากดูแต่เพียงผิวเผินเหมือนว่านางจะไม่ใส่ใจนายน้อย แต่ในความเป็นจริงแล้วทุกครั้งที่คุณหนูมองนายน้อย นางจะยิ้มออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจทุกครั้ง

ฮูหยินอู่ยังจำได้ยามอยู่ในวังหลัง นายน้อยกำลังหลับสนิทมีคุณหนูถือพัดปัดไล่ยุงให้เขา ช่วงเวลานั้นดูสงบสุขเหลือเกิน ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก

ท่านอู่โหวเย่รวบตัวภรรยาเข้ามากอด

“ใช่แล้ว หากไม่ใช่เพราะคุณหนู พวกเราคงไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างนี้”

คุณหนูเหมยช่วยชีวิตเขา มอบสถานะและให้ภรรยาเขาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้เขาและภรรยาได้ครองคู่กันโดยมีนางเป็นสะพานเชื่อมระหว่างคนทั้งสอง

“ข้าจะคุยกับนายน้อยดูก่อน”

ฮูหยินอู่พูดกับสามี อู่โหวเย่พยักหน้า

เมื่อเว่ยฉิงกลับมาจากศาลาว่าการ เขาถูกฮูหยินอู่เรียกไว้

“ท่านแม่” เว่ยฉิงเรียกนาง ฮูหยินอู่ทอดสายตามองไปยังชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้า นางอดถอนหายใจยาวไม่ได้ หากคุณหนูได้เห็นนายน้อยเหมือนอย่างที่นางเห็นละก็….

“เหนื่อยไหม? แม่ทำน้ำแกงไว้ให้เจ้า มาดื่มก่อนเถอะ”

นางเรียกเขาเข้ามาห้องโถงด้านข้าง ก่อนจะยกน้ำแกงมาให้เขาดื่ม หลังจากเว่ยฉิงดื่มเสร็จนางจึงเริ่มต้นอารัมภบท

“เด็กน้อย…เจ้าไม่ใช่เด็กแล้ว ถึงวัยสมควรจะแต่งภรรยาได้แล้ว ไม่กี่วันที่ผ่านมาแม่ได้เลือกหญิงสาวที่มีชาติตระกูลเหมาะสมกับเจ้าเอาไว้สองสามคน คนหนึ่งเป็นหลานสาวของแม่เอง นางชื่อฮุ่ยจือหลันปีนี้อายุสิบหกปี…”

เว่ยฉิงขัดขึ้นมาโดยพลัน

“มารดา ข้ามีผู้หญิงที่ชอบแล้ว นางชื่อถังหลี่”

ถังหลี่หรือ? แม่ม่ายตัวน้อยนั่นก็ชื่อถังหลี่..

“แต่ผู้หญิงคนนั้น…ไม่ใช่…” ฮูหยินอู่กังวล นางรู้ว่าตนเองไม่อาจบังคับใจนายน้อยได้ นางแค่เป็นห่วง กลัวว่านายน้อยยังเด็กจะถูกล่อลวง

“ท่านแม่ ข้าชอบนางมาก นางเป็นผู้หญิงที่ดีมีจิตใจอ่อนโยน ใจดี เข้มแข็ง บางครั้งก็น่ารักราวกับเด็กน้อย ข้าชอบนางมาก” ยามที่เว่ยฉิงเอ่ย ดวงตาเขาทอแสงรักใคร่

เขามองฮูหยินอู่

“ท่านแม่ ได้โปรดเชื่อใจข้าเถิด ข้าไม่ได้ถูกผู้ใดล่อลวง ข้าโชคดีเหลือเกินที่ได้พบนาง ที่จริงแล้วตัวข้าไม่ดีพอ สู้นางไม่ได้สักนิด”

เว่ยฉิงคิดแบบนี้มาตลอด ภรรยาเขาดีเกินไป เขาต้องทำงานให้หนักขึ้นเพื่อที่จะเติบโตไล่ตามนางได้ทันและอยู่เคียงข้างนาง

