“เงียบจังนะ”
มาร์ลีนพูดขณะที่ทั้ง 3 เดินเข้าไปในเส้นทางที่แคทเธอรีนเลือกโดยที่ทั้ง 3 เคลื่อนไหวด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง
ออสตินมุ่งความสนใจไปที่ศูนย์กลาง ขณะที่เขาเปลี่ยนอาวุธจากธนูเป็นดาบ
“นายเรียนดาบตั้งแต่เมื่อไหร่งั้นเหรอ?”
จู่ๆ มาร์ลีนก็ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น ซึ่งออสตินก็ตอบกลับไป
“ก็ตอนที่ฉันมีโอกาส…”
เมื่อได้ยินคำตอบที่คลุมเครือของเขา มาร์ลีนก็ทำหน้ามุ่ยซึ่งเป็นสัญญาณว่าเธอเปิดใจกับเขามากขึ้นแล้ว
“นายดูมีฝีมือนะ”
เธอพูดขณะจ้องมองที่การถือดาบและท่าทางของเขา ในฐานะนักสู้ระยะประชิดนั้น มาร์ลีนถือว่ามีสัมผัสที่เฉียบคมเมื่อพูดถึงผู้คนที่ต้องต่อสู้ระยะประชิด
“ก็ฉันเก่งหนิ”
ออสตินตอบด้วยน้ำเสียงคิดว่าสิ่งที่ตัวเองพูดเป็นเรื่องจริง ซึ่งก็ได้รับการมองอย่างดูถูกเหยียดหยามจากหญิงสาวทั้ง 2 คนกลับมา แม้ว่าริมฝีปากของพวกเธอจะยกขึ้นเป็นนัยๆ อย่างสนุกสนานก็ตาม แต่มันก็อยู่ได้ไม่นานเมื่อออสตินดึงแคทเธอรีนกลับมาทันทีเมื่อมีลูกธนูพุ่งมายังตำแหน่งที่เธอยืนอยู่
“ฉันไม่รู้สึกถึงมันเลย”
มาร์ลีนพูดพร้อมขมวดคิ้วขณะที่เธอจ้องมองไปที่ลูกธนูที่เจาะลงไปที่พื้น แม้ว่าพลังของเธอจะถูกผนึกอยู่ แต่ก็ยังไม่ถึงระดับที่เธอไม่สามารถรู้สึกถึงลูกธนูได้ โดยเฉพาะลูกธนูที่ทรงพลังเช่นนี้
“นี่มันชักไม่ดีแล้วสิ”
ออสตินพูดขณะที่เขามองย้อนกลับไป ทำให้ทั้ง 2 สาวต้องเบิกตากว้างเมื่อพวกเธอมองไม่เห็นอะไรข้างหลังเลย!
เส้นทางที่พวกเธอเดินมาตอนนี้ได้หายไปแล้ว! ตอนนี้ไม่มีทางให้ย้อนกลับไปแล้ว สิ่งที่แย่ที่สุดคือการที่พวกเธอไม่มีใครรู้สึกอะไรเลย! ราวกับว่าทางเดินหายไปเกินกว่าที่พวกเขาเข้าใจ
“สถานการณ์เริ่มแย่แล้วสิ”
แคทเธอรีนพูดด้วยใบหน้าซีดเซียว ดูเหมือนว่าพิษจะส่งผลกระทบต่อเธอมากกว่าที่เธอแสดงออกมา
“แต่คำถามหลักก็คือ ลูกธนูมาจากไหนกัน?”
แคทเธอรีนถามพร้อมกับมองไปข้างหน้า
พวกออสตินกำลังเดินไปข้างหน้าอีกครั้งบนทางเดินที่มีกำแพงปิดขนาบข้าง แต่ตอนนี้พื้นที่ข้างหน้ากลับมีหมอกหนาที่ส่งผลร้ายแรงต่อการมองเห็นและทางข้างหน้า หากใครมองไปทางอื่น เส้นทางปัจจุบันที่พวกเขาเผชิญอยู่นั้นคงอันตรายยิ่งกว่าก่อนหน้านี้มาก
“ดูเหมือนฉันจะเลือกผิดสินะ”
แคทเธอรีนพูดพร้อมกัดริมฝีปาก เธอเต็มไปด้วยความคับข้องใจในขณะที่กำมือแน่น แต่ออสตินก็ไม่ได้ปล่อยให้เธอจมอยู่กับความรู้สึกนั้นนานนัก เมื่อเขาแตะไหล่พร้อมกับมองเธอด้วยรอยยิ้มที่ผ่อนคลาย
“ใจเย็นๆ พวกเราไม่มีใครรู้หรอกว่าทางข้างหน้าจะเป็นยังไง การตัดสินใจครั้งนี้เป็นการตัดสินใจของพวกฉัน 2 คน เธอไม่ต้องรู้สึกผิดไปหรอก”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา มาร์ลีนก็พยักหน้าก่อนจะพูดเสริมขึ้นมา
“ถูกต้องแล้ว พวกเราตัดสินใจร่วมกันจึงต้องเผชิญกับปัญหาที่เข้ามาร่วมกัน”
เมื่อได้ยินคำพูดให้กำลังใจของทั้ง 2 คนแล้ว แคทเธอรีนก็ผ่อนคลายลงพร้อมกับยิ้มและยกมือไปข้างหน้า
“ไม่ต้องห่วง แค่นี้ยังไม่พอที่จะทำให้ฉันล้มลงหรอก!”
