บทที่ 291 พบเจอบุคคลลึกลับ

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 291 พบเจอบุคคลลึกลับ

เวลานี้ก็เป็นเวลาที่ฟ้ามืดแล้ว หลานเยาเยาเปลี่ยนใส่ชุดที่เบาสบาย มองผ่านหน้าต่างออกไปดูท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เปรียบเสมือนม่านสีดำ แววตาเปล่งประกายออกมาเล็กน้อย

นางที่เป็นนกเค้าแมวนี้จะต้องออกปฏิบัติการอีกแล้ว

จากนั้น เมื่อนางแฉลบตัว ก็ได้หายไปจากในตำหนักทันที

เมื่อพ้นจากจวน จื่อเฟิงที่ได้เตรียมรถม้าให้นาง ก็ได้รออยู่ตรงที่ซ่อนตัวนานแล้ว

ปกติในเวลานี้ ประตูเมืองได้ปิดไปนานแล้ว

แต่ว่า!

นางได้แอบสั่งให้คนเตรียมการทั้งหมดไว้แล้ว

ประตูเมืองที่ปิดสนิท ก่อนที่รถม้าของนางจะวิ่งผ่านมา

ก็ได้ถูกเปิดออกอย่างเงียบๆ หลังจากที่รถม้าวิ่งผ่านไป ประตูเมืองก็ปิดลงอย่างเงียบๆอีกครั้ง

“ซ่าซ่าซ่า……”

ค่ำคืนที่มืดสนิท นอกจากเสียงล้อรถที่หมุนไปอย่างไม่หยุดหย่อน ก็มีเหลือเพียงเสียงร้องของแมลงยามค่ำคืน

รวมถึงลมที่โชยเบาๆเป็นครั้งคราว เสียงใบไม้ที่โดนพัดไหว

เพียงแต่……

ตอนนี้เสียงลมที่พัดใบไม้นั้นแปลกประหลาดนิดหน่อย

จื่อเฟิงที่ทำหน้าที่เป็นคนขับรถม้า มีความรู้สึกไวเป็นพิเศษในการสังเกตการณ์และมองทะลุถึงการเปลี่ยนแปลง

เขาดึงบังเหียนแน่น ทำให้รถม้าหยุดวิ่งอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เอียงหน้าเล็กน้อย เหลือบมองไปที่หลานเยาเยาที่ถูกผ้าม่านบังอยู่แวบหนึ่ง

“คุณหนู?”

“ระวังตัวหน่อย” เสียงอันมีเสน่ห์ไพเราะดังแว่วออกมาเบาๆ

เรื่องเช่นนี้ก็ไม่ได้มีเพียงแค่ครั้งสองครั้งแล้ว

ปล่อยให้จื่อเฟิงจัดการเองผู้เดียวจนกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปแล้ว แล้วทุกครั้งเขาก็ทำได้อย่างดีเยี่ยม

“ขอรับ!”

หลังจากได้รับความเห็นชอบจากคุณหนูของตัวเอง จื่อเฟิงก็รีบชักดาบยาวออกจากเอวทันที จากนั้นปลายเท้าจรดลงเบาๆ เหาะเข้าไปในค่ำคืนที่มืดมิด

จากนั้นก็ได้ยินเสียงของอาวุธที่ฟาดฟันกันดังมาจนแสบหู และเสียงร้องแต่ละเสียงร้องอย่างน่าเวทนา

ในค่ำคืนที่เงียบสงบนี้ ได้เผยให้เห็นถึงความร่มรื่นชัดเจนขึ้นเป็นพิเศษ……

หลานเยาเยาใช้มือข้างหนึ่งค้ำศีรษะเอนกายพิงรถม้าไว้ สีหน้าดูสงบไร้ความแปรผันใดๆ มือที่ขาวดั่งหยกวางอยู่บนหน้าตัก แล้วเคาะเป็นครั้งคราว

สำหรับจื่อเฟิงที่กำลังฆ่าฟันอย่างดุเดือดอยู่ด้านนอก นางไม่ได้มีความเป็นห่วงเลยสักนิด

ความแข็งแกร่งของจื่อเฟิงนั้นมองข้ามไม่ได้ สองสามปีที่ติดตามนางนี้ก็ได้พัฒนาขึ้นมาอีกไม่น้อย คนคนเดียวต่อกรกับคนมากมายก็ไม่มีปัญหา

ยิ่งไปกว่านั้น เชือดไก่จำเป็นจะต้องใช้มีดฆ่าวัวด้วยหรือ?

สำหรับคนเช่นนางนี้ที่มีทั้งความสามารถและหน้าตาวิชาการรักษาก็ล้ำเลิศ ปกติแล้วก็ล้วนเป็นการออกมาในฉากจบ

แต่ว่าด้วยความรวดเร็ว

นางสังเกตพบความผิดปกติแล้ว

ไม่มีเสียงการฟาดฟันกันของอาวุธแล้ว จื่อเฟิงก็ยังไม่ได้กลับมา

และนาง

ค่อยๆได้กลิ่นคาวเลือด

และกลิ่นคาวเลือดก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

“ซ่า……”

มีคนยืนอยู่ที่คนขับรถม้าอย่างเงียบๆ มีพลังอำนาจที่รุนแรงประชิดอยู่รอบๆรถม้า

นัยน์ตาของหลานเยาเยาเคร่งขรึมขึ้นทันที

“เขาตายแล้ว?” เขานี้หมายถึงจื่อเฟิง

“ใกล้แล้ว!”

คนที่ตอบนาง น้ำเสียงใสฉะฉาน แต่ในเสียงกลับแฝงไปด้วยความตื่นเต้นของความอยากลอง

ในขณะเดียวกันก็ยังมีรอยยิ้มที่เคลือบไปด้วยความโหดร้ายทารุณ : “ได้ยินว่าเจ้าแข็งแกร่งมาก?”

“ไม่รู้สิ มาลองดูเถอะ!”

เมื่อคำพูดหลุดออกไป

สีหน้าของหลานเยาเยาก็เปลี่ยน แววตาก็เปลี่ยนเป็นเฉียบแหลมขึ้นอย่างหาเทียบไม่ได้ ในมือปรากฏเข็มเงินขึ้นมาสามเล่ม จากนั้นก็พุ่งโจมตีไปยังคนที่อยู่นอกม่านอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่คนผู้นั้นหลบหลีก จากท่าทีเดิมที่ดูหยิ่งผยอง ก็จริงจังขึ้นมา

จากนั้นก็มีเงาหนึ่งเหาะออกมา พวกเขาทั้งสองต่อสู้กัน ในไม่ช้าคนผู้นั้นก็เสียเปรียบ

“อยู่ตรงนี้ไง!”

เพิ่งจะใช้กำลังภายในไปแค่สิบส่วน โจมตีไปยังเป้าหมายที่ต้องจัดการ แต่ทันทีที่ลงมือ เสียงของเป้าหมายที่ต้องจัดการกลับปรากฏขึ้นด้านหลัง

ชั่วขณะหนึ่งที่ชายผู้นั้นไม่ทันได้สังเกต ก็โดนโจมตีโดยตรงเข้าอย่างแรงจนกระเด็นไปไกลมาก

ได้ยินเสียงของหนักตกลงพื้นอย่างแรง รวมถึงเสียงแสดงความไม่พอใจของผู้ชายผู้หนึ่งดังออกมา

หลานเยาเยาทำน้ำเสียงแสดงความไม่พอใจออกมาอย่างเย็นยะเยือก มุมปากยกขึ้น จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นเงาเหาะจากไป

ยังไม่ทันที่ผู้ชายจะตอบสนอง พอรู้ตัวก็ยื่นมือมาบังหน้าตัวเอง

ฝ่ามือที่ใช้กำลังภายในเจ็ดส่วน ไม่ได้ตกไปที่ร่างของผู้ชายคนนั้นตามที่คาดไว้ แต่กลับโดนอำนาจที่แข็งแกร่งทำให้สลายไป

ทั้งยังทำให้แขนทั้งสองข้างของนางเหน็บชาไปด้วย

คนที่ลงมืออยู่ลับๆผู้นี้แข็งแกร่งจริงๆ!

หลังจากที่หลานเยาเยาก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว “สวบ” เสียงหนึ่ง มีเงาดำหนึ่งพุ่งโจมตีมาทางนาง

นางเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ ขณะคิดวางแผนการโจมตีครั้งเดียวให้ถึงชีวิต แต่นางกลับเห็นเงาดำที่เหาะมาทางนางอย่างชัดเจนในพริบตา……

เป็นดวงตาทั้งคู่ที่ปิดสนิท จื่อเฟิงที่ดูไม่ออกว่าเป็นหรือตาย

นางรีบเก็บมือลง ให้โจมตีเป็นการป้องกัน แล้วรับจื่อเฟิงไว้ทันใด

แต่ว่า!

เมื่อมือสัมผัสโดนจื่อเฟิง ทันใดนั้นนางก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ราวกับว่าโดนธนูนับหมื่นดอกแทงไปที่หัวใจ แย่แล้ว!

เสื้อผ้าของจื่อเฟิงกำลังแผ่กระจายพิษร้ายแรงออกมา

เจ้าบ้าเอ๊ย คาดไม่ถึงว่าจะร้ายกาจกว่านางเพียงนี้

คนที่อยู่ในความมืดนั้นคือใคร?