ฮูหยินอู่มองเห็นความรักในดวงตาเขาอย่างชัดเจน เขารักผู้หญิงคนนี้มาก นางจึงพยักหน้า

“ตราบเท่าที่ลูกชอบ”

แต่นางก็ยังอดกังวลไม่ได้ นางไปเล่าเรื่องนี้ให้สามีฟัง

“ฮูหยิน อย่ากังวลไปเลย ข้าเชื่อสายตาของเด็กคนนี้ เขามีสายเลือดของคุณหนูเหมยอยู่ในตัว เขาฉลาดออกขนาดนี้จะมองไม่เห็นได้อย่างไร?” อู่โหวเย่พูดอย่างไม่ใส่ใจ

ฮูหยินอู่มองเขาอย่างโมโห

“ท่านช่างใจกว้างเสียเหลือเกิน”

“ลูก ๆ หลาน ๆ ล้วนมีโชคชะตาเป็นของตนเอง ผู้เฒ่าผู้แก่อย่างเราไปสนใจมากนักก็ไม่ดี”

อู่โหวเย่ยิ้ม

“ลูก ๆ หลาน ๆ ล้วนมีชะตาเป็นของตนเอง…หากอวี้เอ๋อร์ยังมีชีวิตอยู่ป่านนี้เขาน่าจะได้แต่งงานมีลูกมีภรรยาแล้ว…”

จู่ ๆ ฮูหยินอู่ก็รำพึงรำพันขึ้นมา

อู่โหวเย่พูดไม่ออกราวกับมีก้อนบางอย่างอุดไว้ที่คอ เรื่องนี้เป็นปมของทั้งคู่ ในช่วงที่ลูกชายได้หายตัวไปนั้น ภรรยาเขาทุกข์ใจมากไม่ยอมกินไม่ยอมนอน พยายามหาลูกชายเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ คว้าน้ำเหลวเสียทุกครั้งไป แรก ๆ ยังพอมีความหวัง หากนานไปความหวังก็เลือนหายไปทุกที

หลายปีที่ผ่านมายามที่หวนคิดถึงลูกชาย ทั้งคู่ก็ไม่สบายใจอยู่ร่ำไป

อู่โหวเย่โอบไหล่ประคองภรรยา ปลอบโยนนางอย่างเงียบ ๆ ดวงตาของฮูหยินอู่เหม่อลอย ว่างเปล่า

ลูกแม่…ลูกอยู่ที่ไหน? ไม่ว่าลูกจะอยู่ที่ไหนก็ตามแม่หวังแค่ให้ลูกได้อยู่ดีกินดีเท่านั้น อย่าได้กลายเป็นผีไร้ญาติหาทางกลับบ้านไม่ได้ หลังจากนั้นไม่นาน ฮูหยินอู่ก็ได้สติขึ้นมา

เหตุใดนางถึงได้พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีก

ฮูหยินอู่ยิ้มเฝื่อน

“สามีท่านพูดถูกแล้ว ลูก ๆ หลาน ๆ ล้วนมีโชคชะตาเป็นของตนเองทุกคน นายน้อยจะต้องมีความสุขอย่างแน่นอน” อู่โหวเย่หัวเราะออกมา

“ใช่แล้ว คนเหล่านั้นจงใจนินทาให้ฮูหยินได้ยิน พวกเขาต่างหากที่ทำผิด”

ฮูหยินอู่พยักหน้า “เอาล่ะ สามีท่านเล่นหมากต่อไปเถอะข้าจะไปจัดการเรื่องนี้เอง”

นางติดตามคุณหนูเข้าวังมีประสบการณ์ในวังหลังอย่างโชกโชนทั้งการวางแผน ชิงไหวชิงพริบ ต่อมาก็เข้ามาเป็นฮูหยินของตระกูลอู่ นางหมกมุ่นอยู่กับการต่อสู้ในเรือนหลังมาหลายปีแล้ว

ผู้คนเหล่านี้เล่นตลกต่อหน้านางคิดว่านางเป็นคนใจดีอ่อนโยนนักหรือ? จู่ ๆ ใบหน้าของฮูหยินอู่ก็ตึงเครียดขึ้นมา