บทที่ 296 : มารดาแห่งแมงมุม
บทที่ 296 : มารดาแห่งแมงมุม
ความมั่นใจของซานดัลฟอนไม่ได้ไร้พื้นฐานหรือแก่นสารแต่อย่างใด
ผู้ก่อตั้งทั้งสิบของวิถีแห่งดาบอัคคีมีพหูสูตแห่งแสงที่มาจากยุคโบราณ จอมเวทผู้หนีสู่ความว่างเปล่า นักวิชาการที่เปิดยุคใหม่ให้ปัญญาแห่งมนุษย์ และผู้ก่อตั้งโบสถ์แห่งจุดสูงสุดที่ควบคุมนอร์ซินมาเป็นพันปี…
นับแต่ยุคดึกดำบรรพ์จนยุคที่สาม ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับสูงสุดเกือบทั้งหมดก็คือทั้งสิบคนนี้
ทุกคนต่างก็เป็นบุคคลระดับเหนือนภาอันเกินจะเอื้อมมือไขว่คว้า
ส่วนกาเบรียล คงจะเป็นเพราะเขาเป็นรุ่นน้อง และความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นยังเทียบไม่ได้กับคนอื่น ๆ แต่โบสถ์แห่งจุดสูงสุดที่เขาสร้างขึ้นในนามของดวงจันทร์ในนอร์ซินนั้นมีผลกระทบต่อวิถีดาบอัคคีมากเกินไป
การที่วิถีแห่งดาบอัคคีเติบโตในนอร์ซินได้อย่างรวดเร็วนั้น พูดได้ว่าโบสถ์แห่งจุดสูงสุดทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยม
และตอนนี้พวกเขาก็เป็นกลุ่มคนมีอิทธิพลต่อทุกสิ่งทุกอย่างในนอร์ซินทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง แล้วพวกเขาก็ได้ก่อตั้งองค์กรขนาดใหญ่อย่างวิถีแห่งดาบอัคคีที่ห่อหุ้มกองกำลังทั้งหมดไว้ราวกับใยแมงมุม
แต่เพราะผู้ก่อตั้งมีอำนาจและหยิ่งยโสมากเกินไป แม้มิคาเอลจะเป็นตัวกลางในการประสานงาน แต่องค์กรก็ยังหละหลวมมาก
แม้ว่ามันจะเจาะเข้าไปในองค์กรที่มีอยู่เกือบทั้งหมดแล้ว แต่ทุกคนก็เป็นอิสระและมีผู้บังคับบัญชาที่ต่างกันออกไป
ก่อนหน้านี้ ถึงแม้องค์กรจะมีขนาดใหญ่แล้ว แต่ก็แทบจะไม่สามารถรักษาการรั่วไหลของข้อมูลได้ เนื่องจากกาเบรียลและโบสถ์แห่งจุดสูงสุดต่างพากันล้มหายตายจาก ศูนย์ข่าวกรองที่ใหญ่ที่สุดของเราจึงหายไป และเราก็พึ่งพาได้แค่สมาคมแห่งสัจธรรมและพวกด้วงเงาเท่านั้นเอง
แต่เรื่องนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้ โบสถ์แห่งจุดสูงสุดเป็นหูเป็นตาของวิถีแห่งดาบอัคคี แม้ว่าจะเป็นองค์กรที่มีพวกฝีมือดีอยู่มากมาย แต่ก็พึ่งพาใครเดี่ยว ๆ ไม่ได้เลย แถมยังสร้างศัตรูใหม่คนนั้นเพิ่มอีก
สิ่งที่ซานดัลฟอนกังวลไม่ใช่ความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ แต่เป็นการสลายตัวภายในของวิถีแห่งดาบอัคคี
แม้ว่าองค์กรที่หลุดลอยไปแล้วนี้จะมีกลุ่มผู้ภักดีอย่างเหนียวแน่น แต่ทุกคนก็ยังภักดีต่อเทวดาที่พวกเขาสังกัดอยู่ แต่เพราะคนพวกนี้ไปไหนมาไหนอย่างไร้ร่องรอยอยู่ตลอดเวลา กระทั่งสมาชิกระดับกลางบางคนก็ยังไม่รู้ว่ามีหัวหน้าสิบคนในองค์กร
ตอนนี้ เมื่อวิธีการสื่อสารภายในส่วนใหญ่ถูกตัดออกแล้ว องค์กรก็ยิ่งแตกแยกหนักกว่าเดิม
อันที่จริง…ในตอนที่วินเซนต์ก่อตั้งศาสนาแห่งตะวันขึ้นเป็นครั้งแรก พวกเขาก็เคยคิดจะปลอมตัวแฝงเข้าไปในกลุ่มคนและพยายามควบคุมศาสนาใหม่นี้อีกครั้ง
แต่อีกฝ่ายมีความสามารถที่ไม่แน่ชัดในการระบุตัวตน พวกเขาสามารถหาตัวผู้ไม่ภักดีแล้วส่งตัวให้หอพิธีกรรมต้องห้ามได้อย่างรวดเร็ว ความพยายามแทรกซึมเข้าไปขโมยข้อมูลภายในของวิถีแห่งดาบอัคคีจึงไม่เป็นผล
ยิ่งกว่านั้น…จากการสำรวจสถานการณ์ของศาสนาแห่งตะวันในตอนนี้คร่าว ๆ แล้ว ดูเหมือนว่ามันจะมีความสัมพันธ์กับแม่มดบรรพกาลวัลเพอร์กิสผู้ควบคุมรัตติกาล
นี่หมายความว่ามีความเป็นไปได้ที่แม่มดบรรพกาลจะกลับมา!