ยังดีที่ระบบมีรู้งานมาก หลังจากที่พบว่านางโดนยาพิษ ก็รีบปรุงยาถอนพิษทันที

หลานเยาเยารีบล้วงมือเข้าไปในแขนเสื้อ หยิบยาจากระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บออกมากิน

ทันใดนั้นในสมองก็มีเสียงของระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บดังขึ้น

[เจ้านาย ท่านไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนที่อยู่ในความมืดนั่น พวกเราหนีเถอะ!]

ระบบที่ไม่ได้พูดมาเป็นเวลานาน เมื่อเผชิญหน้ากับอำนาจกดดันที่น่าสะพรึง ก็ขี้ขลาดในพริบตา

เจ้านายคนนี้ทำให้มันต้องเป็นห่วงมาก

ไม่ตั้งใจทำภารกิจพัฒนาระบบให้เสร็จสิ้นไม่ว่า เมื่อไม่พอใจก็เอามันไปขังไว้ในห้องมืดเล็กๆ

‘งั้นเจ้าก็หนีสิ!’

[ฮือฮือฮือ เจ้านาย พวกเราเป็นร่างเดียวกัน……] ถ้ามันสามารถหนีไปเองได้จะต้องมายุยงเจ้าของของมันทำไม?

‘งั้นก็หุบปาก’

ระบบปิดปากแต่โดยดี

มีเจ้านายเช่นนี้ มันแสดงออกถึงความเหนื่อยใจเป็นอย่างมาก

หลังจากที่กินยาไปแล้ว ความเจ็บปวดที่รุนแรงก็สลายไป

เมื่อเห็นยาพิษชนิดใหม่ที่ได้วิจัยและปรุง ถูกถอนพิษไปในชั่วพริบตา

ทำให้คนที่ซ่อนตัวอยู่ในที่มืด เปลี่ยนความคิดที่อยู่ในใจ จากนั้นก็เดินออกมาจากความมืด

ผู้ที่ใส่ชุดคลุมไม่มีแขนสีดำ คลุมตัวเองไว้อย่างมิดชิด ด้านหลังยังมีเสื้อคลุมยาวๆอีกส่วน พร้อมกับที่เขาขยับเดิน หางที่ยาวออกมานั้นก็ถูกลากไปอย่างช้าๆ

มิดชิดเช่นนั้นเชียว……

หากว่าเป็นตอนกลางวัน เป็นชนิดที่แม้แต่ลูกกระตาก็มองไม่เห็นอย่างแน่นอน

หากไม่ใช่เพราะร่างกายของเขามีกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายโดยไม่สามารถเพิกเฉยได้ และท่าทีการเดินก็เหมือนล่องลอยเบาๆ

นางมีเหตุผลจะเชื่อว่า ยามเขาเดินก็จะล้ม กินข้าวก็ไม่มีทางจะเอาเข้าปาก เวลานั่งยองๆก็จะต้องตลกมากเป็นแน่

[เจ้านาย ตอนนี้ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ตรงนั้นนะนี่] ระบบที่ไม่พอใจกับความคิดในใจของนางโพล่งออกมาทันควัน

‘ปิดระบบปัญญาประดิษฐ์’

[ได้ ได้ ข้าปิดปากเอง] น้ำเสียงที่เหมือนกับการหลบหนีหายไปจากสมองของหลานเยาเยา

“เทพธิดาแห่งแผ่นดินใหญ่ที่ชื่อเสียงลือลั่น ที่แท้ก็เป็นเด็กผู้หญิงที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม คิดไม่ถึงว่าอายุน้อยเช่นนี้ วิชาการรักษาจะอยู่ในจุดที่สูงที่สุดเพียงนี้ กำลังภายในก็ลึกล้ำนัก”

น้ำเสียงที่สดใสแต่แก่ชรา ค่อยๆดังออกมาจากปากของบุคคลลึกลับ

ได้ยินดังนั้น!

ดวงตาของหลานเยาเยาหรี่ลงเล็กน้อย

เสียงนี้……

เป็นเขา!

เมื่อคิดถึงคนผู้นั้น นางก็กำหมัดแน่นขึ้นในทันใด โกรธหน้าดำจนสามารถหยดออกมาเป็นน้ำหมึกได้

ในใจเอ่อล้นไปด้วยคลื่นใหญ่แห่งแรงสังหาร ที่ไหลเชี่ยวไม่หยุด ราวกับว่าจะสามารถระเบิดออกมาได้ตลอดเวลาก็ไม่ปาน

แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ ยิ่งทำให้นางมีสีหน้าที่ดูสงบนิ่งดั่งปกติ

ดังนั้น นางค่อยๆคลายหมัดที่กำไว้แน่นออก

ยิ้มและเอ่ยอย่างเยือกเย็น :

“เก่งกาจมากล่ะสิ ข้าเองก็คิดเช่นนั้น” แก่ไม่ตาย ไม่ยอมแพ้ก็มารบกัน