บทที่ 299 ท่านอู่โหวเย่เป็นคนที่น่าสนใจ

ฮูหยินอู่เห็นหญิงสาวเดินเข้ามาในร้านอาหาร นางเดินขึ้นมายังชั้นสอง พนักงานบริการต่างโค้งตัวทักทายนางทีละคน

“สวัสดีขอรับ เถ้าแก่เนี้ย”

“สวัสดีเจ้าค่ะ เถ้าแก่เนี้ย” ลูกจ้างในร้านอาหารชื่นชอบนางมากเลยทีเดียว

นางเดินขึ้นมาที่ชั้นสองเห็นฮูหยินอู่นั่งอยู่ นางส่งยิ้มให้มีลักยิ้มสองอันเล็กที่มุมปาก ทำให้ดูน่ารักมีชีวิตชีวา ฮูหยินอู่ส่งยิ้มกลับไปให้นางเช่นกัน

ถังหลี่เดินไปรอบ ๆ ทักทายลูกค้าที่คุ้นเคย ก่อนจะลงไปทำงานที่ด้านล่าง

“เถาหง เจ้านั่งลงกินเป็นเพื่อนข้าเถอะ ข้ากินไม่หมดหรอก”

เถาหงอยู่กับฮูหยินอู่มานานหลายปีแล้ว นางรู้นิสัยใจคอของฮูหยินดี นางจึงนั่งลงอย่างไม่อิดออด อาหารถูกลำเลียงมาขึ้นโต๊ะที่ละจาน สุดท้ายมีเสี่ยวเอ้อร์ยกจานเปลใบหนึ่งมาวางลงต่อหน้าฮูหยินอู่ ก่อนที่จะเปิดฝาครอบจานออก มีควันพวยพุ่งส่งกลิ่นหอมออกมา

ฮูหยินอู่ประหลาดใจ

“เสี่ยวเอ้อร์ ข้าไม่ได้สั่งอาหารจานนนี้”

“อาหารจานนี้เป็นเถ้าแก่เนี้ยเป็นคนปรุงเองขอรับ ฮูหยินได้โปรดลองชิมดู”

ฮูหยินอู่ประหลาดใจมากขึ้นเรื่อย ๆ นางไม่เกรงใจเช่นกัน

“ขอบคุณเจ้าของร้านแทนข้าด้วย ข้าจะลองชิมดู”

เมื่อนางได้ลองกินอาหารที่หญิงสาวผู้นั้นเป็นคนทำ มันช่างอร่อยมากจริง ๆ หากจะเทียบกับของตระกูลติงแล้วก็ต้องบอกว่าแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง รสชาติอร่อยกันคนละแบบ

นึกไม่ถึงเลยว่านางจะมีฝีมือทำกับข้าวดีถึงเพียงนี้ แต่นั่นก็ทำให้ฮูหยินอู่ได้รู้จักนางดีขึ้น หลังจากที่กินนอาหารเสร็จแล้ว นางและสาวใช้เถาหงจึงลงไปข้างล่าง เถาหงไปจ่ายเงิน ส่วนฮูหยินอู่เดินไปหาเจ้าของร้าน

ถังหลี่กำลังดูสมุดบัญชี เมื่อนางเห็นฮูหยินอู่นางก็ยิ้มทักทาย

“ฮูหยินกินอาหารเรียบร้อยแล้วหรือเจ้าคะ?”

“เรียบร้อยแล้ว ข้ามาขอบคุณสำหรับอาหารจานนั้น อร่อยมากเลย” ฮูหยินอู่ยิ้มอย่างอ่อนโยน

“ฮูหยินชอบหรือเจ้าคะ” รอยยิ้มของถังหลี่สว่างสดใสขึ้น ในตอนนั้นเองเถาหงได้เดินกลับมาพร้อมกับพูดว่า

“ฮูหยิน พนักงานเก็บเงินบอกว่าไม่ต้องจ่ายค่าอาหารเจ้าค่ะ แม่นางถังเป็นคนเชิญท่านมาทานอาหารเอง”

ถังหลี่ได้ยิน นางพยักหน้า

“ใช่แล้ว ท่านไม่ต้องจ่ายค่าอาหาร ทางร้านยินดีต้อนรับตลอด หากท่านได้มีโอกาสมาทานอาหารเย็นที่ร้านเราอีก จะทำให้ข้ามีความสุขมากทีเดียว”

ความคิดบางอย่างแวบเข้ามา

“แม่นางรู้จักข้าหรือ?”