นี่คือภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดของวิถีแห่งดาบอัคคี!
แต่มันก็เป็นโอกาสที่ใหญ่ที่สุดด้วยเช่นกัน!
เทียบกับร้านหนังสือที่อยู่ดี ๆ ก็โผล่มาแล้ว เห็นได้ชัดว่าพวกเขานับถือแม่มดบรรพกาลคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก เพราะถึงอย่างไรแล้ว พวกเธอก็คือผู้สร้างโลกนี้…
การจำศีลในแดนนิมิตแล้วกลับออกมาในตอนนี้ไม่ได้หมายความว่าพวกเธอเข้าใจอำนาจที่จะเข้าและออกจากแดนนิมิต หรือมีช่องทางเข้าออกได้อย่างอิสระแต่อย่างใด
และแน่นอนว่าวิถีแห่งดาบอัคคี…ย่อมอยากได้พลังระดับวัลเพอร์กิส หรือเปิดช่องทางนั้นโดยสมบูรณ์
จดหมายของมิคาเอลฉบับนั้นมาทันเวลาจริง ๆ ถึงเวลาแล้วที่วิถีแห่งดาบอัคคีจะรวมกันเป็นปึกแผ่นอย่างแท้จริง มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่เราจะตระหนักถึงอุดมคติร่วมกันของเราได้
ซานดัลฟอนมองไปที่จดหมายฉบับสมบูรณ์ในมืออย่างพึงพอใจ ดวงตาของเธอเปล่งประกาย
แต่ข้าก็ต้องส่งต่อข่าวสำคัญนี้ให้กับทุกคนด้วย ข้าเชื่อว่าข่าวนี้จะกระตุ้นพวกเขาได้ และระงับความเย่อหยิ่งของพวกเขาไว้ได้ชั่วคราว รวมไปถึงบรรลุความสำเร็จที่ไม่เคยมีมาก่อนในรอบพันปี
ซานดัลฟอนเข้าร่วมกับวิถีแห่งดาบอัคคีนับแต่เริ่มและรับผิดชอบการรักษาสมดุลภายในองค์กรไว้ รวมถึงการกระจายงานด้วย
การสื่อสารของบุคลากร การถ่ายทอดสดข่าว เธอและหุ่นเชิดของเธอคือศูนย์กลางการกระจายข่าวที่แท้จริง…อย่างน้อยก็ก่อนที่โบสถ์แห่งสุดสูงสุดจะถูกก่อตั้งขึ้น บทบาทของเธอมีความสำคัญมาก
ฮี่ ๆ รอก่อนเถอะ พอพวกเรามาถึงกันก่อน ไม่ว่าใครก็หยุดพวกเราไม่ได้แล้ว อย่าว่าแต่ระดับเหนือนภาเลย กระทั่งพระเจ้าตัวจริงก็ทำอะไรไม่ได้… วิถีแห่งดาบอัคคีฆ่าคนระดับเหนือนภามาเยอะแยะ ไม่น่าต้องคิดมากเลยแม้แต่น้อย
ซานดัลฟอนเหยียดนิ้วเรียวยาวสีเข้มออก รอยยิ้มที่มีเสน่ห์แต่อันตรายบนใบหน้าที่สวยงามของเธอดูราวกับไข่มุกดำ แล้วเธอก็ใช้เล็บสีดำที่แหลมคมของเธอขยับเส้นไหมสีขาวรอบ ๆ ตัว
ทันใดนั้นเอง แมงมุมตัวจ้อยตัวหนึ่งก็คลานเข้ามางับจดหมายในมือเธอไว้ในปาก
เธอมองดูแมงมุมเหล่านี้ด้วยดวงตารักใคร่ เธอเอื้อมมือออกไปและลูบขนตามร่างกายของพวกมัน จากนั้นก็เหยียดตัวออกไปอย่างเกียจคร้าน ก้าวไปข้างหน้าสองก้าวอย่างเป็นนิสัย
ตู้ม…!
ถ้ำใต้ดินทั้งหมดสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น และครึ่งล่างของ ‘ร่าง’ มหึมาของซานดัลฟอนที่ปกคลุมไปด้วยใยแมงมุมทะลวงกองหินที่ปกคลุมอยู่ออกมาทำให้เกิดรอยแตกใหญ่ยักษ์และกำแพงหินที่ตกลงมารอบ ๆ เธอ
ซานดัลฟอนมองรังของเธอทั้งรังอย่างงุนงงแล้วใช้มือปิดปาก “อุ๊ย ดูเหมือนข้าจะมิได้ขยับมานานจริง ๆ…”
จากนั้นขาทั้งแปดของเธอก็ขยับข้อต่อ แล้วเธอก็ออกเดิน ก้าวลงมาจากแท่นสูงที่เธอพำนัก
ครืน…!
ในที่สุดซานดัลฟอนก็ออกมาจากกองหินได้ทั้งตัว เผยให้เห็นร่างใหญ่ยักษ์และช่วงท้องของเธอ ร่างกายท่อนบนของเธอเป็นหญิงงามร่างเปลือยเปล่า ในขณะที่ท่อนล่างของเธอแท้จริงคือแมงมุมร้าย
.
ทั้งถ้ำสั่นสะเทือน และในรูเล็ก ๆ บนกำแพงหินรอบ ๆ มี ‘คนตัวเล็ก’ ที่มีผมสีเงินและผิวสีดำสองสามคนวิ่งออกมา ไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็คุกเข่าลงบนพื้นพลางตะโกนด้วยภาษาเอลฟ์เสียงดัง บางคนร้องไห้อย่างขมขื่นและบางคนก็เต้นรำอย่างสุขสันต์ ภาพที่เห็นนั้นบ้าคลั่งมาก
‘คนตัวเล็ก’ เหล่านี้ก็คือเอลฟ์ดำที่ถูกโลกรังเกียจ
แต่ถ้าเทียบขนาดตัวพวกเขากับซานดัลฟอนแล้ว สัดส่วนจะเล็กแค่ราวหนึ่งในหมื่น และบุคคลด้านหลังก็ยืนอยู่กลางถ้ำที่ลึกลับราวกับภูเขาที่เข้าถึงไม่ได้
เทวดาผู้ใช้โค้ดเนมซานดัลฟอนคือ ‘มารดาแห่งอ้อมกอด’ หรือก็คือตัวตนผู้เป็น ‘มารดาแห่งแมงมุม’ ที่พวกเอลฟ์ดำบูชา
เธออยู่มาก่อนที่เอลฟ์จะถือกำเนิด และเป็นตัวตนในตำนานตั้งแต่ยุคแรก
ระดับของเธอแทบจะเท่าเทียมกับราชายักษ์
“แล้วหุ่นเชิดตัวน้อยที่ข้าส่งไปทดสอบร้านหนังสือนั่นเล่า? น่าจะมีข่าวคราวบ้างนะ”
ซานดัลฟอนไม่ได้สนใจการออกมากราบกรานของพวกเอลฟ์ดำพวกนี้เลย เธอวางนิ้วลงที่คางของเธออย่างครุ่นคิด
โลกภายนอกทุกวันนี้ น้อยคนนักจะรู้ว่าที่จริงแล้วซานดัลฟอนเป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากแดนแห่งเงา และที่จริงแล้วด้วงเงาที่ถูกสร้างขึ้นเหล่านี้ก็เป็นทาสของเธอไปครึ่งตัว ตราบใดที่เธอควบคุมเพียงเล็กน้อย พวกเขาก็สามารถถูกเปลี่ยนเจตจำนงได้
เธอยื่นนิ้วออกไปเพื่อเตรียมขยับเส้นใยเพื่อดูสถานการณ์ ทว่าสีหน้าของเธอพลันเปลี่ยนไปอย่างมหันต์
จากสัมผัสของเธอ ด้วงเงาเหล่านั้นเริ่มสลายไปอย่างไม่สามารถควบคุมได้! “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?! ใครเป็นคนทำ?!”
สีหน้าของซานดัลฟอนพลันบิดเบี้ยวจนเข้าขั้นน่าเกลียดสุด ๆ เธอไม่มีเวลาคิดมากแล้ววางมือบนเส้นใย จากนั้นก็เริ่มเข้าไปแทรกแซงทันที
ทันทีที่เธอสัมผัสด้วงเงาตัวหนึ่ง ใบหน้าของเธอก็เกือบเหยเกหมดสภาพจากความตระหนกสุดขีด
“เป็นไปได้เช่นไรกัน?! นี่คือกรรม นี่คืออำนาจแห่งกฏเกณฑ์!!”
—