บทที่ 294 ผลลัพธ์จากการปีนข้ามกำแพง

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 294 ผลลัพธ์จากการปีนข้ามกำแพง

เห็นดังนั้น!

เขาก็รีบกอดเชิงเทียนเอาไว้ สีหน้าท่าทีแบบตีให้ตายก็ไม่ไป

“เยาเยา เจ้าวางใจ หากมีคนทำไม่ดีต่อเจ้า ข้าป่ายเม่ยเซิงจะบุกน้ำลุยไฟเพื่อเจ้าอย่างแน่นอน จะไม่บ่ายเบี่ยงเป็นอันขาด”

แต่ทว่า!

หลานเยาเยาโบกมือให้เขา บอกใบ้ให้เขาจากไป

ป่ายเม่ยเซิงร้อนใจ

รีบทำหน้าละห้อย กล่าวอย่างน้อยใจสุดๆ

“เจ้าต้องเชื่อข้า เจ้ามองดูดวงตาที่จริงใจของข้า กล้าที่จะสาบานก็จะรู้ ข้าไม่ได้โกหกเจ้า”

“แค่เจ้า?” เจ้าเล่ห์อุบายเยอะเป็นกอง กับเขาหลานเยาเยาร้อยทั้งร้อยก็ไม่เชื่อ

“ข้าทำไม? ข้าพูดได้ทำได้ เป็นคนรักษาสัจจะ”

“ช่างเหอะ เจ้าไปเถอะ!”

“เยาเยา……”

เห็นนางสีหน้าไม่ดี ป่ายเม่ยเซิงรู้ว่าตัวเองน่าเบื่อ ยืนอยู่ครู่หนึ่งก็จากไป

หลานเยาเยาลุกขึ้นปิดประตูห้อง และลงกลอนประตู สีหน้าสงบนิ่งอย่างน่าแปลก หลังจากที่เดินไปข้างหน้าต่าง นางก็ฝืนยิ้มแล้วก็ส่ายหัว

“เป็นตามคาด ไม่มีอาหารกลางวันฟรีในโลก คนคนหนึ่งไม่สามารถที่จะดีกับเจ้าอย่างไร้เหตุผล”

เฮ้อ……

หานแส!

เคยคิดว่าพวกเราจะเป็นเพื่อนกันได้

กลับคิดไม่ถึง……

เจ้าเพียงแค่หลอกใช้ประโยชน์อย่างเหนือชั้นยิ่งกว่าเขา และโปร่งใสยิ่งกว่าเท่านั้น

หลังจากเปิดหน้าต่างเบาๆ นางก็แวบออกไป จากนั้นก็หายไปในความมืดมิดยามค่ำคืน

ตำหนักเทพธิดา ในคุกลับ

คุกลับเป็นที่ที่พวกเขาพบเจอตอนที่เพิ่งจะมาถึงตำหนัก ด้านในหรูหราโอ่อ่า ไม่เหมือนคุกลับแม้แต่น้อย กลับเป็นเหมือนสถานที่สำหรับความสนุกสนาน

ดังนั้น!

หลานเยาเยาจึงได้ให้ตาแก่สองสามคนของสำนักหงอีของนางปรับปรุง

ตอนนี้เป็นครั้งแรกที่นางเข้ามาหลังจากที่คุกลับปรับปรุง

บนกำแพงทั้งสองข้างมีไฟที่เดี๋ยวสว่างเดี๋ยวมืด บรรยากาศไม่ถือว่าสลัว แต่กลับให้ความรู้สึกชนิดทะมึนน่ากลัว

อืม!

ไม่เลว

ที่ต้องการก็คือผลลัพธ์เช่นนี้

เพิ่งจะเหยียบเข้ามาในคุกลับ หลานเยาเยาก็ได้ยินเสียงร้องไห้เบาๆของหญิงผู้หนึ่ง และเสียงปลอบที่ไม่รู้ว่าจะต้องทำเช่นไรดีของจื่อซี

หืม?

แม้ว่าจื่อซีจะร่าเริงกว่าจื่อเฟิงเล็กน้อย แต่เขาก็เคยเป็นองครักษ์ลับของเย่แจ๋หยิ่ง วิชาการรักษาก็อยู่ในระดับที่ยอดเยี่ยม

คนที่เผชิญหน้ากับผู้อื่น เขาก็ยังแสดงความขรึมออกมาเล็กน้อย

คิดไม่ถึง……

กับหญิงที่บุกรุกเข้ามาในตำหนักเทพธิดาตอนกลางคืน เขากลับทำอะไรไม่ถูก?