“ดี”
มาร์ลีนและออสตินพูดพร้อมกัน หลังจากนั้นพวกเขาก็มองหน้ากันและยิ้ม
“เราไม่สามารถอยู่แบบนี้ได้ เราต้องเดินหน้าต่อไป น่าเสียดายที่เวทย์แกะรอยของฉันไม่สามารถใช้งานได้”
ออสตินพูดขึ้นมา
ใบหน้าของแคทเธอรีนก็ดูบูดบึ้งในขณะที่เธอพูด
“ตอนนี้การมองเห็นของพวกเราถูกจำกัดอย่างรุนแรง และมีเพียงนายเท่านั้นที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ นายไม่สามารถร่ายบาเรีย 2 อันให้เราได้เพราะมันจะทำให้มานาของนายหมดลง และเราไม่รู้ว่าอะไรรออยู่ข้างหน้า”
คำพูดที่ชัดเจนของเธอทำให้อีก 2 คนเงียบขณะที่พวกเขาครุ่นคิดมากเกินไป
“อืม…ฉันขอถามหน่อยได้ไหมว่านายอยู่ระดับต้นกำเนิดขั้นไหน?”
ในที่สุดแคทเธอรีนก็ถามหลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง เธอรู้ว่าไม่มีใครรู้ระดับต้นกำเนิดของออสติน และถึงแม้ว่าพวกเธอจะอยู่ด้วยกันกับออสตินมาแล้วทั้งวัน แต่พวกเธอก็ยังต้องแข่งขันกันเพื่อชิงตำแหน่งราชา/ราชินีอยู่ การถามถึงความลับของเขาไม่ใช่เรื่องที่ดี แต่เธอต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อวางแผนที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น
“ระดับของฉัน…..งั้นดหรอ”
ออสตินพูดด้วยท่าทางยากลำบาก
เมื่อเห็นแบบนั้นแคทเธอรีนจึงโบกมือขณะที่เธอพูด
“ไม่ต้องบอกก็ได้ถ้าไม่อยาก”
“ไม่ใช่อย่างนั้น แค่ตอนนี้ฉันยังใช้พลังของตัวเองได้ไม่เต็มที่หน่ะ”
ออสตินพูดทำให้ความสนใจของเด็กผู้หญิง 2 คนถึงจุดสูงสุด
“นายหมายความว่ายังไง?”
มาร์ลีนถามขึ้นมา
“ก็อาจารย์ของฉันผนึกพลังที่แท้จริงบางส่วนไว้เพื่อช่วยฉันหน่ะ”
“ทำไมหล่ะ?”
“เพื่อให้ฉันไม่หลงไปกับความสามารถของตัวเอง”
เมื่อได้ยินคำตอบอันขมขื่นของออสติน เด็กสาวทั้ง 2 ก็มองหน้ากันก่อนที่จะมุ่งความสนใจไปที่ออสตินอีกครั้ง
“แล้วตอนนี้นายอยู่ขั้นที่เท่าไหร่?”
“อะแห่ม….ระดับต้นกำเนิดขั้น 8 หน่ะ”
“อะไรนะ?”
ออสตินตอบด้วยเสียงเบามาก ทำให้ทั้ง 2 สาวถามอีกครั้ง
เมื่อเห็นแบบนั้นออสตินจึงตอบด้วยน้ำเสียงที่สูงกว่าเดิม
“ระดับต้นกำเนิดขั้น 8”
“…..”
“…..”
“นะ-นายล้อเล่นใช่ไหม?”
แคทเธอรีนถามด้วยรอยยิ้มฝืนบนใบหน้า ในขณะที่มาร์ลีนเงียบไปโดยสิ้นเชิง
มีเพียงรอยยิ้มเบี้ยวๆ เท่านั้นที่สามารถเติมเต็มใบหน้าของออสตินในขณะที่เขาตอบกลับไป
“ฉันก็หวังให้มันเป็นเรื่องล้อเล่นนะ…..”
“ไม่มีทาง! นายอยู่ระดับต้นกำเนิดขั้น 8 จริงๆ เหรอ?!”
