ตอนที่ 302 เตรียมพร้อมไว้สองทาง

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ตอนที่ 302 เตรียมพร้อมไว้สองทาง

สถานการณ์ก็เป็นเช่นนี้

“เก็บไว้ไม่ได้ ส่งต่อไม่ได้ ขายไม่ได้ เช่นนี้คือไม่คิดจะเหลือทางรอดให้เลยกระมัง!” เฟิงเอินไท่ถอนหายใจยาวๆ เอ่ยขอโทษกับหนิวโหย่วเต้า “น้องสาม เรื่องนี้เป็นข้าผิดต่อเจ้า!”

หนิวโหย่วเต้าส่ายหัว “ถูกฮ่องเต้แคว้นฉีหมายหัวแล้ว ต่อให้ตอนนั้นปฏิเสธไป คาดว่าก็คงปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน ต่อให้ท่านไม่ตอบตกลง เขาก็มีวิธีบีบบังคับให้พวกเรารับไว้อยู่ดี”

ลิ่งหูชิวกล่าวว่า “เช่นนั้นก็คิดหาทางหนีกันเถอะ”

เฟิงเอินไท่ถามกลับ “จะหนีอย่างไรเล่า? ด้านนอกมีคนจับตามองมากมายขนาดนั้น ไม่ว่าผู้ใดออกไปก็ล้วนต้องถูกค้นตัว ไม่มีทางหนีรอดได้เลย”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “พี่รอง เรื่องนี้เกรงว่าคงต้องรบกวนท่านอีกรอบแล้ว”

ลิ่งหูชิวยิ้มเจื่อน “ท่าทีของทางสามสำนักชัดเจนมาก ต่อให้ข้าไปอีกสักกี่รอบก็ไม่มีประโยชน์หรอก!”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ไม่ได้จะให้ท่านไปหาสามสำนักนั่น หากแต่ไปหาฮ่องเต้ ปมสาเหตุของปัญหาเกิดขึ้นจากเฮ่าอวิ๋นถู เรื่องนี้ต้องให้เฮ่าอวิ๋นถูเอ่ยปากถึงจะรอด ข้าอยากเจรจากับเฮ่าอวิ๋นถู”

ลิ่งหูชิวตบหน้าผาก เอ่ยด้วยความรู้สึกปวดหัวว่า “น้องสาม ใช่ว่าข้าไม่อยากช่วยเจ้า แต่ฮ่องเต้ใช่คนที่เจ้าอยากพบก็พบได้หรือ? ข้าไม่มีความสามารถมากพอจะติดต่อนัดหมายฮ่องเต้ให้เจ้าได้หรอกนะ อีกฝ่ายเองก็ไม่มีทางยอมพบเจ้าหรอก”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “เผยซานเหนียง! พี่รอง ท่านคิดหาทางช่วยติดต่อเผยเหนียงจื่อให้ข้าที ข้าอยากคุยกับนาง จะให้นางไปถ่ายทอดข้อความต่อฮ่องเต้”

เฟิงเอินไท่ถาม “เรื่องนี้เป็นความคิดของฮ่องเต้ แม้แต่ทางสำนักของเผยซานเหนียงก็ยังไม่เอาด้วย แล้วเผยซานเหนียงจะยอมพบเจ้าหรือ?”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ขอเพียงได้พบกับเผยเหนียงจื่อ ข้าก็มีวิธีทำให้ฮ่องเต้เปลี่ยนความคิด”

ลิ่งหูชิวเอ่ยถาม “หากนางไม่ยอมเจอเจ้าล่ะ แบบนั้นจะทำอย่างไรได้?”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “พี่รอง ขอเพียงท่านติดต่อนางได้ ช่วยถ่ายทอดข้อความจากข้าให้นาง นางน่าจะยอมมาพบข้า”

พอได้ยินวาจานี้ ลิ่งหูชิวกลับสนใจขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว ถามไปว่า “จะฝากข้อความอะไรไปให้นาง?”

หนิวโหย่วเต้าบอกไปว่า “ให้ท่านบอกนางว่าข้าเข้าใจเจตนาของฮ่องเต้แล้ว และยินดีจะให้ความร่วมมือ อยากจะพบนางเพื่อเจรจา หากนางไม่มาแล้วเกิดแผนการขององค์ฮ่องเต้ล้มเหลวขึ้นมา นางก็ปัดความรับผิดชอบไม่พ้นเช่นกัน”

ลิ่งหูชิวฉงน “เช่นนี้จะใช้ได้หรือ?”

หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “น่าจะไม่มีปัญหา”

ลิ่งหูชิวลังเลเล็กน้อย สุดท้ายก็ลุกขึ้นแล้วเอ่ยว่า “ได้ ข้าจะไปที่สำนักมหาบรรพตอีกสักรอบ ให้สหายที่สำนักมหาบรรพตช่วยติดต่อเผยซานเหนียงสักหน่อย คิดหาทางถ่ายทอดข้อความจากเจ้าให้ แต่นางจะยอมมาพบเจ้าหรือไม่ ข้าไม่มีความมั่นใจแม้แต่นิดเดียว”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “พี่รอง ท่านอย่าบั่นทอนจิตใจตัวเองสิ ไม่ว่าท่านต้องใช้วิธีการไหน ต่อให้ท่านต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมกลโกง ก็ต้องหาทางลากตัวนางมาพบข้าให้ได้”

“ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่แล้วกัน!” ลิ่งหูชิวพยักหน้ารับ บอกจะไปก็จะไปเลย หันหลังสาวเท้าเดินจากไป

“เฮ้อ!” เฟิงเอินไท่ส่ายหน้าถอนใจด้วยใบหน้ากลุ้มใจ

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “พี่ใหญ่ มีเรื่องหนึ่งที่อยากให้ท่านช่วย”

เฟิงเอินไท่หันกลับมา “เจ้าว่ามา ขอเพียงช่วยได้ข้าก็จะช่วยเจ้า”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยเสียงขรึม “ขุดอุโมงค์ใต้ดิน!”

“ขุดอุโมงค์ใต้ดินหรือ?” เฟิงเอินไท่มึนงง

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “ถูกต้อง! ท่านพาเหล่าศิษย์สำนักหยกสวรรค์ของพวกท่านขุดอุโมงค์ใต้ดินจากในเรือนของพวกท่าน ระยะทางไม่จำเป็นต้องไกลเกินไป กำหนดปลายทางไว้ในพื้นที่ลับตาละแวกนี้ก็พอ จำไว้ว่าต้องทำให้เงียบเชียบที่สุด ห้ามแหวกหญ้าให้งูตื่น ช่วยข้าจัดเตรียมอุโมงค์ให้เสร็จก่อนเที่ยงวันพรุ่ง หลังจากขุดอุโมงค์เสร็จ ให้คนในสำนักหยกสวรรค์ของท่านเดินทางออกจากที่นี่ทางประตูหน้าตามปกติทันที ส่วนที่เหลือข้าจะจัดการเอง”

เฟิงเอินไท่เอ่ยถาม “มิใช่ว่าเจ้าจะเจรจากับองค์ฮ่องเต้หรอกหรือ?”

หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “เจรจาก็ส่วนเจรจา แต่เราต้องเตรียมพร้อมไว้สองทาง ข้าไม่อาจฝากความหวังทั้งหมดเอาไว้ในมือของฮ่องเต้ได้ ต้องเตรียมทางถอยไว้ให้ตัวเองด้วย หากเจรจาล้มเหลว ข้าจะพาคนหนีทันที”

เฟิงเอินไท่ค่อนข้างรู้สึกละอายใจพอสมควร ทราบเช่นกันว่าครั้งนี้สำนักหยกสวรรค์ทำไม่ค่อยถูกต้อง ทำให้หนิวโหย่วเต้าตกอยู่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยง อีกอย่างไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจ ถึงอย่างไรตนก็สาบานเป็นพี่น้องกับหนิวโหย่วเต้าไปแล้ว มีศิษย์ร่วมสำนักรู้เห็นมากมายปานนั้น หากทอดทิ้งไม่ไยดีหนิวโหย่วเต้า ตามหลักแล้วก็ดูไม่ค่อยเข้าท่าจริงๆ จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะเอ่ยด้วยความเป็นห่วงว่า “น้องสาม ฮ่องเต้วางแผนมาเรียบร้อยแล้ว เกรงว่าคงจัดวางสายสืบไว้ทั่วทุกมุมเมืองแล้ว คิดจะหลบหนีไปทางอุโมงค์ใต้ดินเกรงว่าคงไม่ง่ายดายปานนั้น!”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวไปว่า “เรื่องนี้ข้าทราบดี ข้าวางแผนไว้แล้ว สิ่งที่ท่านต้องทำในตอนนี้คือช่วยจัดเตรียมอุโมงค์ลับใต้ดินให้ข้าทันที!”

เฟิงเอินไท่ถอนหายใจดังเฮ้อแล้วเอ่ยว่า “ตกลง! เรื่องอุโมงค์ใต้ดินเจ้าวางใจได้เลย ข้าจะช่วยเจ้าจัดเตรียมอย่างลับๆ ให้เสร็จก่อนเที่ยงวันพรุ่งนี้แน่นอน”

“ขอเร็วที่สุด!”

“ได้!”

หลังจากเฟิงเอินไท่จากไป หนิวโหย่วเต้างัดไม้กระดานแผ่นหนึ่งออกมาจากเครื่องเรือนภายในห้องอย่างรวดเร็วแล้วจัดการตัดแบ่ง จากนั้นถือมีดเล่มเล็กๆ เล่มหนึ่งไว้ในมือ ตวัดฉวัดเฉวียนบนผิวไม้จนขี้เลื่อยปลิวว่อน

เฮยหมู่ตานสงสัยเล็กน้อยว่าเขากำลังจะทำอะไร จึงเข้าไปดูใกล้ๆ พบว่าเขากำลังแกะสลักอยู่ ไม่คิดเลยว่าหนิวโหย่วเต้าจะมีฝีมือในด้านนี้ด้วย อดเอ่ยถามไม่ได้ “เต้าเหยี่ย นี่ท่านทำอะไรอยู่หรือเจ้าคะ?”

หนิวโหย่วเต้าไม่สนใจนาง ใช้สมาธิจดจ่อกับการแกะสลัก

ไม่นานนัก ชิ้นไม้แกะสลักขนาดครึ่งฝ่ามือที่ดูคล้ายจี้หยกพกก็เสร็จเรียบร้อย เป็นลวดลายบุปผาที่บานสะพรั่ง

หนิวโหย่วเต้าให้เฮยหมู่ตานจัดการเก็บกวาดสถานที่ ส่วนตัวเองก็จัดการทำให้ไม้สลักชิ้นนี้ดูเก่าลงอย่างรวดเร็ว เขาเชี่ยวชาญทักษะในด้านนี้มาก ช่ำชองอย่างยิ่ง

สุดท้ายชิ้นไม้แกะสลักก็เสร็จสมบูรณ์ หนิวโหย่วเต้ายื่นส่งให้เฮยหมู่ตานต่อพลางเอ่ยสั่งการ “ส่งให้แผงขายเต้าหู้ที่อยู่ด้านนอก อย่าให้ใครสังเกตเห็น”

เฮยหมู่ตานมองชิ้นไม้สลักงดงามสมบูรณ์ที่อยู่ในมือ เอ่ยถามด้วยความฉงนเล็กน้อย “เต้าเหยี่ย นี่คือสิ่งใดเจ้าคะ?”

หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “อย่าถามมาก ไปจัดการเดี๋ยวนี้!”

“เจ้าค่ะ! ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้” เฮยหมู่ตานรับคำสั่ง ถือของเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

….

ยามราตรี ณ ร้านเต้าหู้ คนผู้หนึ่งกลับไปที่เรือนด้านหลัง ไปหาหยวนกังพลางยื่นไม้แกะสลักชิ้นหนึ่งให้ “ลูกพี่ ทางเต้าเหยี่ยส่งมาให้ขอรับ”

ใต้แสงตะเกียง หยวนกังรับชิ้นไม้แกะสลักไปพลิกดูครู่หนึ่ง มองออกว่าเป็นงานฝีมือของเต้าเหยี่ย เอ่ยสั่งเสียงขรึม “กระดาษ ก้อนถ่าน!”

น้ำเสียงตึงเครียดเล็กน้อย เขารู้จักหนิวโหย่วเต้าดี หากไม่เผชิญปัญหาร้ายแรงจริงๆ เต้าเหยี่ยไม่มีทางติดต่อเขาโดยใช้วิธีการซ่อนเร้นเช่นนี้

ลูกน้องไม่ทราบว่าเขาจะเอากระดาษกับก้อนถ่านไปทำอะไร แต่ยังคงนำมาส่งให้อย่างรวดเร็ว

ชิ้นไม้สลักถูกวางไว้บนโต๊ะ มีกระดาษขาวทาบอยู่ด้านบน หยวนกังนำถ่านไม้มาฝนลงบนกระดาษอย่างรวดเร็ว ลวดลายที่สลักบนชิ้นไม้ค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนกระดาษ

หลังจากลอกลายจากชิ้นไม้ลงบนกระดาษเสร็จเรียบร้อย เขาหยิบกระดาษขึ้นมา พลิกกลับด้าน ส่องแสงตะเกียงตรวจสอบดู เห็นเพียงว่ามีตัวอักษรบิดๆ เบี้ยวๆ แฝงเร้นอยู่ท่ามกลางลวดลายบนกระดาษ เป็นตัวอักษรที่มีเพียงเขาและเต้าเหยี่ยที่เข้าใจ ‘ค่ำวันพรุ่ง สัญญาณตะเกียง วางเพลิงเมือง เปิดประตูเมือง ก่อจลาจล ช่วยหลบหนี!’

หยวนกังมีสีหน้าเคร่งเครียด พบเห็นคำว่า ‘วางเพลิงเมือง’ สามคำนี้แปลว่าประสบปัญหาร้ายแรง ต้องการให้เขาก่อจลาจลในเมืองหลวงแคว้นฉี เต้าเหยี่ยถึงจะหนีรอด!

กระดาษในมือถูกเป็นชิ้นๆ ไม้สลักชิ้นนั้นก็ถูกบดขยี้ในฝ่ามือดัง ‘กร็อบๆ’ จนแหลกละเอียดไป ขณะเดียวกันก็เอ่ยสั่งด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “แผนที่!”

แผนที่เมืองหลวงแคว้นฉีฉบับละเอียดยิบแผ่นหนึ่งที่พวกเขาจัดทำขึ้นมาเองถูกกางลงบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว หยวนกังจ้องมองสำรวจแผนที่อย่างละเอียดอยู่ใต้แสงตะเกียง

ผ่านไปพักใหญ่ หยวนกังหันไปกวักมือเรียกหยวนเฟิงเข้ามา กระซิบสั่งการ “ให้เหล่าพี่น้องแยกกันไปซื้อดินประสิวและกำมะถันจำนวนมากจากร้านยาต่างๆ จำไว้ ดำเนินการอย่างลับๆ…”

รัตติกาลมืดมิด บนต้นไม่ใหญ่ต้นหนึ่ง เฮยหมู่ตานยืนอยู่บนคาคบไม้ เฝ้ามองจากบนต้นไม้อยู่พักใหญ่ถึงได้ลงมา มุ่งตรงมายังเรือนพำนักของหนิวโหย่วเต้า

หนิวโหย่วเต้ายกมือไพล่หลังเงยหน้าชมจันทร์อยู่ในลานเรือน เฮยหมู่ตานเข้าไปใกล้ๆ แล้วกระซิบว่า “แผงเต้าหู้ตรงมุมถนนด้านนอกปิดร้านแล้วเจ้าค่ะ มีตะเกียงสีขาวดวงหนึ่งแขวนอยู่บนไม้หาบ”

หนิวโหย่วเต้าพยักหน้านิดๆ นี่แปลว่าหยวนกังได้รับข่าวจากเขาแล้ว และกำลังส่งสัญญาณบอกเขาว่าไม่มีปัญหา

วางเพลิงเผาเมืองหลวงจะทำให้คนมากมายต้องไร้ที่อยู่อาศัย หากไม่เข้าตาจนจริงๆ เขาก็ไม่คิดจะทำเช่นนี้ แต่หากเฮ่าอวิ๋นถูบีบคั้นไม่เหลือทางถอยให้เขาจริงๆ เขาก็ทำได้เพียงต้องก่อจลาจลใหญ่โตขึ้นในเมืองหลวง มีแต่ต้องทำให้ประชากรจำนวนมากในเมืองหลวงดิ้นรนหลบหนีเอาชีวิตรอดเท่านั้น เขาถึงจะปะปนหนีไปกับคนหมู่มากได้

มีแต่ต้องทำให้คนจำนวนมากแตกตื่นหนีตายออกไปทั่วสารทิศ ถึงจะทำให้คนไม่สังเกตเห็นว่าเขาหลบหนีไปในทิศทางไหน คนมากมายปานนั้นหนีตายไปทั่วทุกทิศทุกทาง ผู้ใดจะทราบเล่าว่าเขาไปทางไหน? มีแต่ต้องทำเช่นนี้ถึงจะฉวยโอกาสหลบหนีออกจากเมืองหลวงได้ มิเช่นนั้นหากมีคนมากมายคอยจับตามองอยู่คงไม่มีทางหนีออกไปได้

ส่วนเฮ่าอวิ๋นถูจะเดาออกหรือไม่ว่าเป็นฝีมือเขา หลังจากนี้จะตามมาจัดการเขาทีหลังหรือไม่ เขาไม่สนใจแล้ว หากแม้แต่วิกฤตในตอนนี้ยังฝ่าออกไปไม่ได้ หากยังเอาตัวรอดออกไปจากจุดนี้ไม่ได้ ยังจะมีอนาคตอะไรให้พูดถึงอีก!

ต้องผ่านอุปสรรคตรงหน้าในตอนนี้ไปให้ได้ก่อน เรื่องในอนาคตก็เอาไว้ว่ากันในอนาคตอีกที!

เขาไม่ได้อยากทำเช่นนี้ แต่หากว่าเฮ่าอวิ๋นถูไม่ยอมเหลือทางรอดให้เขา เขาก็ทำได้เพียงต้องตอบโต้เฮ่าอวิ๋นถูกลับไปเช่นกัน

บีบคั้นเขาจนมาถึงทางตัน กดดันจนเขากลายเป็นหมาจนตรอก แล้วจะไม่ให้เขาเอาคืนเฮ่าอวิ๋นถูสักหน่อยเลยหรือ?

“ไปดูสถานการณ์ทางฝั่งเรือนของสำนักหยกสวรรค์หน่อย” หนิวโหย่วเต้ามองจันทร์เพ็ญบนนภาพลางเอ่ยเสียงเรียบ

เฮยหมู่ตานออกไปทันที ผ่านไปสักพักหนึ่งก็กลับมาอีกครั้ง กระซิบรายงานว่า “กำลังขุดอุโมงค์อยู่เจ้าค่ะ ดำเนินการไปเร็วมาก ทางออกที่เฟิงเอินไท่กำหนดเอาไว้อยู่ในห้องเก็บของในสวนของบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ถัดไปทางซ้ายเจ้าค่ะ”

หนิวโหย่วเต้าพยักหน้าเล็กน้อย “หากคืนนี้เผยเหนียงจื่อไม่มาหรือหากว่าเจรจาไม่สำเร็จ พรุ่งนี้ให้พวกเจ้าจากไปพร้อมกับสำนักหยกสวรรค์เสีย”

เฮยหมู่ตานถามทันที “เต้าเหยี่ย แล้วท่านล่ะเจ้าคะ?”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ข้าจะเป็นเหยื่อล่ออยู่ที่นี่ ดึงความสนใจจากภายนอกไว้”

เฮยหมู่ตานร้อนรนแล้ว “จะทำเช่นนั้นได้อย่างไรเจ้าคะ! หากเกิดเรื่องขึ้นมาท่านจะไม่มีแม้กระทั่งคนคอยช่วยนะเจ้าคะ”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “หากข้าไม่อยู่ที่นี่ พวกเจ้าก็หนีไม่ได้ ข้าจำเป็นต้องอยู่ที่นี่ ให้พวกเขารู้ว่าของยังอยู่กับข้า พวกเจ้าถึงจะหนีรอด คนนอกไม่มีทางคิดว่าข้าจะมีคุณธรรมสูงส่งจนยอมอยู่เป็นเหยื่อล่อ ทำให้คนนอกหลงนึกว่าพวกเจ้าทอดทิ้งข้าหนีเอาตัวรอดไป ข้าจะพยายามถ่วงเวลาไว้อย่างสุดความสามารถเพื่อให้พวกเจ้าหนีไปให้ไกล จำไว้ หลังออกจากที่นี่แล้วพวกเจ้าต้องหลบหนีทันที แยกกันหนีกับสำนักหยกสวรรค์ หนีไปได้ไกลเท่าไรก็ยิ่งดี มุ่งหน้าไปยังชายฝั่งทะเลทางทิศตะวันตก ไปรวมตัวกับคนของกงซุนปู้ที่อยู่ทางนั้น ข้าจะตามไปสมทบกับพวกเจ้าที่นั่นทีหลัง หากว่าแผนการเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น ข้าจะให้คนแจ้งกลับไปหาทางจังหวัดแล้วให้ทางนั้นส่งข่าวไปหาพวกเจ้าอีกที”

เฮยหมู่ตานเอ่ยท้วง “เต้าเหยี่ย ไม่ได้นะเจ้าคะ ข้า…”

หนิวโหย่วเต้ายกมือปราม “ไม่ต้องพูดแล้ว ข้าตัดสินใจแล้ว! ที่ให้พวกเจ้าหนีไปไม่ได้ทำเพื่อพวกเจ้าเท่านั้น แต่ยังทำเพื่อตัวข้าเองด้วย หากพวกเราทั้งกลุ่มอยู่ด้วยกันจะสะดุดตาเกินไป หนีรอดได้ยาก พวกเจ้ารั้งอยู่ก็มีแต่จะเป็นตัวถ่วงของข้า ข้าเตรียมการไว้ดีแล้ว คิดจะจับตัวข้าหาได้ง่ายขนาดนั้นไม่ ข้าควบม้าท่องทั่วหล้าผ่านมรสุมมาไม่น้อยแล้ว ข้าอยู่รอดมาถึงวันนี้ได้ย่อมมิใช่คนอ่อนแอไร้เขี้ยวเล็บเช่นกัน!”

เฮยหมู่ตานเอ่ยด้วยสีหน้ากังวล “เต้าเหยี่ย ข้างกายท่านจำเป็นต้องมีคนคอยช่วยจัดการธุระให้นะเจ้าคะ!”

“ยังมีเจ้าลิงอยู่ เรื่องนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล ในบางด้านเขามีความเชี่ยวชาญมากกว่าพวกเจ้ามากนัก! ยิ่งไปกว่านั้น…” หนิวโหย่วเต้ายิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ “ยังมีลิ่งหูชิวอยู่ด้วยมิใช่หรือ!”

พอเอ่ยถึงลิ่งหูชิว ลิ่งหูชิวก็มา มีเสียงฝีเท้าแว่วมาจากด้านนอก

………………………………………………………………………