บทที่ 294 อย่าทำให้มันเกินไปนัก
ลี่จุนถิงขมวดคิ้วมุ่น สีหน้าแทบจะเย็นเยียบลงมาทันที
“ในเมื่อฉันเป็นพ่อของลูกฉันก็ต้องไปด้วย ถ้าแม้แต่เรื่องสำคัญแบบนี้ก็ไม่ไป ฉันจะมองหน้าลูกของเรายังไง”
สายตาของผู้ชายแน่วแน่เป็นพิเศษ น้ำเสียงเด็ดขาด ไม่ให้โอกาสเจียงหยุนเอ๋อได้โต้แย้งแม้แต่นิดเดียว
เจียงหยุนเอ๋อก็ได้แต่ตกลงอย่างจำใจ
เช้ารุ่งขึ้นวันถัดมา ลี่จุนถิงพาเจียงหยุนเอ๋อไปตรวจครรภ์ที่โรงพยาบาล
ผ่านขั้นตอนตรวจร่างกายเสร็จเรียบร้อยแล้ว มั่นใจว่าร่างกายของเจียงหยุนเอ๋อไม่มีปัญหาก็พาตรงไปที่ห้องตรวจครรภ์ต่อ
หมอหลักที่รักษายังคงเป็นหลันเยว่เฉิน เพราะถ้าให้เขาเป็นคนตรวจ ลี่จุนถิงก็สบายใจได้มากกว่า
“คิดไม่ถึงว่าคนอย่างประธานลี่จะมาที่เล็กๆนี้ของพวกเราได้ ฉันคงต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่ที่มีต่อนายแล้วสินะ” มองผู้ชายตัวสูงคนตรงหน้านี้ หลันเยว่เฉินก็อดหยอกไม่ได้
ปกติเขาไม่เคยเห็นลี่จุนถิงเข้าออกโรงพยาบาลเลยสักครั้ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมาแผนกสูตินรีเวช
จ้องหลันเยว่เฉินอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง ลี่จุนถิงก็หันไปพูดกับเจียงหยุนเอ๋อว่า “เธอนั่งรออยู่ที่นี่นะ ฉันไปเอารายงานผลก่อน เดี๋ยวกลับมา อย่าไปไหนล่ะ”
เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้าอย่างว่าง่าย
เห็นลี่จุนถิงออกไปแล้ว ถวนจื่อก็กระโดดลงมาจากเก้าอี้ไปนั่งข้างๆเจียงหยุนเอ๋อ คนทั้งคนพิงอยู่บนตัวเธอ
“หม่ามี้ว่าน้องสาวเมื่อไรจะออกมาเหรอครับ? ถวนจื่ออดใจรอน้องไม่ไหวแล้ว” ถวนจื่อชายตามองเจียงหยุนเอ๋อด้วยดวงตากลมโตแวววาวคู่นั้นอย่างน้อยใจ
จากนั้นก็มองไปที่ท้องของเจียงหยุนเอ๋ออีกครั้ง “น้องสาว น้องเมื่อไรจะออกมาเล่นกับพี่ชายเหรอ พี่ชายอยู่ข้างนอกน่าเบื่อมากเลยนะ น้องต้องรีบๆออกมาสิ!”
ถวนจื่อพูดด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยการเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ
จริงๆมาตรวจครรภ์ไม่ได้มีส่วนข้องเกี่ยวอะไรกับถวนจื่อมากนัก แต่เพราะช่วงนี้สภาพของเจียงหยุนเอ๋อไม่ค่อยดี เพราะฉะนั้นถวนจื่อจึงขอร้องอย่างหนักให้พาเขามาด้วย
เจียงหยุนเอ๋อต้านไม่ไหวจริงๆเลยต้องตกลงอย่างไม่ค่อยเต็มใจ แต่สุดท้ายถวนจื่อก็เปลี่ยนนิสัยไปจริงๆ ตั้งแต่มาก็เงียบตลอด ไม่พูดอะไรเลยสักคำ
“น่าจะอีกครึ่งปีล่ะมั้ง……” เจียงหยุนเอ๋อเอียงหัวและหยุดพูดไปสองวิแล้วถามขึ้น “ว่าแต่ ลูกมั่นใจได้ยังไงว่าเด็กในท้องนี้ไม่ใช่น้องชาย?”
