บทที่ 317 ครั้งนี้คงบอกลากันตลอดกาล

สาวงามตัวร้าย : ท่านจอมมารได้โปรดโดนตกซะทีเถอะ!

บทที่ 317 ครั้งนี้คงบอกลากันตลอดกาล
บทที่ 317 ครั้งนี้คงบอกลากันตลอดกาล

เห็นสีหน้าประหลาดใจแล้ว ชายหนุ่มก็เลิกคิ้วน้อย ๆ จากนั้นก็เหมือนเข้าใจบางอย่างแล้วคลี่ยิ้มเข้าใจ

“ในกายเจ้า มีวิชาปกป้องของเผ่ามารทมิฬร่ายไว้อยู่ มันจะปกป้องด้วยการให้เจ้าได้รับอันตรายได้สามครั้งแต่ไม่ตาย หากแต่ราคาที่ต้องจ่ายจากการใช้วิชานี้ก็ย่อมสูง ด้วยอาการบาดเจ็บบนตัวเจ้าจะถูกย้ายไปยังคนใช้วิชาแทน”

ได้ยินชายหนุ่มว่าแล้ว ชิงอวี่ก็อึ้งไป

เหมือนนางจะนึกภาพฉากหนึ่งขึ้นได้

นางจำไม่ได้แน่ชัดว่าเป็นตอนไหน แต่มีครั้งหนึ่งที่นางได้รับบาดเจ็บ และสีหน้าโหลวจวินเหยาก็ดูย่ำแย่มาก เขาเพียงบอกให้นางดูแลตนเองอยู่เสมอ อย่าให้ตกอยู่ในอันตรายใดแม้จะทำเพื่อเขาก็ตาม

นางยิ้มและรับคำไป แต่สีหน้าของเขายามนั้นจริงจังมาก บอกว่าหากนางไม่ยอมรักษาตนเองให้ดี สักวันหนึ่งคงได้ทรมานเขาจนตาย

ตอนนั้นนางไม่คิดอะไรมาก คิดว่าเป็นเรื่องขำขันเท่านั้น ฟังแล้วดูน่าเบื่อซ้ำซากอีกต่างหาก

แต่นึกย้อนดูแล้ว…..

“เพื่อข้าแล้ว เจ้าต้องปลอดภัย ไม่เช่นนั้นหากเจ้าไปโลกหน้าก่อนข้าก้าวหนึ่ง ไม่ยอมแก่เฒ่าไปด้วยกัน เช่นนั้นแล้วข้าจะร้องหาใครได้อีก?”

ชิงอวี่กำมือแน่น นัยน์ตาดำมืดล้ำลึก

คนโง่! เขาผูกชีวิตไว้กับนางนี่เอง!

ไม่รู้หรือว่าตนเองมีร่างกายไม่เหมือนคนอื่นเขา? แผลนิดเดียวได้เลือดก็อาจทำให้เจ็บปวดมากมายได้แล้ว แล้วยังหมายจะมารับอาการบาดเจ็บแทนนางอีกงั้นหรือ!?

ครั้งหน้าหากเจอหน้า นางต้องสั่งสอนเขาแน่!

เห็นใบหน้างามของนางเปลี่ยนไปมามากมายแล้ว ชายหนุ่มก็ยกมุมปากขึ้น “ดูท่าความสัมพันธ์ของเจ้ากับเพื่อนรวมเผ่าของข้านั้นจะไม่ธรรมดากระมัง! แต่เขามาจากเผ่าปีศาจ…..”

“เขาเป็นคนที่ข้ารัก สำคัญแค่เรื่องนั้นพอ” ชิงอวี่ขัดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งไร้อารมณ์

รอยยิ้มบนริมฝีปากชายหนุ่มพลันแข็งค้าง หลายอึดใจจึงเอ่ยเสียงติดจะแหบขึ้นมาได้ “เจ้านี่มัน….. หัวแข็งเหมือนนางไม่มีผิด”

“สรุปท่านจะช่วยข้าหรือไม่?” ชิงอวี่จ้องเขาตรง ๆ “อย่างน้อยก็ถือว่าทำเพื่อเพื่อนร่วมเผ่าอย่างโหลวจวินเหยาก็ได้”

ชายหนุ่มหรี่ตาลง เงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยคำขึ้น “ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากช่วย แต่ ….. ข้าไม่สามารถช่วยเจ้าได้”

“เพื่อคืนชีพท่าน นางทำกรรมชั่ว ต่อต้านสวรรค์ไปมากมาย ท่านไม่รู้หรือว่าใต้หล้าล้วนอยู่ภายในกฎแห่งกรรมและการเวียนว่ายตายเกิด? ข้าว่าคงไม่มีใครจะหยุดนางได้แล้วนอกจากท่าน ท่านคิดจะนั่งเฉย ๆ แล้วดูนางกระทำชั่วต่อไปหรือ?”

ชิงอวี่มุ่นคิ้ว สีหน้าซักถาม

มือชายหนุ่มที่จับดาบไว้กำแน่น มีหรือเขาจะไม่รู้? น่าเสียดายที่เขาเองก็ทำอะไรไม่ได้

แท้จริงแล้ว ที่เขายังรอดมาจนถึงวันนี้ได้ เป็นเพราะครึ่งหนึ่งของเขามาจากเผ่าเทพ และจากพลังวิเศษที่ก้นทะเลสาบแห่งนี้ ที่ทำให้กายเนื้อเขาค่อย ๆ กลับคืนหลังจากใช้เวลานับล้านปี

แต่หากเขาออกไปจากที่นี่เมื่อไหร่…..

ดวงตาสีม่วงอันล้ำลึกเกินหยั่งของเขามีอารมณ์ซับซ้อนวาดผ่านชั่วพริบตา จากนั้นก็เหมือนตัดสินใจได้ กลายเป็นสงบนิ่งแทน

ไม่เป็นไรหรอก

เขาอยู่มานานแล้ว แต่ใจก็ยังหยุดเป็นห่วงใครบางคนไม่ได้เลย

เอาเป็นว่าเขาจะไปพบหน้านางครั้งสุดท้าย และทำให้เรื่องทั้งหมด…..

จบลงสักที

——————————————–

ในเวลาเดียวกันนั้น เมื่อกระจกทำนายถูกทำลายแล้ว ภาพบนจออีกฝั่งก็บิดเบี้ยวมองไม่ออกไป ก่อนที่สุดท้ายจะกลายเป็นลำแสงสีขาว ไม่เห็นอะไรอีก

“ประเมินคนพวกนั้นต่ำไปจริง ๆ” ม่านตาสีเงินของหญิงสาวส่องแววประหลาด มุมปากเหยียดตรง ใบหน้าฉายแววหยัน

“เจ้าเหนือหัว โปรดยกโทษให้ข้าด้วย!”

ด้านหลังมีเสียงดังตุ้บ ตามมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาที่เจือความแหบแห้งดังขึ้น

หญิงสาวหันไป เห็นเหยี่ยนพั่วคุกเข่าอยู่กับพื้น ก้มหน้าเงียบขรึม

หญิงสาวเลิกคิ้วสูง “หมายความว่าอะไร?”

เหยี่ยนพั่วยิ่งก้มหน้าต่ำ “ข้าผิดพลาดที่ประมาทเลินเล่อ ปล่อยให้ศิษย์ทรยศของข้าปล่อยตัวชิงหลานเฟยไป ข้าสังหารศิษย์ทรยศนั่นแล้ว แต่ชิงหลานเฟย…..กลับหาตัวไม่พบ”

“หึ ๆ บังเอิญเสียจริง คนเด็กกว่าก็หนีไปได้ คนโตกว่าก็เช่นกัน หรือจะเป็นความต้องการของสวรรค์ว่าจะไม่ต้องการให้ทั้งคู่ต้องตายอยู่ที่นี่กันนะ?” หญิงสาวหัวเราะหยัน ไม่อาจจับอารมณ์ในน้ำเสียงไร้พิษภัยของนางได้ แต่กลับทำให้กายเหยี่ยนพั่วสั่นสะท้าน

แม้คนตรงหน้าจะดูเหมือนหญิงสาวที่ไร้เดียงสา เหยี่ยนพั่วก็รู้ดีว่านางล้ำลึกกว่าที่เห็น

ไม่ว่าจะสติปัญญาหาหรือพลังบำเพ็ญ นางล้วนด้อยกว่ามาก ไม่อาจอ่านอีกฝ่ายออกได้เลย ทำให้กระทั่งจะให้หายใจแรง ๆ นางยังไม่กล้า

แม้เหยี่ยนพั่วจะทะนงตน แต่กลับยอมก้มหัวยอมให้กับคนตรงหน้า ไม่กล้าเผยแววต่อต้านใด

เงียบกันไปนาน หญิงสาวก็เอยขึ้นเสียงเบา “เหลียนซือหายไปไหนเล่า?”

ดูท่าเขาจากที่นี่ไปหลายวันแล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไร้วี่แวว

ในอดีตนั้น ไม่สามก็ห้าวันเขาเป็นต้องโผล่หน้ามา แม้จะไม่มีธุระก็ตาม หาข้ออ้างต่าง ๆ นานา ซ่อนความจริงที่อยากเจอนางไว้เพื่อเข้ามาหาเสมอ ความรู้สึกของเขา แม้จะผ่านไปล้านปีก็ยังไม่แปรเปลี่ยน

แต่นางไม่อยากเผชิญหน้ากับมัน

ด้วยเขาคอยป้วนเปี้ยนข้างกายนางตลอด จู่ ๆ กลับหายตัวไปเช่นนี้ จึงรู้สึกแปลกประหลาดอยู่บ้าง

แต่มันก็เท่านั้น เป็นแค่ความเคยชินของนาง

ด้วยไม่คิดว่าหญิงสาวจะเอ่ยถาม เหยี่ยนพั่วจึงชะงักเล็กน้อยก่อนตอบ “ข้าพบเขาเมื่อหลายวันก่อน และเขาบอกว่า….. เขาอยากชดเชยความผิดบาปที่เคยกระทำ?”

ชดเชยความผิดบาปที่เคยกระทำ?

หญิงสาวจ้องเขม็ง แต่ก็ไม่เอ่ยอะไรออกมา

เขาคิดจะทำอะไรกันแน่

—ก้นทะเลสาบ—

ชิงอวี่คิดว่าจะโน้มน้าวชายหนุ่มคงต้องใช้แรงมากโข ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะตกลงง่ายเช่นนี้

“เช่นนั้นจะออกไปอย่างไร?” ชิงอวี่แหงนหน้าน้อย ๆ มองไปยังชายร่างสูง

คนผู้นี้สูงมากไปแล้วจริง ๆ มองแวบเดียวก็สูงได้ถึงสองเมตรเป็นอย่างน้อย ไม่แปลกที่ร่างอสูรจะสูงใหญ่ถึงเพียงนั้น สง่างามราวกับขุนเขาก็มิปาน

ชายหนุ่มได้ยินคำถามกลับไม่ตอบ แต่เก็บดาบกลับเข้าฝัก ก่อนใช้มันฝั่งลงที่ผืนดินเบื้องล่าง

พริบตาต่อมา ชิงอวี่พลันรู้สึกพื้นดินสั่นสะเทือน โชคดีที่จั้งไหมรวดเร็วว่องไว จับนางไว้ได้ ไม่ให้นางเสียสมดุล น้ำในทะเลสาบกระเซ็นไปมาบ้าคลั่ง ก่อนมันจะแยกออกไปด้านข้าง เปิดเป็นทางให้เดินต่อ

“ไปเถอะ” ชายหนุ่มเอ่ยคำ จากนั้นก็เดินนำหน้าไป ชิงอวี่รีบเดินตามให้ทันเขา

“ให้ข้าเรียกท่านว่า….. เหลียนซือได้หรือไม่?”

ชายหนุ่มนิสัยเย็นชา ดูจะไม่ชอบพูดมากนัก ที่เขาเอ่ยคำกับนางมากมายนั่นก็มหัศจรรย์มากแล้ว

รู้ดังนั้นชิงอวี่จึงเป็นฝ่ายถามก่อน

“หึ ๆ เหลียนซือเคยเป็นชื่อข้า แต่ข้าไม่คิดว่ามันเป็นชื่อข้าอีกต่อไปแล้ว” ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ แต่ดูท่าในรอยยิ้มจะเจือความขมขื่นจาง ๆ

ชายหนุ่มดูจะหม่นหมองลงเล็กน้อย ชิงอวี่จึงอดพูดขึ้นไม่ได้ “แต่ข้าคิดจริง ๆ นะว่าคนที่ได้ชื่อท่านไปและได้มีชีวิตอยู่ต่อ เขาทรมานกว่าท่านมาก! เพราะอย่างไร….. เขาก็ไม่เคยได้อยู่เพื่อตนเองเลย แต่อยู่เป็นตัวแทนของท่านเท่านั้น”

“แล้วเจ้าคิดว่าข้าโชคดีกว่าเขาหรือ?” ชายหนุ่มหันมามอง ยกมุมปากขึ้น “แม้จะเป็นตัวแทน แต่ก็ได้อยู่เคียงข้างหมิงเยว่มากว่าล้านปี สำหรับเขาแล้วนับเป็นความสุข”

ชิงอวี่พูดไม่ออก

ก็แน่ล่ะ หากมองมุมหนึ่ง ความตายไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่การถูกพรากจากกันต่างหากที่น่ากลัวที่สุด

และไม่จริงหรือที่เหลียนซืออีกคนคือคนที่ได้มีความสุขมาตลอด?

ไม่ว่าจะมีตัวตนอะไร อย่างน้อยเขาก็ได้ใช้ชีวิต ได้อยู่ข้างกายคนที่เขารักมายาวนาน

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ชิงอวี่ไม่อาจเข้าใจ

“ในเมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ แล้วทำไมผ่านมาหลายปีไม่ไปหานางบ้างเล่า? แล้วทำไมคนอื่นไม่รู้เลยว่าท่านยังไม่ตาย? แล้ว….. ท่านมีจิตใจดีมีเมตตา มอบดวงใจให้คู่แข่งความรักงั้นหรือ?”

ชิงอวี่เงยหน้ามองชายหนุ่ม สีหน้าสงสัยใคร่รู้นัก

ชายหนุ่มมองดูเด็กสาวช่างจ้อด้วยสายตาหน่ายเล็กน้อย น่ามหัศจรรย์นักที่เขาไม่รู้สึกรังเกียจนางเลย

อาจเพราะดวงตานางดูสะอาดบริสุทธิ์ ไร้ความโสมมทางโลก เหมือนกับหมิงเยว่ยามที่เขาได้เห็นนางเป็นคราแรกเมื่อนานมาแล้วกระมัง

เขาจึงอดเปิดปากตอบคำถามนางไม่ได้

“ข้าย่อมไม่ใจกว้างเช่นนั้น”

เขาหลุบตาลงแล้วถอนใจออกมา “ตอนนั้นข้าก็ไร้ทางเลือก ถูกอุบายพวกเผ่าเทพเข้าไปข้าก็บาดเจ็บอยู่แล้ว ทั้งยังขวางการโจมตีจากบิดาของหมิงเยว่ไว้อีก ซึ่งทำลายร่างข้าโดยสมบูรณ์ เหลือเพียงซากร่าง จิตข้าอ่อนแอลงเปราะบางลง และด้วยในกายข้ามีเลือดของทั้งเผ่าเทพและเผ่าปีศาจ พลังสองฝั่งจึงเข้าห้ำหั่นกันหมายเอาชนะอีกฝ่าย ไม่ว่าฝ่ายใดชนะก็แยกร่างข้าออกเป็นสองส่วนอยู่ดี”

“ท่านเลยเลือกมอบใจให้เหลียนซืออีกคน ฟื้นชีพเขา คิดว่าเขาจะได้ปกป้องหมิงเยว่แทนท่านตลอดไป เพราะท่านไม่มั่นใจว่าท่านจะรอดหรือไม่”

คำที่ชายหนุ่มยังไม่ได้กล่าว เป็นชิงอวี่ที่ต่อให้จนจบ

ชายหนุ่มดวงตาเป็นประกาย ยกริมฝีปากขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง “หัวไวไม่น้อย”

“ท่านเองก็เช่นกัน!” ชิงอวี่ว่าแล้วก็ขยิบตา ยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ “ทำเช่นนั้นแล้ว ไม่เพียงทำให้อีกฝ่ายติดหนี้ใหญ่หลวง ยังทำให้หมิงเยว่จดจำท่านไม่มีวันลืม ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ท่านลงมือตามแผนได้อย่างสมบูรณ์แบบเลยนี่นา?”

ชายหนุ่มมีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนหัวเราะหยัน “เจ้าตัวเล็กอย่างเจ้าคิดมากไปแล้ว ข้าไม่เคยคิดเช่นนั้น การกระทำของข้าในตอนนั้นทำไปเพราะสัญชาตญาณยามตกอยู่ในวิกฤติล้วน ๆ”

เขาเงียบไป จากนั้นว่าต่อ “แม้จะมีจุดหนึ่งที่เจ้าเดาผิดก็ตามที”

“ตรงไหนกัน?” ชิงอวี่เลิกคิ้ว

“ข้าในตอนนี้ที่ยืนอยู่ต่อหน้าเจ้า ไม่อาจเรียกได้ว่ามีชีวิตอยู่ได้อีกต่อไป” ชายหนุ่มมองนางพลางกล่าวคำ

ชิงอวี่ชะงักไป ก่อนถามเสียงฉงน “ท่าน….. หมายความว่าอะไรกัน?”

ถ้าอ่าน “สาวงามตัวร้าย_ท่านจอมมารได้โปรดโนตกซะทีเถอะ” แล้วยังไม่จุใจ งั้นไปอ่านกันต่อได้ที่เว็บ Enjoybook.co เพราะที่นั่นลงนำไปแล้วกว่า 30 ตอน !!