เป็นเรื่องที่แปลกจริงๆ

เดินมาถึงด้านในนางจึงพบว่า จื่อซีหันหลังให้นาง แต่สามารถมองออกว่าเขายังคงใส่หน้ากาก

และหญิงผู้นั้นกลับคุกเข่าอยู่หน้าเขา ยังคงร้องไห้เบาๆ

เมื่อนางเห็นใบหน้าที่แท้จริงของหญิงผู้นั้น

หลานเยาเยาก็มุมปากกระตุก

ให้ตายเหอะ!

เป็นโหลวเย่วหรือ?!

ค่ำคืนดึกดื่นนางวิ่งมาตำหนักของนางทำไม?

“แฮ่มแฮ่ม!” นางจงใจกระแอมเบาๆออกมา

หลังจากที่จื่อซีได้ยิน ก็รีบหันหลังมา ยกมือทำความเคารพต่อนาง : “คุณหนู”

“เกิดอะไรขึ้น?”

นางมองไปทางโหลวเย่ว ตอนนี้โหลวเย่วก็เงยหน้าขึ้นมองนาง หลังจากเห็นหน้าที่เย็นชาของนาง น้ำตาเม็ดใหญ่ก็ไหลลงมาทันที ท่าทางน้อยใจเป็นที่สุด

“……”

เอ่อ……

เหมือนว่านางจะไม่เคยรังแกนางนะ? น้อยใจอะไรกัน!

“ตอบคุณหนู พระราชธิดาจาวหยางโดน โดนอ๋องเย่ไล่ออกมาขอรับ นางโกรธมาก และได้ยินมาว่าอ๋องเย่อยู่ในตำหนัก ดังนั้นจึงได้ปีนข้ามกำแพงเข้ามาในยามวิกาลเพื่อจะไปพูดเหตุผลกับอ๋องเย่ขอรับ”

จื่อซีเอาคำพูดก่อนหน้านี้ของโหลวเย่ว ถ่ายทอดให้นางฟังอย่างละเอียด

ไล่ออกมา?

ไม่ใช่หรอก?

ในจุดนี้เป็นหมื่นนางก็ไม่เชื่อ

เย่แจ๋หยิ่งไม่ใช่คนเช่นนั้น นอกจาก……

“เจ้าทำเรื่องชั่วร้ายที่ผิดร้ายแรงอะไร?” นางมองไปทางโหลวเย่วอย่างเย็นชา ในแววตามีประกายความสงสัยแวบออกมา

ได้ยินดังนั้น!

โหลวเย่วก็รีบส่ายหัว ร้องไห้พร้อมพูดอย่างจริงใจมาก :

“ไม่มี เสด็จอาเขาอารมณ์ไม่ดีล้วนๆ”

“……”

อันนี้……

เอาเหอะ!

นี่เป็นเรื่องที่เย่แจ๋หยิ่งสามารถทำได้จริงๆ

“ค่ำคืนฟ้ามืดแล้ว ได้เลยเวลาเที่ยงคืนแล้ว มีเรื่องอะไรค่อยคุยกันพรุ่งนี้” หลานเยาเยาหันหน้าไปมองทางจื่อซี ปริริมฝีปากขึ้น “เตรียมให้นาง……”

เพียงยังไม่ทันจะพูดจบ

โหลวเย่วก็ตัดบทนางอย่างรีบร้อน และพูดด้วยความวิตกกังวล:

“ไม่ใช่ เทพธิดา ตอนนี้ข้าอยากจะไปหาเสด็จอาถามให้ชัดแจ้ง เขาผีเข้าผีออก กลางวันหาคนไม่เจอเป็นแน่”

ไม่เช่นนั้นนางก็คงไม่ปีนข้ามกำแพงมาตอนเที่ยงคืนแล้ว

“เช่นนั้นเจ้าก็อยู่ที่คุกลับหนึ่งคืน!”

พูดจบ

หลานเยาเยาก็หมุนตัวจากไป ไม่ให้โอกาสโหลวเย่วเปิดปากแม้แต่น้อย

“เทพธิดา เทพธิดา ท่านอย่าไร้ความปรานีเช่นนี้สิ!”

ที่เขตล่าสัตว์ของพระราชวงศ์ ทั้งๆที่นางยังช่วยเหลือตัวเองแท้ๆ น่าจะพูดง่าย เป็นคนดีถึงจะถูกนี่!

ทำไมในพริบตาก็เปลี่ยนกลายเป็นไม่รู้จักกันแล้ว?

ไม่ว่ายังไงนางก็เป็นพระราชธิดา คิดไม่ถึง…….คิดไม่ถึงว่าจะให้นางอยู่ในคุกลับ

ฮือฮือฮือ!