ถวนจื่อลูบหัวทำท่าครุ่นคิดอย่างจริงจัง “อันที่จริงน้องชายก็……อืม ก็ได้ครับ!”
เห็นท่าทางจริงจังของถวนจื่อ เจียงหยุนเอ๋อก็อดหัวเราะลั่นออกมาไม่ได้
อีกฝั่ง ลี่จีถองจูงมือส้งหวั่นหวั่นเข้ามาในโรงพยาบาลแล้วเห็นเข้ากับฉากนี้ก็พลันอึ้งอยู่กับที่
เพราะว่าเรื่องในบาร์นั่น ท่านปู่ลี่กลัวว่าลี่จีถองจะก่อเรื่องอีก จึงตั้งใจกักบริเวณลี่จีถองอยู่ในบ้านสองสามวันให้หลบซ่อนตัวไว้ก่อน
จนถึงวันนี้เพิ่งจะปล่อยลี่จีถองออกมา สั่งให้เธอมาโรงพยาบาลตรวจร่างกายดูว่ามีบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า
แต่พอพวกเธอมาถึงก็เห็นเข้ากับฉากนี้ ฉากที่ทั้งครอบครัวอบอุ่นกันอย่างมากและยังเป็นมิตรเป็นกันเอง
เหลือบมองส้งหวั่นหวั่นที่อยู่ข้างๆ ลี่จีถองก็เดินดิ่งตรงไปด้วยความรู้สึกไม่ยุติธรรม จากนั้นก็ถีบประตูโรงพยาบาลออกอย่างไม่รอช้า
เรื่องอะไรที่ส้งหวั่นหวั่นต้องได้รับความไม่เป็นธรรมแบบนี้ ถูกคนอื่นสวมเขาแล้วยังต้องคุยกับพวกเขาดีๆอีก? นึกถึงเรื่องแต่ก่อนที่ส้งหวั่นหวั่นทำเพื่อลี่จุนถิงแล้วเธอก็รู้สึกไม่คุ้มค่า
สุดท้ายก็ยอมไม่ได้ที่เพื่อนสนิทของตัวเองถูกปฏิบัติอย่างนี้
“ว่าไง ทั้งครอบครัวเอ้อระเหยกันจังเลยนะ ออกมาหาหมอด้วยกันเหรอ?”
ลี่จีถองพูดด้วยน้ำเสียงแปลกๆพลางเดินเข้ามาหา
“คุณป้า” เจียงหยุนเอ๋อขมวดคิ้ว รู้สึกเหมือนไม่ชอบพากล
“แกอย่าเรียกฉันว่าคุณป้า ฉันไม่ได้มีโชคอะไรขนาดนั้น รับไว้ไม่ไหวหรอก เกรงว่าจะทำให้อายุขัยของฉันสั้นลง”
ลี่จีถองกลอกตามองบน สีหน้าเต็มไปด้วยความดูแคลน
“อุ๊ย ยังเป็นแผนกสูตินรีเวชซะด้วย มาตรวจครรภ์เหรอจ้ะ? ดูว่าลูกสวะยังดีอยู่รึเปล่า แต่ฉันว่านะ ก็แค่ลูกสวะไม่ถึงกับต้องมาที่ที่ดีขนาดนี้ก็ได้มั้ง หาหมอมาสักคนดูๆก็ได้แล้ว……”
ลี่จีถองพูดเหน็บแนมอยู่คนเดียว
จู่ๆเธอก็ตบหัวตัวเองเหมือนตื่นตกใจชั่วขณะพลันพูดขึ้นว่า “จริงสิเนอะ ตอนนี้ไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว ตอนนี้หาคนพึ่งพิงใหม่ได้แล้ว แน่นอนว่าก็ต้องเก่งขึ้นมาหน่อย ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆเหมือนแต่ก่อนอีก มิน่าล่ะแกถึงพยายามใช่เล่ห์เหลี่ยมเยอะขนาดนี้ไปทำเรื่องชั่วๆพวกนั้น ตอนนี้ก็ทำสำเร็จแล้วสินะ”
“ทำไมป้าถึงพูดแบบนี้ หม่ามี้ก็ไม่ได้ล่วงเกินป้าอะไรซะหน่อย” ถวนจื่อที่นั่งอยู่ข้างๆทนดูไม่ลงแล้วจริงๆ
