ตอนที่ 342 ไปขอแต่งงาน

ตอนที่ 342 ไปขอแต่งงาน

ครั้นเสิ่นอวี้อิ๋งได้ยินหลิวจื้อหมิงกล่าวว่าต้องการแต่งงาน หล่อนก็หน้าซีดเผือดด้วยความตื่นตระหนกและกล่าวอย่างร้อนรน “ไม่ได้หรอก ฉันยังเรียนอยู่ ฉันกำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ฉันจะแต่งงานได้ยังไงคะ?”

หล่อนอาศัยอยู่เมืองไห่เฉิงมาครึ่งปีแล้ว และได้พบเห็นชายหนุ่มที่โดดเด่นภายในเมืองมาทุกรูปแบบ เมื่อเห็นว่าหลินเซี่ยแต่งงานกับตระกูลชนชั้นผู้ดี หล่อนก็เริ่มรู้สึกไม่ค่อยพอใจในตัวหลิวจื้อหมิง

ตอนนั้นที่หล่อนยอมรับหลิวจื้อหมิง ประการแรกเป็นเพราะว่าเขาเคยเป็นแฟนกับหลินเซี่ย

อีกประการหนึ่งคือหลิวจื้อหมิงเป็นคนอ่อนโยนและเอาใส่ใจ รูปร่างหน้าตาก็ไม่เลว หล่อนเพิ่งกลับเข้าเมืองและไม่ค่อยมีประสบการณ์ ดังนั้นก็เลยตกหลุมพรางอย่างง่ายดาย

ตอนนี้หล่อนไม่ใช่หญิงสาวบ้านนอกที่ไม่เคยเห็นโลกกว้างและเพิ่งเข้าเมืองคนนั้นอีกแล้ว

เหล่าผู้อาวุโสต่างก็จัดหาแหล่งการเรียนการสอนคุณภาพดีให้หล่อนได้ร่ำเรียน

หล่อนจะต้องพยายามอย่างถึงที่สุด

แถมตอนนี้เจิ้งต้าหมิงยังคงตามหลอกหลอนไม่เลิกรา ที่หล่อนต้องการสอบเข้ามหาวิทยาลัยไกลบ้านก็เพื่อสลัดพวกสุนัขขี้ประจบเหล่านี้

ดังนั้นการแต่งงานในตอนนี้จึงเท่ากับว่าเป็นการทำลายชีวิตหล่อน

แต่ถึงอย่างนั้นเด็กในท้องของหล่อน…….

เสิ่นอวี้อิ๋งมีอารมณ์ไม่มั่นคง หล่อนปฏิเสธการแต่งงานอย่างเด็ดขาด

และยิ่งปฏิเสธเด็กภายในท้องคนนี้

หลิวจื้อหมิงจับไหล่ของหล่อนพลางจ้องมองหล่อนและเอ่ยโน้มน้าวด้วยเสียงอ่อนโยน “อวี้อิ๋ง พวกเราค่อยเข้ามหาวิทยาลัยปีหน้าก็ได้ ตอนนี้เด็กอยู่ในท้องของคุณ อีกสองเดือนเดี๋ยวท้องก็โตแล้ว ไม่สามารถปิดบังเรื่องนี้ได้แล้ว”

ตอนนี้เหล่าคุณป้าสายตาดีภายในลานอาคารพักอาศัยนั้นก็พบเห็นความผิดปกติแล้ว

เสิ่นอวี้อิ๋งผละออกจากเขาและเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉียบคม “ฉันพูดไปแล้วว่าฉันอยากกำจัดเด็กคนนี้ตอนนี้เดี๋ยวนี้ ฉันจะทำให้เขาหายไปจากท้องของฉัน ฉันให้กำเนิดเขาไม่ได้”

