“ที่นี่มันอะไรกันเนี่ย?”

มาร์ลีนถามพร้อมขมวดคิ้วหลังจากที่เธอเพิ่งรอดจากการตกหลุมกับดักที่เต็มไปด้วยหนามคมๆ

หลังจากที่แคทเธอรีนและมาร์ลีนหลับไปแล้ว ออสตินก็เป็นคนเฝ้าระวังเพื่อตรวจดูให้แน่ใจว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับทั้ง 2 สาว และเนื่องจากพวกเธอเหนื่อยกันมามาก พวกเธอทั้ง 2 จึงได้นอนเป็นเวลา 2 ชั่วโมงก่อนที่จะตื่นอีกที 

หลังจากที่ทั้ง 2 สาวตื่นแล้ว ออสตินก็เช็คดูจนแน่ใจว่าทั้ง 2 คนโอเคขึ้นแล้วจึงเสนอให้เริ่มออกเดินทางกัน ซึ่งทั้ง 2 คนก็ตกลงกันเป็นเอกฉันท์

ดังนั้นทั้ง 2 จึงเริ่มเดิน ทั้งมาร์ลีนและแคทเธอรีนต่างใช้เวลามาก ซึ่งมาร์ลีนนั้นดูดีกว่า เนื่องจากพิษในตัวแคทเธอรีนได้เริ่มทำงานแล้ว คงต้องใช้เวลาสักระยะถึงจะเห็นผลเต็มที่ แต่ตอนนี้แคทเธอรีนรู้สึกชา แม้ว่าจะเป็นอย่างนั้นแต่เธอก็ยังคงต่อสู้ฝ่าฟันมันไปในขณะที่ออกเดินทาง

หลังจากเดินไปได้ 20 ก้าว ออสตินก็ดึงมาร์ลีนกลับมา ก่อนที่พื้นบริเวณที่เธอกำลังจะเดินต่อไปเปิดออกในทันที ถ้าออสตินไม่หยุดไว้ เธอคงตกลงไปแล้วแน่ๆ…..

“ที่แห่งนี้ดูเหมือนเป็นกับดักเขาวงกตเลยนะ”

แคทเธอรีนพูดขณะสัมผัสผนังพร้อมกับดวงตาที่มองไปรอบๆ

“ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น นี่เป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดสำหรับพวกเธอ 2 คนเลยนะ”

ออสตินพูดพร้อมกับขมวดคิ้วในขณะที่มองไปข้างหน้า คำพูดของเขาทำให้บรรยากาศมืดมนสำหรับผู้หญิง 2 คนที่รู้สึกหมดหนทางและไร้พลังเป็นครั้งแรกในชีวิต

“เอายังไงกันดี?”

มาร์ลีนถามขึ้นมา ซึ่งออสตินก็เริ่มคิด 

ไม่กี่วินาทีต่อมาเขาก็พูดขึ้น

“ยังไงก็ตาม เราไม่สามารถอยู่แบบนี้ได้ เราต้องเดินหน้าต่อไป ดังนั้นเธอทั้ง 2 คนก็อยู่ใกล้ๆ ฉันไว้หล่ะ เราไม่สามารถเสี่ยงได้ในตอนนี้”

คำพูดของออสตินนั้นถูกต้องและตรงประเด็น ดังนั้นหญิงสาวทั้ง 2 จึงได้แต่พยักหน้าตามข้อเสนอของเขา ตอนนี้เขาเป็นตาข่ายนิรภัยเพียงตัวเดียวที่พวกเธอมีอยู่ 

มือของออสตินส่องแสงขึ้นมาก่อนจะมีดาบใหญ่ปรากฏขึ้นในมือของเขา

“นายใช้ดาบเป็นด้วยเหรอ?”

แคทเธอรีนถาม ซึ่งออสตินก็พยักหน้าตอบกลับไป

“ก็นะ”

เมื่อพูดเช่นนั้นแล้วทั้ง 3 ก็เริ่มเดินทางไปข้างหน้าอีกครั้งท่ามกลางความเงียบอันน่าขนลุกของสถานที่พร้อมกับกำแพงสูงที่วาดภาพอนาคตอันมืดมนของพวกเขา

“กรรรรรี๊!”

ทันใดนั้นเสียงร้องคำรามก็ดังขึ้นมาและก่อนที่พวกเขาจะสามารถตอบสนองได้ หมอกก็เริ่มปรากฏขึ้นก่อนที่ก็อบลินทั้ง 3 ตัวจะเริ่มปรากฏตัวออกมา 

รูปลักษณ์ที่แปลกประหลาดของพวกมันชวนให้ขยะแขยงในขณะที่ก็อบลินหลายสิบตัวเพิ่มขึ้นกลายเป็นหลายร้อยตัวในไม่ช้า

“พวกลูกกระจ๊อก”

คำพูดของออสตินไม่ได้ผิดเพราะก๊อบลินที่ปรากฏตัวนั้นมีระดับอยู่ที่ต้นกำเนิดขั้น 3 เท่านั้น

เมื่อเห็นดังนั้นแล้วดาบในมือของเขาก็หายไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะมีคันธนูและลูกธนูปรากฏขึ้น 

ออสตินวางลูกลงบนคันธนูก่อนที่เขาจะปล่อยมันไป ยังไม่ใช่จบเพียงแค่นั้นเนื่องจากลูกธนู 4 ลูกที่แตกต่างกันตามมาอยู่ด้านหลังลูกที่ออสตินเพิ่งยิงออกไปอย่างรวดเร็ว 

พวกก็อบลินไม่ได้รับโอกาสร้องออกมาด้วยซ้ำเมื่อลูกธนูทั้งหมดระเบิดออกจากกันในตอนที่พวกมันสัมผัสกัน รัศมีการระเบิดถูกปกคลุมอยู่ภายในวงกลมที่ลูกธนูทั้งสี่ได้สร้างขึ้น 

ในไม่ช้าโดมสีแดงขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นภายในบริเวณที่มีเครื่องหมายลูกธนูพร้อมกับความร้อนอันร้อนแรงที่ถูกปล่อยออกมาจากมัน

“นายสร้างพื้นที่กำลังลุกไหม้ได้ด้วยลูกธนูงั้นเหรอ?”

มาร์ลีนถามด้วยดวงตาเป็นประกาย ซึ่งออสตินก็แค่พยักหน้า ในขณะที่ดวงตาของเขาจ้องไปยังภาพข้างหน้า 

การเผาไหม้อย่างต่อเนื่องจะยังคงมีอยู่จนกว่าศัตรูที่อยู่ในระยะทั้งหมดนั้นจะดับลง เวลาผ่านไป 1 นาทีก่อนที่พื้นที่นั้นจะหายไปในที่สุด โดยไม่เหลืออะไรเลย 

พวกเขาทั้ง 3 อยู่ในตำแหน่งเดิมอยู่ครู่หนึ่งเพื่อรอดูว่าจะมีศัตรูใหม่ปรากฏขึ้นหรือไม่

“ดูเหมือนจะหมดแล้วนะ”

ออสตินพูดก่อนจะเริ่มเดินไปข้างหน้า โดยมีอีก 2 คนตามติดอยู่ข้างๆ เขา 

ทั้ง 3 คนเดินทางไปตามเขาวงกตอย่างระมัดระวัง เบื้องหน้าพวกเขาคือกำแพงใหญ่ที่ตั้งตระหง่าน

“เดี๋ยวก่อน”

ออสตินพูดพร้อมกับโยนหินก้อนเล็กๆ ไปข้างหน้าซึ่งเปิดการทำงานของกับดักที่นำไปสู่ลูกธนูหลายลูกที่ถูกยิงต่อหน้าพวกเขา 

หลังจากที่การยิงรอบที่ 1 เสร็จสิ้น พื้นเบื้องหน้าพวกเขาก็เริ่มสะอาดอย่างรวดเร็วก่อนจะปรากฏทางแยก 2 ทางคือซ้ายและขวา

ทางด้านขวานั้นมีลูกธนูแหลมวางอยู่บนปีกสีดำ ส่วนลูกธนูทางซ้ายนั้นมีปีกอีกอันหนึ่ง แต่คราวนี้ปีกเป็นสีขาว

“ทางไหนดี?”

ออสตินถามขึ้นมา ซึ่งหญิงสาว 2 คนก็จ้องมองเส้นทางที่ทอดยาวไปข้างหน้าด้วยสายตาจริงจัง 

แคทเธอรีนเดินไปข้างหน้าก่อนจะแตะเครื่องหมายทั้ง 2 ที่วางอยู่ใกล้กัน

“ในสมัยโบราณ ปีกถูกใช้ในอักษรด้านนอกเพื่อสื่อข้อความ และสีของปีกที่พิมพ์นอกอักษรระบุว่าเป็นข่าวดีหรือข่าวร้าย”

คำพูดของเธอไหลออกมา ซึ่งได้รับความสนใจจากทั้ง 2 ขณะที่เธอพูดต่อ

“สีดำหมายถึงข้อความไม่ดี ในขณะที่สีขาวหมายถึงข้อความดี”

“ถ้างั้นไม่ใช่ว่าเราควรไปทางซ้ายเหรอ?”

มาร์ลีนถามขึ้นมา ส่วนแคทเธอรีนกลับไม่ได้ตอบกลับในทันที คิ้วของเธอขมวด

“มีอะไรผิดปกติรึเปล่า?”

ออสตินถามก่อนที่แคทเธอรีนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่แน่ใจ

“แต่ในสมัยโบราณยังมีอีกคำหนึ่งที่ว่า ทางขวาย่อมนำไปสู่เรื่องดีเสมอ ส่วนทางซ้ายจะนำไปสู่หายนะอยู่ด้วยหน่ะสิ”

คำพูดที่เธอพูดทำให้ทั้ง 3 คนเงียบงัน ทุกคนต่างอยู่ในความคิดของตนเอง

แคทเธอรีน : ‘นี่คือเส้นทางเหรอ? หรือทางที่จะเดิน?’

มาร์ลีน : ‘ไม่มีเส้นทางที่ถูกต้องงั้นเหรอ?’

ออสติน : ‘ทำอะไรเป็นมื้อเย็นดีน้า?’

“เธอมีความคิดอะไรบ้างไหม?”

ทันใดนั้นออสตินก็ถามขึ้นมา ซึ่งแคทเธอรีนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้า

“ฉันพอจะมีความคิดอยู่ แต่ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่”

“เธอมั่นใจเท่าไหร่?”

มาร์ลีนถามขึ้นมา

“ประมาณ 40%”

คำพูดของแคทเธอรีนทำให้เกิดความเงียบขึ้น แต่ก็อยู่ได้ไม่นานเมื่อทั้งออสตินและมาร์ลีนพูดพร้อมกัน

“บอกทางพวกเราที”

ทันทีที่ทั้ง 2 พูดพวกเขาก็มองหน้ากันด้วยความประหลาดใจก่อนที่จะหันกลับมาหาแคทเธอรีนและพูดคำเดิมอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้ม

“พวกเราเชื่อใจเธอ”

ส่วนแคทเธอรีนก็ทำได้แค่กระพริบตาด้วยความประหลาดใจขณะที่เธอมองคำตอบเดียวกันของทั้ง 2 คนที่ตอนนี้กำลังชกหมัดกันอยู่

“เห้ออออ..…พวกเธอนี่นะ..…”

แคทเธอรีนกุมหัวของตัวเองด้วยความรำคาญ แต่ก็มีรอยยิ้มบางๆ ประดับอยู่บนใบหน้าของเธอ

“ในเมื่อพวกเธอชื่อใจฉัน ฉันก็ขอเลือกทางซ้ายแล้วกัน”

เธอพูดขึ้นมาขณะพยายามมั่นใจ

“มีเหตุผลอะไรรึเปล่า?”

ออสตินถามด้วยความสงสัย ซึ่งแคทเธอรีนก็ตอบกลับมา

“เท่าที่ฉันบอกได้คือทั้ง 2 ทางคงจะมีปัญหารออยู่ แต่ทางซ้ายที่ปีกขาวสว่างน่าจะเลวร้ายน้อยกว่าทางขวาหน่ะ”

“เอ่ออ…เอาตามนั้นแล้วกัน”

มาร์ลีนพูดดังนั้นแล้วทั้ง 3 คนจึงเดินไปทางแยกด้านซ้ายกัน มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้ผลของการเลือกในครั้งนี้ และเขาก็เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้แล้ว

 

 

 

-Donate-

True Money Wallet ID : mraxzy 

ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต