บทที่ 301 เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป
เว่ยฉิงขยับเข้าไปใกล้ถังหลี่และทำสิ่งที่เขาตั้งใจไว้ ฮูหยินอู่ตกตะลึง นางไม่เคยเห็นท่าทีเช่นนี้ของนายน้อยมาก่อน สำหรับนางแล้ว นายน้อยเป็นคนเย็นชาเงียบขรึม ยากที่จะคาดเดาได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ในใจ
แต่ชายหนุ่มตรงหน้าผู้นี้ กลับมีแต่รอยยิ้ม ช่างพูดช่างเจรจาหยอกล้อ คิดอย่างไรก็แสดงสีหน้าออกมาเช่นนั้น จนดู…ไร้เดียงสา
ช่างแตกต่างจากนายน้อยที่นางได้พบเห็น
ฮูหยินอู่ชะงักไปก่อนจะได้สติขึ้นมา นายน้อยแบกรับความแค้นไว้ในส่วนลึกของจิตใจมากเกินไป จนทำให้นางอดเป็นกังวลไม่ได้ เขาควรจะมีชีวิตเช่นปุถุชนธรรมดาทั่วไปบ้าง เมื่อเห็นเขามีชีวิตชีวายามที่อยู่กับถังหลี่เช่นนี้นางรู้สึกโล่งใจ
ฮูหยินอู่ปฏิญาณในหัวใจของนางว่า หากมีโอกาสได้เจอกับบุตรทั้งสี่คนของถังหลี่ ไม่ว่าพวกเขาจะดีหรือไม่ดี นางจะพยายามเต็มที่ที่จะรักพวกเขา หลังจากมองพวกเขาอยู่สักพัก นางจึงได้เดินกลับไปหาสามี แต่เมื่อไม่เห็นใครฮูหยินอู่จึงได้เดินไปที่ห้องครัว
ครัวด้านหลังของร้านอาหารหนิงเฟิงกว้างขวาง ยามนี้ไม่ใช่เวลาทำงานจึงไร้ผู้คน
ฮูหยินอู่ไม่เห็นคนงานเลยแต่นางเห็นสามีของนางกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ น่ารัก เกล้ามวยสองข้าง ผิวขาวใส ดวงตากลมโตฉ่ำวาว ใบหน้าจ้ำม่ำน่าเอ็นดู
ผู้ใหญ่หนึ่งคนและเด็กหนึ่งคนต่างถือขนมไว้ในมือด้วยสีหน้างุนงง ฮูหยินอู่สามารถคาดเดาได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้า
หลังเวลาอาหารสามีของนางคงอยากกินขนม จึงได้แอบเข้ามาหยิบขนมในห้องครัวอย่างเงียบๆ ในขณะเดียวกันมือเล็กๆ คู่นั้นยื่นออกมาเพราะอยากกินขนมเช่นกัน
พวกเขาจึงจ้องตากันแบบนี้
เมื่อทั้งสองคนเห็นฮูหยินอู่ต่างเอามือซ่อนขนมไว้ข้างหลังด้วยท่าทางเหมือนกันทั้งคู่ พร้อมกับตีสีหน้าไม่รู้เรื่อง
นางมองทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม
“ฮูหยิน…ข้าแค่มาเดินเล่น…” ท่านอู่โหวรู้สึกผิด ภรรยาของเขาเลิกคิ้ว
“เดินเล่นหรือ? แล้วขนมในมือท่านเล่า?
“ฮูหยินเจ้าเบาเสียงหน่อยเถิด” นายท่านอู่รีบบอก
“ทำไมต้องเบาเสียงด้วย หากเสี่ยวถังกับเด็กๆ มาเห็นพฤติกรรมของท่านเช่นนี้ พวกนางจะคิดอย่างไร?”
ฮูหยินอู่บ่นเบาๆ อย่างไม่ตั้งใจ
“ท่านอย่าได้บอกคนอื่นนะเจ้าคะ”
เด็กหญิงตัวน้อย เงยหน้ามองนางอย่าง กระตือรือร้น ดวงตากลมโตสวยงามเปล่งประกายแวววาว แก้มของนางกลมป่องดูน่ารักน่าชัง
ฮูหยินอู่และเด็กน้อยต่างมองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง
นางรู้สึกเหมือนกับมีขนนกปัดเบาๆ ในหัวใจ ฮูหยินอู่จึงพูดขึ้นว่า
“ข้าไม่เห็นอะไรเลย”
“ท่านย่าใจดีมาก” เด็กหญิงตัวน้อยยิ้มออกมา
ท่านอู่โหวพูดไม่ออก ฮูหยินอู่จับมือเล็กๆ ของเด็กหญิงขึ้นมา
“เด็กน้อย เจ้าชื่ออะไรหรือ?”
“ท่านแม่เรียกข้าว่าซานเป่า แต่ข้ามีนามว่าเว่ยหนิงเจ้าค่ะ”
เด็กหญิงตัวน้อยพูดด้วยน้ำเสียงน่ารักพลางกัดขนมไปด้วย
ขนมชนิดนี้เป็นขนมที่หม่าเฉิงและถังหลี่ได้คิดค้นขึ้นมาใหม่โดยที่จำกัดการขายในแต่ละวัน จึงได้ดึงดูดเจ้าตัวตะกละทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ได้เป็นอย่างดี
“มารดาของเจ้าเป็นใครหรือ?” ฮูหยินอู่ถาม นึกอยากจะหยิกแก้มนุ่มๆ สักครั้ง
“ท่านแม่ของข้าเป็นเถ้าแก่เนี้ยร้านนี้” ซานเป่าตอบพลางกลืนขนมลงท้อง
“เจ้าเป็นลูกสาวของเสี่ยวถังหรือ?” ฮูหยินอู่ตกใจ
นางได้ยินมาว่าในบรรดาลูกทั้งสี่คนของเสี่ยวถังนั้นมีลูกสาวหนึ่งคน เป็นน้องคนสุดท้องอายุเพียงเจ็ดขวบเท่านั้น เด็กผู้หญิงตัวน้อยๆ ผู้นี้คือบุตรสาวของเสี่ยวถัง!
นางน่ารักมาก!
ถ้าเช่นนั้นเด็กน้อยผู้นี้ย่อมเป็นหลานสาวของนางด้วยสินะ
ฮูหยินอู่มีความสุขมาก เมื่อเห็นว่าซานเป่ากินขนมจนหมดแล้ว ฮูหยินอู่จึงเปิดหม้อนึ่งขึ้นแล้วหยิบขนมอีกหนึ่งชิ้นส่งให้แก่ซานเป่า
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านย่า” เด็กน้อยกล่าวเบาๆ
“ไม่เป็นไร ถ้าเจ้าอยากกินเมื่อไหร่ก็มาหาย่านะ” ฮูหยินอู่ฉวยโอกาสหยิกที่พวงแก้มน้อยๆ ของนางอย่างอารมณ์ดี
อู่โหวเย่มองดูภรรยาของตนอย่างกระตือรือร้น แต่นางไม่ชายตามองเขาเลย
จนกระทั่งนางจูงมือเด็กน้อยคนนั้นออกจากครัว ก็ยังไม่หันมามองที่เขา นางคงจะลืมสามีไปจนหมดแล้ว
“…..” อู่โหวเย่ไม่พอใจ เขาจึงเปลี่ยนความน้อยอกน้อยใจของตนเองมาเป็นการกินแทน ในที่สุดขนมในหม้อนึ่งก็หมดลง
ฮูหยินอู่ชอบซานเป่ามาก ส่วนซานเป่าเองก็ประทับใจในตัวท่านย่าของนางเช่นกัน ท่านย่าช่วยซ่อนความลับให้ซานเป่าแล้วยังให้ขนมนางกินอีกด้วย ทั้งสองคนเข้ากันได้เป็นอย่างดี
“เสี่ยวถัง ข้าอยากพาซานเป่ากลับไปที่จวนอู่ได้หรือไม่?”
ฮูหยินอู่ถามขึ้นมา นางชอบซานเป่ามาก เป็นเรื่องดีที่มีคนเอ็นดูรักใคร่ซานเป่าเพิ่มมากขึ้น
ถังหลี่พยักหน้าตกลง
ฮูหยินอู่อุ้มซานเป่าก่อนจะคว้าสามีกลับไปที่จวนพร้อมกัน
วันนี้เป็นวันหยุดของเว่ยฉิง ชายหนุ่มจึงได้ตามติดถังหลี่อย่างใกล้ชิด ถังหลี่มีความสุขที่ได้อยู่กับคนรักเช่นกัน
เมื่อหญิงสาวทำงานเสร็จแล้ว พวกเขาจึงออกจากร้านอาหารเพื่อไปเดินเล่น
วันนี้มีฝนตกปรอยๆ เว่ยฉิงกางร่ม หนุ่มสาวทั้งคู่เดินไปตามริมน้ำด้วยกันช้าๆ ฝ่ายชายรูปร่างสูงหล่อเหลา ส่วนหญิงสาวตัวเล็กดูงดงาม ยามเดินเคียงคู่ช่างเหมาะสมกันประหนึ่งสวรรค์สรรค์สร้าง สำหรับถังหลี่แล้วนางมีความสุขมากที่พวกเขาได้มาเดินด้วยกันเช่นนี้อีกครั้ง หลังจากที่แยกกันไปสามปี
หนุ่มสาวทั้งสองเดินขึ้นไปบนสะพานที่มีหลังคาซึ่งอยู่ริมแม่น้ำ เว่ยฉิงหุบร่ม บริเวณนั้นไม่มีผู้คน เขาหันกลับไปหาถังหลี่
เว่ยฉิงวางมือข้างหนึ่งค้ำที่เสาด้านหลังของนางแล้วโอบกอดนางเอาไว้ในอ้อมแขนของเขา
ถังหลี่เงยหน้าขึ้นมองเขา แต่เว่ยฉิงตัวสูงนางจึงเอื้อมมือไปจับที่ไหล่ของเขาไว้ ใบหน้าของเขาก็ค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาหาถังหลี่ จนพวกเขาสัมผัสลมหายใจของกันและกัน
ยิ่งใกล้ชิดมากขึ้นเท่าไหร่ หัวใจของถังหลี่ก็ยิ่งเต้นระรัวมากขึ้นเท่านั้น หญิงสาวหลับตาลงเพื่อรับจุมพิตจากเว่ยฉิง หลังจากที่จุมพิตแสนหวานนั้นจบลง ใบหน้าของถังหลี่แดงระเรื่อ นางพิงอกกว้างของเขาไว้ในขณะที่เว่ยฉิงลูบศีรษะของนางเบาๆ
“ฮูหยิน ข้าอยากหยุดเวลานี้ไว้ พวกเราจะได้อยู่ด้วยกันเช่นนี้ตลอดไป” ชายหนุ่มพูด
น้ำเสียงของเขานั้นแหบเครือ จนทำให้ถังหลี่สัมผัสได้ถึงความไม่สบายใจในส่วนลึก นางรู้ดีว่าเหตุใดเขาจึงได้รู้สึกเช่นนี้
ความแค้นและศัตรูที่ทรงพลัง
ตอนนี้พลังปีศาจในตัวถังหลี่แข็งแกร่งขึ้นทุกวัน ทำให้นางมีกำลังมากพอที่จะปกป้องตัวเองและลูกๆ ทั้งสี่คนได้ นางเชื่อว่าในภายภาคหน้า ต่อให้ศัตรูมีอำนาจแข็งแกร่งเพียงใด นางจะไม่มีวันกลัว
“เว่ยฉิง พวกเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ถังหลี่ยื่นมือไปสัมผัสคิ้วที่ขมวดมุ่นของเขาให้คลายออก เว่ยฉิงกุมมือเล็กๆของภรรยาเอาไว้ คลี่ยิ้มออกมา
ใช่ พวกเขาจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ไม่มีอะไรจะมาพรากพวกเขาจากกันได้
ทันใดนั้นเองเว่ยฉิงก็ได้ยินเสียงบางอย่าง เขาปล่อยถังหลี่ออกขากวงแขน หันไปมอง เห็นเจ้าหน้าที่หลายคนกำลังวิ่งมา พูดรายงานเขาอย่างความกระวนกระวาย
“นายท่านขอรับ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”