“ท่านคือฮูหยินอู่”

“แม่นางรู้จักข้าได้อย่างไร?” นางสงสัย ผู้หญิงคนนี้แปลกจริง ๆ ตั้งแต่นางมาที่มณฑลชิงเหอ นางแทบไม่เคยออกจากจวนเลยด้วยซ้ำ นางจะรู้จักข้าได้อย่างไร?

“เขาเล่าให้ข้าฟังเจ้าค่ะ” ถังหลี่ไม่ได้บอกว่าเขาคือใคร แต่คนทั้งคู่ต่างรู้ดี

ฮูหยินอู่ไม่ได้คิดว่าคนทั้งคู่จะสนิทกันถึงขนาดที่นายน้อยจะเอ่ยถึงนาง แต่ถ้าหากนายน้อยเป็นคนพูด แสดงว่าเขาย่อมเป็นห่วงนางเช่นกัน นางอดมีความสุขไม่ได้

“เขาพูดอะไรเกี่ยวกับข้าบ้างหรือ?” ตอนนี้ลูกค้าในร้านในร้านเริ่มเยอะขึ้น และมีเสียงดังเพิ่มขึ้น ถังหลี่จึงเอ่ยชวนฮูหยินอู่ว่า

“ฮูหยิน เราไปเดินเล่นด้วยกันได้ไหมเจ้าคะ?”

ฮูหยินอู่พยักหน้า ถังหลี่จึงเดินออกมาจากห้องทำบัญชี ทั้งสองเดินออกจากร้านอาหารไปพร้อมกัน

ร้านอาหารแห่งนี้สร้างขึ้นที่ริมน้ำ น้ำในทะเลสาบใสแจ๋วจนเห็นปลาว่ายไปมาได้ รอบ ๆ มีต้นหลิวที่อยู่ริมฝั่ง ยามที่มีลมพัดมาใบหลิวเอนลู่ไหวไปตามลม

ถังหลี่เดินไปตามริมแม่น้ำพร้อมกับฮูหยินอู่

“เขาเล่าให้ข้าฟังว่า ท่านเป็นคนอ่อนโยน ใจดีและเป็นห่วงเขามาก เขาเคารพท่าน…” ถังหลี่พูดเอ่ยขึ้นมา

ท่านอู่โหวเย่ และฮูหยินเป็นคนคอยช่วยเหลือสามีนาง ไม่ว่าความสัมพันธ์ก่อนหน้าของคนทั้งคู่จะเป็นอย่างไรก็ตาม ตราบใดที่พวกเขาช่วยเหลือเว่ยฉิง พวกเขาย่อมเป็นผู้มีพระคุณของถังหลี่ด้วยเช่นกัน ด้วยอายุและท่าทางของฮูหยินอู่จึงทำให้ถังหลี่จดจำตัวตนของนางได้อย่างรวดเร็ว ฮูหยินอู่อิ่มเอมใจเมื่อได้ยิน นายน้อยไม่ใช่แค่เป็นเพียงบุตรชายของคุณหนูเท่านั้น หากเขายังมีอายุใกล้เคียงกับบุตรชายของนางที่หายไปอีกด้วย ความรู้สึกที่นางมีต่อเขาจึงค่อนข้างซับซ้อน ทั้งเต็มไปด้วยความเคารพและความรัก

ทั้งสองคนต่างเปิดใจพูดคุยกันอย่างมากมาย ฮูหยินอู่จึงได้รู้ว่าบุตรทั้งสี่คนของถังหลี่เป็นลุกบุญธรรมทั้งหมด ไม่ใช่ลูกที่เกิดจากนางเลยแม้แต่คนเดียว ฮูหยินอู่จึงได้รับรู้ความจริงใจของนางที่มีต่อนายน้อย รวมไปถึงที่ว่านายน้อยชอบเด็กทั้งสี่คนมากเพียงใด

คนทั้งคู่คุยกันอย่างถูกคอราวกับเป็นรู้จักกันมานาน

ฮูหยินอู่เอ่ยชมถังหลี่ นางชอบเด็กสาวผู้นี้มากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่คุยกันถังหลี่ได้จับแขนของนางเอาไว้อย่างสนิทสนม เมื่อเห็นว่าเริ่มค่ำมากแล้ว นางจึงตัดสินใจขอตัวกลับจวน

“ฮูหยินอู่ หากท่านเวลาขอเชิญมาชิมอาหารฝีมือของข้าได้ทุกเมื่อนะเจ้าคะ”

“ได้สิ ข้าจะมาชิมอาหารที่เจ้าทำ”

ฮูหยินอู่ตบหลังมือถังหลี่ ก่อนจะกล่าวลานาง

เมื่อฮูหยินอู่เข้าไปนั่งในรถม้า เถาหงก็ขึ้นไปบนรถม้าด้วย ก่อนที่จะเดินทางมาที่ร้าน ใบหน้าของฮูหยินอู่เต็มไปด้วยความกังวลไม่มีความสุข แตกต่างกับขากลับนางเอาแต่ยิ้มดูมีความสุขเบิกบานใจ

“ฮูหยิน ดูท่านชอบแม่นางถังมากเลยนะเจ้าคะ” เถาหงพูดขึ้นมา

เถาหงรับใช้ฮูหยินอู่มานาน นางสังเกตได้ทันทีว่าเจ้านายชื่นชอบแม่นางถังมาก

ฮูหยินอู่พยักหน้ารับไม่ลังเล

“นางเป็นเด็กดี”

ถ้าหากคุณหนูยังอยู่ นางคงต้องชอบเด็กสาวคนนี้เช่นกัน เมื่อฮูหยินอู่ลงจากรถม้าจึงสามีของนางยืนคอยอยู่ที่หน้าประตู

ท่านอู่โหวเย่ถือกรงนกอยู่ในมือ เขาเดินเล่นไปรอบ ๆ อย่างสบายใจ เมื่อเห็นภรรยาที่เพิ่งลงจากรถม้า เขาตาเป็นประกายเดินมาหานางทันที ทั้งคู่เดินเคียงกันไป

“เป็นอย่างไรบ้าง?” ท่านอู่โหวเย่ถามขึ้นมาก่อน

ฮูหยินอู่เล่ารายละเอียดทั้งหมดที่ได้พบกับถังหลี่ในวันนี้

“นางเป็นเด็กสาวที่ฉลาด มีไหวพริบ ใครจะไปคิดว่าอายุแค่นี้จะมีร้านอาหารที่ใหญ่โตขนาดนั้นได้ นางจดจำข้าได้ ถึงกับไปลงมือปรุงอาหารให้ข้าด้วยตัวนางเอง อาหารที่ทำรสชาติดีเทียบชั้นได้กับของตระกูลติงเลยทีเดียว ข้าชอบนางมากเลยทีเดียว”

ระหว่างที่พูดใบหน้าของภรรยาเขามีแต่รอยยิ้มส่วนท่านอู่โหวเย่ดูจะมีแค่ข้อกังขาเดียวที่ว่า

“ผู้หญิงคนนี้ทำอาหารเก่ง เพียงแต่ข้าอยากรู้ว่าอาหารตระกูลติงที่อยู่ในร้านของนางเป็นของดั้งเดิมจริงหรือไม่?”

“ใช่ พ่อครัวเป็นผู้ได้รับการสืบทอดมาจากนายผู้เฒ่าตระกูลติง อาหารที่ทำขึ้นมาน่าจะมีรสชาติเหมือนต้นตำรับ”

ท่านอู่โหวเย่เอามือลูบเคารพพูดอย่างจริงจังว่า

“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความสุขในชีวิตของนายน้อย พรุ่งนี้ข้าตั้งใจจะไปหาว่าที่ลูกสะใภ้ผู้นี้”

เช้าวันรุ่งขึ้น ร้านอาหารหนิงเฟิงได้มีโอกาสต้อนรับสามีภรรยาทั้งคู่ ในเมื่อถังหลี่รู้จักตัวตนของฮูหยินอู่อยู่แล้วนางจึงคาดเดาสถานะของบุรุษข้างกายของฮูหยินอู่ได้อย่างง่ายดาย

ท่านอู่โหวเย่เป็นคนหน้านิ่วคิ้วขมวด รูปร่างสูงท่าทางมีสง่าราศรี เมื่อถังหลี่เห็นคู่สามีภรรยาเดินเข้าประตูมา นางจึงกล่าวทักทายอย่างสุภาพ ฮูหยินอู่ยิ้มแย้มให้นางอย่างแจ่มใส แต่ท่านอู่โหวเย่กลับมีท่าทีไว้ตัว ทำให้ถังหลี่รู้สึกยากที่จะเข้าถึง