เสิ่นอวี้อิ๋งเสียสติไปแล้ว หล่อนวิ่งเข้าไปพบแพทย์และกล่าวว่าต้องการทำแท้ง

เมื่อแพทย์ได้ยินคำพูดของหล่อน สีหน้าก็พลันงุนงงเล็กน้อย

แพทย์สูตินรีเวชไม่รู้ว่าพวกเขาทั้งสองคนไม่ใช่คู่สามีภรรยากัน จึงเอ่ยโน้มน้าวด้วยความหวังดี “ฉันขอแนะนำว่าให้พวกคุณคิดอย่างรอบคอบ การทำแท้งลูกคนแรกจะส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างมาก นอกจากนี้อายุครรภ์ของคุณก็เกือบสี่เดือนแล้ว ในการทำแท้งต้องทำการขยายและขูดมดลูก การทำเช่นนี้จะเป็นการทำร้ายมดลูกของคุณและเป็นอันตรายเป็นอย่างมาก ปกติแล้วโรงพยาบาลของพวกเราจะไม่ดำเนินหัตถกรรมที่ขัดต่อคุณธรรมและจริยธรรมของมนุษย์”

เสิ่นอวี้อิ๋งกล่าวว่าก่อนหน้านี้ตนเองไม่รู้ว่าตั้งท้อง หล่อนกินยาไปเยอะมากและเกรงว่าจะส่งผลเสียต่อทารกในครรภ์ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องทำแท้งเด็กคนนี้และไม่สามารถให้คนของตระกูลเสิ่นรู้เรื่องนี้ได้

เสิ่นอวี้อิ๋งปรารถนาที่จะทำแท้งเด็กคนนี้เป็นอย่างมาก แพทย์เองก็รับรู้ว่าหล่อนน่าจะตั้งครรภ์โดยที่ยังไม่ได้แต่งงาน

แพทย์ทำได้เพียงให้หล่อนไปทำการตรวจ แต่ถ้าต้องการยุติครรภ์ก็ต้องให้คนภายในครอบครัวมาเซ็นชื่อ

หลิวจื้อหมิงไม่สามารถห้ามหล่อนได้เลย

แต่ทั้งสองคนมีเงินในมือไม่มากนัก จึงไม่มีเงินจ่ายค่าตรวจ

เสิ่นอวี้อิ๋งให้หลิวจื้อหมิงกลับบ้านไปเอาเงิน

หลิวจื้อหมิงกล่าวว่าแม่ของเขารู้เรื่องที่หล่อนตั้งครรภ์แล้ว

หากเขากลับบ้าน แม่ของเขาจะต้องมาที่โรงพยาบาลเพื่อทำการห้ามปรามอย่างแน่นอน

“อวี้อิ๋ง พวกเราค่อยกลับมาวันพรุ่งนี้ได้ไหม?”

“ผมสัญญาถ้าพรุ่งนี้คุณไม่เปลี่ยนใจ ผมจะไปเอาเงินมา และพวกเราจะทำแท้ง”

เสิ่นอวี้อิ๋งเองก็ไม่มีเงินติดมือและไม่กล้าให้คนภายในครอบครัวรับรู้ สุดท้ายจึงยินยอมต่อหลิวจื้อหมิง

ทั้งสองคนเดินไปทางยังโรงพยาบาลทั้งสองแห่ง ตอนนี้ก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว หลิวจื้อหมิงพาเสิ่นอวี้อิ๋งไปกินอาหารและพาหล่อนกลับบ้าน แต่เสิ่นอวี้อิ๋งกลับไม่ยินยอม

หล่อนรู้สึกร้อนตัวและไม่กล้ากลับบ้าน

แม้ภายในบ้านจะมีเพียงแค่เสิ่นเถี่ยจวินและเขาก็ไม่ค่อยอยู่บ้าน แต่ตัวหล่อนในตอนนี้ไม่กล้ากลับบ้านจริงๆ

กลายเป็นว่าก่อนที่หล่อนจะรู้ตัว คุณป้าเพื่อนบ้านเหล่านั้นที่เคยมีประสบการณ์มาก่อนก็พบสิ่งผิดปกติของหล่อนตั้งแต่แรกแล้ว และยังพูดนินทาว่าร้ายหล่อนลับหลังอีกด้วย

นับว่าโชคดีที่เซี่ยหลานไม่ได้กลับบ้านมานานแล้ว

ไม่อย่างนั้นด้วยสถานะแพทย์ของหล่อน ก็อาจจะค้นพบตั้งนานแล้ว

เสิ่นอวี้อิ๋งยืนกรานที่จะกลับไปยังโรงเรียน และให้หลิวจื้อหมิงนำเงินไปยังโรงพยาบาลในพรุ่งนี้เช้า

หลิวจื้อหมิงเรียกเสิ่นอวี้อิ๋งอย่างไม่ยอมแพ้และทำการยืนยันครั้งแล้วครั้งเล่า “อวี้อิ๋ง คุณคิดดีแล้วจริงๆ เหรอ?”