นางไม่เอา

“พระราชธิดาจาวหยางอยู่ที่นี่อย่างสบายใจคืนหนึ่ง เดี๋ยวข้าจะไปเอาผ้าปูที่นอนมาให้ท่านขอรับ”

สำหรับการจัดการของคุณหนูของเขา เขาไม่รู้สึกว่าจะมีอะไรไม่เหมาะสมสักนิด

ขณะที่เขากำลังหมุนตัวจะเดินจากไป พระราชธิดาจาวหยางก็เรียกเขาไว้ :

“นี่ เจ้ารอเดี๋ยว” หลังจากที่เห็นเขาหยุดลง พระราชธิดาจาวหยางก็พูดต่อ : “เทพธิดาของพวกเจ้าต้อนรับแขกเช่นนี้หมดเลยหรือ?”

“สำหรับผู้ที่บุกรุกตำหนักยามค่ำคืนขอรับ ผู้เบาหน่อยก็หักมือเท้า ผู้ที่หนักก็ส่งไปสุสานขอรับ”

หลังจากเห็นพระราชธิดาจาวหยางตกใจจนต้องปิดปาก จื่อซีจึงได้เปิดปากพูดอีกครั้ง : “ยังไงพระราชธิดาจาวหยางก็พักที่นี่อย่างสบายใจคืนหนึ่ง อย่าก่อเรื่องเยอะ ข้าน้อยขอตัวขอรับ!”

“ได้ได้ได้ สบายใจแน่นอน ข้าไม่ก่อเรื่อง”

ยังดีที่ตัวเองเป็นคนหน้าตาเป็นที่คุ้นเคย

หากไม่เช่นนั้น ต้องโดนไม้โบยตายเป็นแน่ จากนั้นก็โดนโยนไปที่สุสาน

แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว!

หลังจากที่จื่อซีออกมาจากคุกลับ ก็เอาผ้าปูที่นอนมาให้อย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นพระราชธิดาจาวหยางไม่ร้องโวยวาย และนอนอย่างเงียบสงบแล้ว

เขาก็เดินจากไป

แต่ด้านหลังกลับมีเสียงดังขึ้น : “เสียงของเจ้าเหมือนองครักษ์ลับคนก่อนของเสด็จอาคนหนึ่งมาก วิชาการรักษาของเขาดีมาก”

จื่อซีร่างกายชะงักไปครู่หนึ่ง

“พระราชธิดาจาวหยางนอนให้เร็วหน่อยขอรับ”

แต่เขายังเดินไปได้ไม่ไกล ก็ยืนอยู่ที่ประตูทางเข้าคุกลับ ยืนตลอดจนฟ้าสว่างถึงได้จากไป……

และหลานเยาเยาก็ไม่ได้อยู่ในห้องนอน

นางที่ถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะนอนไม่หลับ หลังจากที่ออกมาจากคุกลับ ก็มุ่งไปที่ห้องยา

ด้านในห้องยามีวัสดุปรุงยาล้ำค่าที่หายากทั้งนั้น และยังมีหลากหลายชนิด เปรียบได้กับร้านยาร้านหนึ่ง

ที่ใกล้ๆหน้าต่าง มีโต๊ะทำงานขนาดใหญ่วางไว้ ที่บนหนังสือครึ่งหนึ่ง ทั้งหมดวางวัสดุปรุงยาไว้

และที่อีกครึ่งหนึ่ง วางพู่กันหมึกกระดาษและหินใส่หมึกไว้

หลานเยาเยาที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน หลังจากที่เลือกสมุนไพรชนิดหนึ่ง ก็ตั้งใจเขียนชื่อวัสดุปรุงยาบนหนังสือ

“ห้าว……”

ไม่รู้ว่าหาวไปกี่ครั้งแล้ว

หลังจากที่หาว นางก็หยิบถ้วยชาคิดอยากจะจิบน้ำชาหนึ่งอึก

กลับพบว่าในแก้วชาไม่มีน้ำชาแล้ว

ด้วยเหตุนี้ นางจึงยกกาน้ำชา ยังไม่ทันจะเทน้ำชาลงแก้ว ก็พบว่ากาน้ำชาเบาหวิว

เมื่อหยิบกาขึ้นมาดู ข้างในก็ว่างเปล่า

และนี่เป็นกาน้ำชากาที่สามแล้ว……

ความจริงแล้ว บางคราวกาน้ำชาก็ไม่สามารถที่จะหยุดยั้งการโจมตีของคนที่ง่วงนอนได้

หลังจากที่เขียนชื่อวัสดุปรุงยาตัวสุดท้ายแล้ว นางก็อดไม่ได้ที่จะยืดเส้นยืดสาย

“ในที่สุดก็ทำเสร็จแล้ว”

จากนั้นนางก็หยิบเอาวัสดุปรุงยาเดินออกจากประตูห้องไป เห็นจื่อซีเดินเข้ามาด้วยสีหน้าจริงจังพอดี

หลังจากที่เห็นนาง ก็เห็นได้ชัดว่าโล่งใจไปอึดหนึ่ง