ตอนที่ 303 ข่มขู่และใช้ผลประโยชน์ชักจูง

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ตอนที่ 303 ข่มขู่และใช้ผลประโยชน์ชักจูง

ลิ่งหูชิวเดินเข้าประตูวงเดือนไปก่อน จากนั้นเบี่ยงกายเปิดทาง ผายมือออกไปด้านนอกเชิญแขกเข้ามา

ทั้งสองคนที่อยู่ในลานเรือนได้ยินเสียงจึงหันไปมอง เห็นเพียงว่าภายใต้แสงจันทร์มีคนผู้หนึ่งเดินเข้ามา เป็นเผยซานเหนียง

ท่าทีที่ลิ่งหูชิวมีต่อเผยซานเหนียงมีความนอบน้อมเล็กน้อย ตอนที่ได้พบเผยซานเหนียงก่อนหน้านี้เขาไม่ได้มีท่าทีเกรงใจให้เกียรติเช่นนี้เลย เห็นได้ชัดว่ากว่าจะเชิญคนมาได้คงไม่ง่าย

ล่วงเลยมาดึกดื่นป่านนี้ถึงจะเชิญคนมาได้ ก็นับว่าไม่ง่ายเลยจริงๆ อีกทั้งเขาไม่สามารถติดต่อในวังตรงๆ ได้ด้วย แล้วก็เข้าไปในวังไม่ได้ จึงได้แต่ต้องไปที่สำนักมหาบรรพตก่อน ไปหาศิษย์ร่วมสำนักของเผยซานเหนียงก่อน ขอให้ศิษย์ร่วมสำนักติดต่อไปหาเผยซานเหนียง เรียกเผยซานเหนียงออกมาจากวังถึงได้พบหน้ากัน

“ยกชามา!” หนิวโหย่วเต้าหันไปเอ่ยสั่ง โล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย เผยซานเหนียงมาก็เท่ากับเรื่องราวสำเร็จไปครึ่งทางแล้ว

“เจ้าค่ะ!” กระโปรงของเฮยหมู่ตานโบกสะบัด รีบกลับไปจัดเตรียมน้ำชามา

ฝ่ายหนิวโหย่วเต้าก็รีบก้าวเข้าไปต้อนรับ ประสานมือคำนับ “รบกวนพี่เผยในยามวิกาล เป็นข้าที่เสียมารยาท”

เผยซานเหนียงเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “มีธุระอะไรก็รีบว่ามาเถอะ!”

“จะให้แขกคนสำคัญมายืนคุยที่นี่ได้อย่างไร เชิญด้านในเถิด!” หนิวโหย่วเต้าเบี่ยงตัวให้ทาง ผายมือเชื้อเชิญ

เผยซานเหนียงปรายตามองเขาเล็กน้อย เดินอาดๆ เข้าเรือนไปอย่างไม่เกรงใจเช่นกัน

หนิวโหย่วเต้าที่อยู่ด้านหลังมองไปที่ลิ่งหูชิวเล็กน้อย ประสานมือขอบคุณ

ลิ่งหูชิวส่ายหน้าพลางยิ้มเจื่อน ความรู้สึกที่ต้องขอร้องอ้อนวอนผู้อื่นช่างน่าอึดอัดนัก ถูกอีกฝ่ายพูดจาเสียดสีอยู่พักหนึ่ง อีกฝ่ายถามเขาว่าคิดว่าตนเองมีหน้ามีตามากขนาดนั้นจริงๆ น่ะหรือ…แต่ที่โชคดีคือ ถึงเสียหน้าไป สุดท้ายก็เชิญคนมาได้

ทั้งสามทยอยเดินเข้าไปในเรือนก่อน จากนั้นเฮยหมู่ตานก็ยกน้ำชามา เผยซานเหนียงที่นั่งตัวตรงไม่มีทีท่าว่าจะดื่มชา เอ่ยถามอีกครั้ง “มีอะไรก็รีบพูดมา ข้ายังมีงานต่อ หากคิดจะขอความเมตตาจากฝ่าบาท พวกเจ้ามาหาผิดคนแล้ว ข้าไม่มีอำนาจมากขนาดนั้น”

ก็ดี หนิวโหย่วเต้าก็ไม่พูดไร้สาระแล้วเช่นกัน ล้วงกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ ดันส่งไปไว้ตรงหน้านาง “พี่เผยลองดูสิ่งนี้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

“อะไร?” เผยซานเหนียงถาม

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “สิ่งที่ผลักข้าไปสู่หนทางแห่งความตาย!”

ผลักไปสู่หนทางแห่งความตายด้วยกระดาษแผ่นเดียวอย่างนั้นหรือ? เผยซานเหนียงฉงนอยู่ในใจ หยิบขึ้นมาอ่าน

ลิ่งหูชิวสนใจใคร่รู้จึงยืดคอมองเล็กน้อย มองออกคร่าวๆ แล้วว่าเป็นสิ่งใด เป็นจดหมายที่สำนักหยกสวรรค์ส่งมาให้เฟิงเอินไท่ แล้วเฟิงเอินไท่ก็นำมาให้หนิวโหย่วเต้า เขาไม่ทราบว่าหนิวโหย่วเต้านำจดหมายฉบับนี้มาให้เผยซานเหนียงดูด้วยมีเจตนาใด

พออ่านเนื้อหาในกระดาษจบ เผยซานเหนียงก็พอจะเข้าใจถึงความลำบากของหนิวโหย่วเต้าแล้ว คืนนั้นนางได้เห็นกับตาได้ยินกับหู รู้ดีว่าเหตุผลที่หนิวโหย่วเต้ายอมรับใบอนุญาตเหล่านั้นไว้ก็เป็นเพราะเฟิงเอินไท่ ตอนที่นางกราบทูลก็บอกไปแล้วเช่นกัน ทว่าเห็นได้ชัดว่าฝ่าบาทไม่พอใจที่หนิวโหย่วเต้าหลอกล่อองค์หญิงใหญ่ ยามที่ปล่อยข่าวลือออกไปก็ไม่เอ่ยถึงสำนักหยกสวรรค์

ช่วงที่เดินทางไปยังภูเขาหิมะ หนิวโหย่วเต้าก็นับว่าให้เกียรตินาง ทั้งสองนับว่ามีไมตรีต่อกันอยู่พอประมาณ ทว่ารับสั่งของฝ่าบาทยากจะขัดขืนได้ เรื่องบางอย่างนางไม่มีอำนาจตัดสินใจ ได้แต่แอบทอดถอนอยู่ในใจลึกๆ แต่ถึงอย่างไรเรื่องราวก็ไม่เกี่ยวข้องกับตน นางและหนิวโหย่วเต้าเองก็ไม่ถึงขั้นที่มีไมตรีลึกซึ้งอะไรนัก ไม่มีทางเสี่ยงชีวิตเพื่อเรียกร้องอะไรให้หนิวโหย่วเต้า อีกทั้งทราบดีว่าคำพูดของคนอย่างตนไม่มีน้ำหนักพอจะเปลี่ยนแปลงความคิดขององค์ฮ่องเต้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือเรื่องนี้เกี่ยวพันไปถึงจุดยืนของสำนักตนด้วย นางเองก็ไร้กำลังจะช่วยเหลือ

“เกี่ยวอะไรกับข้า?” เผยซานเหนียงวางกระดาษลง ดันกลับไป

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “ข้าเคยไปติดต่อทางสำนักของท่านมา…”

เผยซานเหนียงเอ่ยขัด “ข้าได้ยินมาแล้ว จุดยืนของสำนักข้าเจ้าก็น่าจะรู้แล้ว เรื่องที่ทางสำนักของข้าตัดสินใจไปแล้ว เจ้ามาหาข้าแล้วจะมีประโยชน์อันใดอีกเล่า?”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “พี่เผย สำนักท่านไม่เหลือทางรอดให้ข้า สำนักหยกสวรรค์ก็ไม่เหลือทางรอดให้ข้า ฝ่าบาทก็ไม่มอบทางรอดให้ข้าเช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ คนที่อยู่ด้านนอกก็คงไม่มีทางมอบทางรอดให้ข้าเหมือนกัน ข้าเดินมาถึงทางตันแล้ว ท่านคิดว่าข้าสมควรจะทำอย่างไร?”

เผยซานเหนียงเงียบไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมา “น้องหนิว ข้ากับเจ้าเคยรู้จักคลุกคลีกันระยะหนึ่ง แล้วก็นับว่าเคยได้รับน้ำใจจากเจ้า ไม่ใช่ว่าข้านิ่งดูดายไม่ช่วยเหลือ หากว่าสามารถช่วยเจ้าได้ ข้าเองก็จะไม่รอช้าเลย แต่เรื่องนี้เจ้าก็รู้แก่ใจดี ข้าช่วยเหลือเจ้าไม่ได้จริงๆ”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ที่เชิญพี่เผยมา เพียงหวังจะให้พี่เผยช่วยเป็นตัวแทนถ่ายทอดเจตนาของข้าต่อฝ่าบาทเท่านั้น”

เผยซานเหนียงเอ่ยออกมา “จำเป็นต้องทำเช่นนี้ด้วยหรือ? ข้าขอพูดอะไรสักอย่าง เจ้าก็อย่าได้โกรธเคืองกันล่ะ ฝ่าบาททรงไม่เห็นเจ้าอยู่ในสายพระเนตรเลยด้วยซ้ำ! ฝ่าบาททรงเป็นยอดราชัน ตัดสินพระทัยเด็ดขาด ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจแทรกแซงได้ พระองค์ต้องการสิ่งใด คาดว่าตอนนี้เจ้าก็คงจะเข้าใจแล้ว พระองค์ไม่มีทางฟังคำพูดของเจ้า และไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเรื่องที่ตัดสินพระทัยไปแล้วเพราะคำพูดของใครคนหนึ่ง กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ ไหนเลยจะเปลี่ยนแปลงโองการได้ พระองค์ไม่มีทางถอนรับสั่งกลับคืนไปง่ายๆ หรอก!”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “พี่เผยลองฟังวาจาของข้าให้จบก่อนแล้วค่อยปฏิเสธก็ยังไม่สาย”

เผยซานเหนียงยื่นมือไปหยิบถ้วยน้ำชา “ในเมื่อข้ามาแล้ว ลองฟังเจ้าพูดก็คงไม่เสียหายอะไร!”

“พี่เผยใจกว้างนัก!” หนิวโหย่วเต้าประสานมือกล่าวขอบคุณก่อน จากนั้นเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “พี่เผย สถานการณ์ของข้าท่านก็ทราบแล้ว ข้อความที่จะฝากพี่เผยไปถ่ายทอดก็เรียบง่ายมาก พี่เผยโปรดทูลฝ่าบาทว่าข้ายินดีให้ความร่วมมือกับแผนการของพระองค์ ช่วยก่อเหตุนองเลือดให้พระองค์ได้ สิ่งที่ข้าต้องการ ข้าเพียงอยากขอให้พระองค์ทรงเมตตายอมละเว้นตัวเบี้ยอย่างข้า ข้าเพียงอยากมีชีวิตรอดเท่านั้น!”

เผยซานเหนียงที่จิบน้ำชาเข้าไปสองสามอึกวางถ้วยชาลง เอ่ยถาม “จะให้พระองค์เมตตาอย่างไร?”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ข้าไม่อาจเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของสำนักมหาบรรพต สำนักศาสตราลึกล้ำและสำนักเพลิงนภาได้ แต่องค์ฮ่องเต้ทรงทำได้ เพียงแค่ให้องค์ฮ่องเต้แจ้งต่อสามสำนักเท่านั้น ซึ่งนั่นมิใช่เรื่องใหญ่อันใดเลย สามสำนักจะต้องยอมไว้หน้าองค์ฮ่องเต้แน่ ขอให้สำนักใดสำนักหนึ่งจากสามสำนักยอมออกหน้าช่วยจัดงานประมูลให้ข้า อนุญาตให้ข้าได้ขายสิ่งที่ครอบครองไว้ออกไป เงินทั้งหมดที่ได้จากการขายข้ายินดียกให้สำนักที่ให้ความร่วมมือกับข้า ไม่เก็บไว้สักแดงเดียว”

“ประมูลหรือ?” เผยซานเหนียงส่ายหน้า “เจ้าคิดว่าผู้ใดจะกล้าประมูลของแบบนี้อย่างเปิดเผยเล่า?”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “ดังนั้นถึงต้องขอความร่วมมือจากคนของสามสำนัก คัดเลือกสถานที่จัดงานที่เหมาะสมมาสักแห่ง เป็นสถานที่ที่ผู้ประมูลสามารถจากไปอย่างเงียบเชียบไร้ร่องรอยได้ ขอเพียงมีเงื่อนไขที่เหมาะสม จะต้องมีคนปกปิดตัวตนมาเข้าร่วมการประมูลอย่างแน่นอน เช่นนี้ข้าก็จะสามารถปล่อยสิ่งที่ครอบครองอยู่ออกไปได้แล้ว แล้วก็ย่อมรักษาชีวิตเอาไว้ได้!”

เผยซานเหนียงถาม “เจ้าคิดว่าเจ้ามีค่าพอให้ฝ่าบาททำอะไรวุ่นวายเช่นนี้เพื่อเจ้าหรือ? จะให้ฝ่าบาทละทิ้งเส้นทางเดิมที่ปูไว้เสร็จเรียบร้อยแล้วมาหาเรื่องลำบากให้ตัวเอง เจ้าคิดว่าจะฝ่าบาทจะยอมทำอะไรที่ไม่จำเป็นเช่นนี้เพื่อเจ้าอย่างนั้นหรือ?”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยชัดถ้อยชัดคำ “ข้าไม่มีทางให้ถอยแล้ว!”

เผยซานเหนียงถามต่อ “เจ้าจะมีทางให้ถอยหรือไม่มิใช่เรื่องที่ฝ่าบาทจะสนพระทัย เจ้าน่าจะรู้ดี ฝ่าบาทไม่มีทางสนใจว่าเจ้าจะรอดหรือไม่ มิเช่นนั้นไหนเลยจะมาถึงขั้นนี้ได้?”

หนิวโหย่วเต้าหยิบจดหมายบนโต๊ะขึ้นมา โบกเล็กน้อยพร้อมเอ่ยว่า “ดังนั้นจึงอยากขอให้พี่เผยไปกราบทูลองค์ฮ่องเต้ หากว่าหันไปทางไหนข้าก็ต้องตายทั้งสิ้น เช่นนั้นข้าก็ทำได้เพียงโต้กลับให้ฝ่าบาทต้องเสียหน้าแล้ว!”

“ลำพังเจ้าน่ะหรือ?” เผยซานเหนียงหัวเราะหยัน “น้องหนิว เจ้าประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้วกระมัง?”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยอย่างเด็ดเดี่ยวหนักแน่น “หากว่าข้าทำลายใบอนุญาตส่งออกม้าศึกแสนตัวทิ้งต่อหน้าคนมากมายเล่า?”

เผยซานเหนียงเอ่ยว่า “เช่นนั้นคือเจ้ารนหาที่ตาย!”

หนิวโหย่วเต้าผายมือออก “ข้าไม่เหลือทางให้ถอยแล้ว ไม่ว่าทางไหนก็ต้องตาย ข้ายังต้องเลือกอีกหรือ? หรือต้องให้ความร่วมมือกับฮ่องเต้แม้ตนจะต้องตาย? ฮ่องเต้บีบข้าไปสู่หนทางแห่งความตายแล้ว ข้ายังต้องยกย่องสรรเสริญเขาอีกหรือ? ก่อนตายข้าจะโต้กลับเขาสักหน่อยไม่ได้เชียวหรือ? ใช่ ข้าทำอะไรเขาไม่ได้ แต่ข้าทำให้แผนการที่เขาคิดว่ายอดเยี่ยมกลายเป็นเรื่องตลกได้! ฮ่องเต้แคว้นฉีก่อเรื่องชวนหัวเราะน่าขบขัน คงเสียหน้าพอดูกระมัง?”