ท่าทางของเสิ่นอวี้อิ๋งยังคงแน่วแน่ “จื้อหมิง ฉันไม่อาจทำให้พ่อและปู่ของฉันผิดหวังได้ ฉันละทิ้งการสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้”

“เช่นนั้นคุณก็เลยต้องทอดทิ้งลูกของพวกเราใช่ไหม?” หลิวจื้อหมิงมองหล่อนด้วยสีหน้าโศกเศร้าและย้อนถาม

“อนาคตค่อยมีลูกก็ได้ หากคุณรักฉันมากพอ คุณก็ควรคิดเพื่อฉัน คุณเคยบอกไว้ว่าคุณจะรอฉันเรียนจบมหาวิทยาลัยและค่อยแต่งงานกับฉัน คุณพูดแล้วไม่รักษาคำพูดได้อย่างไร?”

เสิ่นอวี้อิ๋งน้ำตาคลอเบ้าขณะมองหลิวจื้อหมิงและกล่าวโทษเขา

หลิวจื้อหมิงรั้งหล่อนและพยายามโน้มน้าวอย่างถึงที่สุด “ผมเคยพูด แต่ไม่ใช่ว่าตอนนี้เป็นสถานการณ์พิเศษหรอกเหรอ? เด็กคนนั้นเป็นของขวัญที่พระเจ้ามอบให้กับพวกเรา การขยายและขูดมดลูกจะทำร้ายร่างกายของคุณเป็นอย่างมาก ผมไม่อยากให้คุณได้รับบาดเจ็บ”

“จะไม่เป็นแบบนั้นหรอก คุณอย่าฟังคำพูดที่หมอข่มขู่ให้พวกเราหวาดกลัวเลย”

เสิ่นอวี้อิ๋งแสดงจุดยืนของตนเองด้วยเหตุผลและข้ออ้างต่างๆ

หล่อนไม่มีทางเก็บเด็กคนนี้ไว้

หลิวจื้อหมิงส่งเสียงตอบรับ “ได้ พรุ่งนี้พวกเราไปเจอกันที่โรงพยาบาล”

หลิวจื้อหมิงเฝ้ามองหล่อนเข้าไปด้านในโรงเรียน เมื่อหันกลับมา แววตามืดมนก็ฉายผ่านนัยน์ตาคู่นั้น

หากเขาไม่เคยมีประสบการณ์“ติดคุก”มาแล้วครั้งหนึ่ง หากเขาไม่ถูกพักงาน บางทีเขาอาจจะเชื่อฟังเสิ่นอวี้อิ๋ง

แต่ตอนนี้อาชีพการงานของเขายังไม่แน่นอน และเขาก็ยังมีคดีความติดตัว

ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเสิ่นเถี่ยจวิน

ไม่รู้ว่าเสิ่นเถี่ยจวินไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่หรือไม่เต็มใจที่จะช่วยเหลือ สรุปว่าตอนนี้ปัญหาหน้าที่การงานของเขาก็ยังไม่มีความคืบหน้าใด

หากเสิ่นอวี้อิ๋งสอบเข้ามหาวิทยาลัยต่างถิ่นได้ เขาเกรงว่าคงจะจับหล่อนได้ยากมากขึ้น

ดังนั้น…….

เมื่อหลิวจื้อหมิงกลับมาถึงลานบ้าน แม่ของเขาและหลิวลี่ลี่น้องสาวของเขากำลังรอคอยอยู่ตรงประตูด้วยท่าทางกระวนกระวาย

เมื่อเห็นเขากลับมา ทั้งสองคนทอดถอนหายใจอย่างโล่งอกและรีบเดินเข้ามาหา

“จื้อหมิง แกออกไปตั้งแต่เช้า ทำไมเพิ่งกลับมาตอนนี้?” แม่ของเขาเอ่ยถามอย่างร้อนอกร้อนใจ “เป็นอย่างไรบ้าง? อวี้อิ๋งว่าอย่างไรบ้าง? สรุปแล้วท้องหรือเปล่า?”