“แม่ของแก? งั้นเด็กอย่างแกฟังให้ดีซะล่ะ แม่ของแกน่ะเป็นคนเลว” ลี่จีถองนั่งยองๆแล้วหัวเราะเสียงดังออกมา
ถวนจื่อขมวดคิ้วมุ่นด่ากลับไป “ป้าต่างหากที่เป็นคนเลว”
จากนั้นก็ลุกขึ้นพุ่งเข้าไปหา แต่รูปร่างของถวนจื่อก็ตัวกลมๆเล็กๆอยู่แล้ว ไม่ได้ตัวใหญ่อะไร เพราะฉะนั้นพุ่งเข้าไปหาได้ไม่นานก็ถูกลี่จีถองผลักล้มลงบนพื้นอย่างจัง คนทั้งคนกลิ้งอยู่กับพื้น
เห็นถวนจื่อล้มลงอยู่กับพื้น เจียงหยุนเอ๋อก็รู้สึกปวดใจมาก จึงรีบก้าวเท้าเดินไปหาแล้วอุ้มถวนจื่อขึ้นมาพร้อมกับปัดฝุ่นบนตัว
“ไม่เป็นไรใช่ไหม?” เจียงหยุนเอ๋อถามอย่างเป็นห่วง
ถึงแม้ถวนจื่อจะไม่ได้พูดอะไร แต่ก็ถูกเจียงหยุนเอ๋อเห็นรอยบาดที่เท้าที่ถูกพื้นบาดจนเลือดไหลออกมา แถมรอยบาดยังลึกมากอีกด้วย
สายตาของเจียงหยุนเอ๋อขรึมลง ทั้งตัวแผ่อายอาฆาตออกมา
“ฉันขอเตือนคุณ อย่าทำให้มันเกินไปมากนัก” เจียงหยุนเอ๋อเม้มริมฝีปาก พูดอย่างขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน
นิสัยดีไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีขีดจำกัด เธอมีความเคารพต่อลี่จีถอง เพราะฉะนั้นจึงยอมถอยครั้งแล้วครั้งเล่า ต่อให้ถูกตำหนิ เธอก็จะทำเป็นหูทวนลม ถือซะว่าไม่ได้ยิน แต่ตอนนี้เธอทำร้ายถวนจื่อ เรื่องนี้เธอไม่อาจยอมได้
ถวนจื่อคือขีดจำกัดสุดท้ายของเธอ
“ทำเกินไป? เหอะ ที่แท้แกก็พูดได้นี่ ดูท่าจะไม่ได้เป็นใบ้”
ลี่จีถองเลิกคิ้วขึ้นและพูดเหน็บแนมอย่างน่าขัน
“แต่คำนี้ใช่ผิดที่แล้วหรือเปล่า? ตอนนั้นที่แกเป็นมือที่สามไปแทรกความสัมพันธ์ของพวกเขา ทำไมไม่บอกว่าตัวเองทำเกินไป ตอนนี้มีหน้ามาต่อว่าคนอื่นว่าทำผิดงั้นเหรอ? แกนี่มันหน้าด้านจริงๆ”
ลี่จีถองยิ้มหยัน เครื่องหน้าที่ดูดีตอนนี้เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม
“ฉันว่า ในเมื่อลี่จุนถิงไม่รู้ว่าต้องจัดการกับเมียตัวเองยังไง งั้นก็ให้ฉันมาสั่งสอนแกแทนว่าควรวางตัวยังไง ไม่อย่างนั้นต่อไปถ้าออกสังคมไปยั่วเถ้าแก่คนไหนอีก งั้นลี่จุนถิงก็ต้องถูกสวมเขาซ้ำๆซากๆน่ะสิ?”
ลี่จีถองแค่นเสียงออกมาหนึ่งที ก้าวเท้าไปข้างหน้าขวางทางเดินของเจียงหยุนเอ๋อไว้มิด
ฉับพลันนั้น มือของลี่จีถองที่แนบอยู่ข้างกางเกงตลอดก็ยกขึ้น พร้อมจู่โจมไปทางเจียงหยุนเอ๋ออย่างรุนแรง