เผยซานเหนียงขมวดคิ้ว

ลิ่งหูชิวพลันกระจ่างขึ้นมา จ้องมองไปที่จดหมายฉบับนั้น ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าหนิวโหย่วเต้าเอาจดหมายฉบับนี้ออกมาทำไม ภายในใจลอบอุทานชื่นชม น้องชายคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย แม้นจะถูกบีบให้ตกอยู่ในสถานการณ์เข้าตาจนแล้ว แต่เขาก็ยังหาทางรอดได้ เรียกได้ว่าเกิดใหม่หลังผ่านความตายอย่างแท้จริง!

เผยซานเหนียงยกถ้วยชาขึ้นมาค่อยๆ จิบเข้าไปอีกสองสามอึก ใคร่ครวญแล้วเอ่ยเนิบๆ ขึ้นมา “เจตนาของฝ่าบาทเจ้าเองก็ทราบแล้ว หากสามสำนักจัดหาสถานที่เหมาะสมสำหรับการประมูลให้ มอบโอกาสให้ผู้ประมูลนำใบอนุญาตหลบหนีไปได้ เป้าหมายของฝ่าบาทไม่บรรลุผล นั่นมิเท่ากับว่าฝ่าบาทจะต้องเสียหน้าเหมือนกันหรอกหรือ? หรือว่าเจ้าจะให้ฝ่าบาทประกาศต่อใต้หล้าว่าใบอนุญาตส่งออกม้าศึกชุดนั้นเป็นโมฆะไม่มีผลอีกต่อไปเล่า? หากเป็นเช่นนี้ เจ้าคิดว่าฝ่าบาทจะยังยินยอมเมตตาเจ้าอีกหรือ?”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ในเมื่อข้าคิดแผนนี้ออกมาได้ ข้าย่อมเตรียมแผนการรับมือไว้ให้ฝ่าบาทด้วยเช่นกัน”

เผยซานเหนียงเอ่ยว่า “ลองว่ามาสิ”

หนิวโหย่วเต้าเล่าว่า “ตอนข้าอยู่ที่เมืองไจซิง เคยถูกคนตามไล่ล่าไปตลอดทาง ต่อมาถึงได้พบว่ามีสิ่งที่เรียกว่า ‘นกใฝ่หอม’ อยู่ ขอเพียงเอาเหยื่อหอมไปทำอะไรนิดหน่อยกับใบอนุญาตเหล่านั้น…ไม่ว่าอย่างไรก็จะหาเป้าหมายพบเสมอ เกรงว่าจะได้ผลกว่าการให้คนมาชิงของไปจากข้าเสียอีก เมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ใช่แค่ข้าที่จะรักษาชีวิตไว้ได้เท่านั้น แต่เป้าหมายของฝ่าบาทก็จะบรรลุผลด้วยเช่นกัน ซ้ำยังหาเงินจากใบอนุญาตส่งออกม้าศึกหนึ่งแสนตัวนั้นได้ด้วย ยิงธนูดอกเดียวได้นกสามตัว ไยถึงจะไม่ทำเล่า? พี่เผย เมืองหลวงแคว้นฉียิ่งใหญ่เช่นนี้ กระทั่งของเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้คงไม่ถึงกับหามาไม่ได้กระมัง?”

ลิ่งหูชิวยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย นี่คือการข่มขู่และใช้ผลประโยชน์มาชักจูงโดยแท้ คาดว่าเฮ่าอวิ๋นถูเองก็คงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ตอบตกลง มิน่าก่อนหน้านี้เขาถึงพูดทำนองว่าขอเพียงได้พบเผยซานเหนียง เขาก็มีวิธีทำให้ฮ่องเต้เปลี่ยนแปลงคำสั่งได้ เป็นวิธีการที่ยอดเยี่ยมจริงๆ เป็นวิธีการอันยอดเยี่ยมที่ทำให้รอดพ้นจากวิกฤติได้!

เผยซานเหนียงวางถ้วยชาลง จากนั้นลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “ยังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่? หากไม่มีข้าจะกลับแล้ว”

หนิวโหย่วเต้าก็ลุกขึ้นเช่นกัน ประสานมือกล่าวว่า “พี่เผย น้องชายจะรอดพ้นจากวิกฤตนี้ได้หรือไม่ คงต้องฝากความหวังไว้กับท่านแล้ว! หากว่ารอดพ้นวิกฤตนี้ไปได้ วันหน้าต้องตอบแทนท่านแน่!”

“ความคิดของเจ้าข้าเข้าใจแล้ว แต่คืนนี้ข้ายังช่วยถ่ายทอดข้อความให้เจ้าไม่ได้”

“เพราะเหตุใด?”

“เวลานี้ฝ่าบาทน่าจะเข้าบรรทมแล้ว ไม่เหมาะจะรบกวน ช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ข้าจะช่วยถ่ายทอดข้อความของเจ้าให้ ส่วนฝ่าบาทจะตอบตกลงหรือไม่ ข้าไม่อาจรับประกันได้”

“ขอเพียงพี่เผยช่วยถ่ายทอดข้อความแทนข้า ข้าก็ซาบซึ้งใจเป็นที่สุดแล้ว ไม่กล้าร้องขอมากไปกว่านี้อีก คาดว่าฝ่าบาทก็คงจะไม่รีบร้อนลงมือกับข้าในยามวิกาลเช่นนี้เหมือนกัน”

“หากเช้าวันพรุ่งนี้ได้คำตอบมา ข้าจะมาแจ้งให้เจ้าทราบ หากว่าข้าไม่มา…ข้าก็ถือว่าข้าพยายามอย่างถึงที่สุดแล้วเช่นกัน น้องหนิว เจ้าสวดภาวนาให้มากหน่อยแล้วกัน!” เผยซานเหนียงเอ่ยทิ้งท้ายไว้แล้วสาวเท้าเดินจากไป ไม่คิดจะรั้งอยู่ต่อ

หนิวโหย่วเต้าเดินตามไปส่งจนกระทั่งส่งแขกจากไป

กระทั่งเดินกลับมาถึงในเรือนทางนี้ ลิ่งหูชิวก็ตบไหล่หนิวโหย่วเต้าพลางหัวเราะดังฮ่าๆ “วิธีการของน้องหนิวช่างยอดเยี่ยมจริงๆ หาทางรอดจากสถานการณ์อันสิ้นหวังได้! น้องหนิวใช้ความตายบีบคั้น ต้องการทำให้เฮ่าอวิ๋นถูเสียหน้า เผยซานเหนียงคงไม่กล้าปิดบังแน่ คาดว่าหลังจากเฮ่าอวิ๋นถูทราบก็คงยากจะปฏิเสธได้เช่นกัน น้องหนิวต้องรอดจากวิกฤตนี้ได้อย่างราบรื่นแน่นอน ดูเหมือนข้าคงไม่ต้องกังวลเรื่องหนีเอาชีวิตรอดแล้วล่ะ!”

เฮยหมู่ตานเม้มปาก ยิ้มน้อยๆ ออกมา สายตาที่มองหนิวโหย่วเต้าเปล่งประกายกว่าเดิม เจือความเลื่อมใสเล็กน้อย!

“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น!” หนิวโหย่วเต้าเอ่ยด้วยสีหน้าถ่อมตัว ส่ายหน้าพลางโบกมือ ยิ้มเจื่อนๆ ท่าทางคล้ายจะบอกว่าตนเองก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน

……………………………………………………………………