หลิวลี่ลี่เองก็จ้องมองพี่ชายตาปริบๆและรอคอยคำตอบของเขา

“แม่ กลับบ้านแล้วค่อยคุยเถอะครับ”

“พี่รีบบอกพวกเราเถอะ” หลิวลี่ลี่ร้อนอกร้อนใจมากกว่าแม่ของหล่อนและเอ่ยถามอย่างกระตือรือร้น

หลิวจื้อหมิงเดินไปข้างหน้าและเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ “ท้อง”

“ไอ้หยา ฉันจะเป็นอาแล้ว เยี่ยมไปเลย พี่ พี่ช่างมีความสามารถจริงๆ” หลิวลี่ลี่เดินตามหลังหลิวจื้อหมิงและตะโกนอย่างตื่นเต้น

“ท้องจริงๆ เหรอ? สวรรค์เข้าข้างเราแล้ว”

เหล่าผู้เฒ่าและหญิงชราที่เกษียณอายุแล้วต่างอยู่ภายในลานอาคารพักอาศัย ไม่เล่นหมากรุกก็นั่งรับลมเย็น ภายในลานบ้านนั้นไม่เคยว่างเปล่า

ขณะนี้ยังคงมีคนชรานั่งอยู่เป็นจำนวนมากเช่นเคย

แม่และลูกสาวต่างก็หัวเราะเสียงดังด้วยความตื่นเต้นและเดินกลับบ้าน

มีคนถามพวกเขาว่าทำไมถึงมีความสุขมากขนาดนี้ หลิวลี่ลี่ผู้เป็นฆ้องปากแตกก็พลันกล่าวว่าตนเองกำลังจะเป็นคุณอาแล้ว

หลิวจื้อหมิงเองก็ไม่ได้ห้ามปรามหลิวลี่ลี่

เมื่อกลับมาถึงบ้าน หลิวจื้อหมิงนั่งลงบนโซฟาโดยไม่พูดอะไรสักคำ

แม่ของเขากลับเดินไปเดินมาด้วยความภาคภูมิใจ “จื้อหมิง พวกเรารีบไปบ้านของผู้อำนวยการเสิ่นเพื่อขอแต่งงานเถอะ ลูกก็มีแล้ว พวกเราควรมีพิธีรีตองตามความเหมาะสม ไม่อาจทำให้ผู้อำนวยการเสิ่นรู้สึกโกรธเคืองได้”

“เสิ่นอวี้อิ๋งท้องก่อนแต่งงาน ผู้อำนวยการเสิ่นจะต้องโกรธอย่างแน่นอน ไม่ว่าเขาจะทุบตีแกหรือว่าด่าแก พวกเราก็จะอดทน อดทนชั่วขณะเพื่อความเจริญก้าวหน้า ตราบใดที่แกแต่งงานกับเสิ่นอวี้อิ๋งโดยเร็ว แกก็จะเป็นลูกเขยของเขา เขาจะต้องพยายามสร้างอนาคตให้กับแกอย่างแน่นอน”

ไม่เหมือนกับตอนนี้ ใครบางคนกล่าวว่าเขาจะทอดทิ้งแล้วเขาก็ทอดทิ้ง

หลิวจื้อหมิงหรี่สายตาและนั่งลงบนโซฟา เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขามีความคิดเหมือนกับแม่ของเขา

แต่เสิ่นอวี้อิ๋งยืนกรานมั่นคงแล้วว่าจะต้องกำจัดเด็กคนนั้น

แม่ของหลิวจื้อหมิงเอ่ยกำชับกับหลิวจื้อหมิง “จื้อหมิง เวลาไม่คอยท่า แกรีบไปซื้อของขวัญสักหน่อย พวกเราไปบ้านตระกูลเสิ่นกัน”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

คราวนี้รู้กันทั่วตึกแล้วมั้ง ไม่น่าหนีทันแล้วล่ะยัยอวี้อิ๋ง

ไหหม่า(海馬)