แคทเธอรีนตอบสนองอย่างหนักเมื่อเธอขยับขึ้นไปที่ออสตินและเริ่มเขย่าไหล่ของเขาขณะที่ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความเหลือเชื่อ
เธอไม่ใช่คนเดียวที่ประหลาดใจ มาร์ลีนเองก็ประหลาดใจเหมือนกัน ใครจะตำหนิพวกเธอได้หล่ะ ระดับต้นกำเนิดขั้น 8 ตอนอายุ 18? ใช่แล้ว นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ทั้งโลกสั่นสะเทือน
แต่เดี๋ยวนะ…..ทันใดนั้นแคทเธอรีนก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้และถามกลับด้วยสายตาที่สั่นเทา
“นะ-นายบอกว่าพลังถูกผนึกสินะ? แล้วระดับที่แท้จริงของนายคือเท่าไหร่กัน?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้ ออสตินก็ยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะถอนหายใจและตอบกลับไป
“เห้อออ…ระดับต้นกำเนิดขั้น 10”
อึ๊กกก!
ทันใดนั้นแคทเธอรีนก็เสียการทรงตัวและล้มถอยหลังไป
เมื่อมองไปทางมาร์ลีน ดูเหมือนเธอจะกลายเป็นหินในท่ายืนถือหอกไปแล้ว
ออสตินทำได้เพียงส่ายหัวเมื่อเห็นฉากนี้ เขาไม่สามารถตำหนิพวกเธอได้ แม้ว่าเขาจะซ่อนพลังของตัวเองเอาไว้ได้ แต่มันก็ดีในระยะสั้นเท่านั้น ในระยะยาวสิ่งนี้มีแต่จะกัดตูดของเขาในอนาคตเท่านั้น
“พวกเธอจะตกใจอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ ยังมีเส้นทางอันตรายรอเราอยู่ข้างหน้าอีก”
หลังจากที่ออสตินพูดแล้ว ทั้ง 2 สาวก็หลุดพ้นจากความตกใจ ดวงตาของพวกเธอเต็มไปด้วยความไม่เชื่อในขณะที่สาวสวยทั้ง 2 มองออสตินราวกับว่าเขาเป็นสัตว์ประหลาด
แม้แต่มาร์ลีนที่มักจะชอบการแข่งขันสูงและปรารถนาการต่อสู้ก็ยังมองออสตินราวกับเขาเป็นตัวประหลาด แม้ว่าทั้ง 2 คนอยากจะปฏิเสธ แต่พวกเธอก็รู้ดีว่าออสตินไม่สามารถโกหกได้
ตอนนี้พวกเธอทั้ง 2 มีความไว้วางใจในตัวออสตินเป็นอย่างสูงแล้ว แถมยังมีข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่าการโกหกที่นี่มีแต่จะเป็นอันตรายเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นการเข้าใจก็ไม่ได้หมายความว่าจะยอมรับมันได้ง่ายๆ
ทั้ง 2 สาวนั้นเก่งที่สุดในคนรุ่นเดียวกัน พวกเธอมีความภาคภูมิใจและความเย่อหยิ่งในความสามารถและพลังของตัวเอง แต่ตอนนี้พวกเธอถูกบดขยี้โดยคนอื่นซึ่งมีพรสวรรค์มากกว่าพวกตัวเองมาก และที่แย่ไปกว่านั้นคือคนๆ นั้นอายุน้อยกว่าพวกเธอ!
พวกเธอต้องเป็นนักบุญเท่านั้นถึงจะมีความสุขกับเรื่องนี้!
แต่เหนือไปกว่านั้นความรู้สึกของพวกเธอกลับขัดแย้งกันในหลายๆ ด้าน พวกเธอมีความสุขที่เพื่อนและผู้ช่วยชีวิตของพวกเธอแข็งแกร่งขนาดนี้ ซึ่งหมายความว่าโอกาสในการเอาชีวิตรอดของพวกเธอเพิ่มขึ้นแล้ว แต่อีกครั้งนั่นหมายความว่าโอกาสของพวกเธอในการแข่งขันในอนาคตจะเหมือนกับตกนรก
ออสตินคงเป็นฝันร้ายที่จะนำมาซึ่งคลื่นที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้
ทันใดนั้นมาร์ลีนก็วางมือลงบนหน้าอกของตัวเองขณะที่เธอพูดออกมา
“ข้าในนามของทะเลและในฐานะผู้ปกครองคนต่อไปจักขอสาบานกับเทพธิดาว่าข้อมูลนี้จะไม่ถูกแพร่งพรายออกจากปากของข้า”
“ข้าก็เช่นกัน…ในนามของทะเลและในฐานะผู้ปกครองคนต่อไปของชนเผ่าเงือกจักขอสาบานกับเทพธิดาว่าข้อมูลนี้จะไม่ถูกแพร่งพรายออกจากปากของข้า”
แคทเธอรีนก็อปปี้มาร์ลีนแล้วพูดขึ้นมา
แสงสีขาวปกคลุมทั้ง 2 สาวก่อนที่จะหายไป
เนื่องจากเพื่อนของพวกเธอไว้วางใจในตัวพวกเธอขนาดนี้ พวกเธอจึงตอบแทนความไว้วางใจกลับด้วยการกระทำ
-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต