บทที่ 358 รับการตรวจสอบ
“เสี่ยวอู๋ เธอทำงานอะไร?”
“เสี่ยวอู๋ ครอบครัวของเธอมาจากที่ไหน แล้วในครอบครัวมีใครอีกบ้าง?”
……
อู๋ฝานรู้สึกว่ามื้อเช้าวันนี้ค่อนข้างชวนอึดอัด พ่อและแม่ของเยี่ยเฟยเฟยเอาแต่เอ่ยสารพัดคำถามส่งมาให้ ราวกับพวกเขากำลังสืบสวนหาความจริงอย่างไรอย่างนั้น หญิงสาวเองก็ไม่คิดช่วยเขาจากเหตุการณ์นี้ เธอทำแค่มองราวกับกำลังรับชมเรื่องสนุกเท่านั้น
“เสี่ยวอู๋ เธอเป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยเจียงโจวงั้นเหรอ?” แม่ของเยี่ยเฟยเฟยเอ่ยถามขึ้นมา
“ใช่ครับ เพิ่งเริ่มงานปีนี้เองครับ” อู๋ฝานตอบกลับ
“อาจารย์ก็ดี และเป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยเจียงโจวก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่” แม่ของเยี่ยเฟยเฟยมองอู๋ฝานด้วยสีหน้าท่าทีค่อนข้างพึงพอใจ
“เธอเปิดร้านอาหารด้วยงั้นเหรอ?” ครั้งนี้เป็นพ่อของเยี่ยเฟยเฟยเอ่ยคำถามขึ้นมา
“ใช่ครับ เพิ่งเปิดได้ไม่นานครับ” อู๋ฝานตอบกลับ เขารู้สึกว่าหากยังถูกถามต่อไป ทุกรายละเอียดของตนคงถูกพ่อและแม่ของเยี่ยเฟยเฟยรู้จนหมด
“คนหนุ่มมีเรี่ยวแรงก็ดีแบบนี้แหละ” แม่ของเยี่ยเฟยเฟยยิ่งมองอู๋ฝานด้วยความพึงพอใจมากยิ่งขึ้น ก่อนหน้านี้เธอระแวง แต่ตอนนี้ใจเธอกลับรู้สึกพึงพอใจอย่างประหลาด โดยเฉพาะกับตอนที่ได้ทราบว่าชายหนุ่มเป็นคนตั้งตัวไขว่คว้าหามาเองทั้งหมด เธอเลยยิ่งพึงพอใจอย่างถึงที่สุด
‘ป้าสามของเฟยเฟยนี่มีสายตาที่ดีจริง ๆ ไม่แปลกใจเลยที่ตอนคุยโทรศัพท์เมื่อกี้จะชมกันถึงขนาดนั้น’ แม่ของเยี่ยเฟยเฟยพึมพำอยู่ในใจ
แต่อู๋ฝานที่แทบไม่อาจทนต่อการถูกสืบสวนจากครอบครัวเยี่ยเฟยเฟยแล้ว จึงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมา “คุณลุง คุณป้า ยังไงก็ทานกันไปก่อนนะครับ ผมต้องขอตัวไปดูงานที่ร้านแล้ว”
ความจริงนั้น อู๋ฝานไม่จำเป็นต้องไปที่ร้านเช้าขนาดนี้ แต่เขามองว่าบรรยากาศที่นี่ชวนอึดอัดอย่างน่าประหลาด โดยเฉพาะกับตอนที่แม่ของเยี่ยเฟยเฟยมองตนด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป มันยิ่งทำชายหนุ่มรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ ทำให้ต้องหาข้ออ้างปลีกตัวออกมาก่อน
“ตามสบายนะ มีความมุ่งมั่นกับงานและอาชีพเป็นเรื่องที่ดี” พ่อของเยี่ยเฟยเฟยพูดขึ้นมา
อู๋ฝานจึงรีบขอตัวออกมา
“ลูกรัก ช่วงที่ผ่านมานี้เป็นยังไงบ้าง?” หลังอู๋ฝานออกไปแล้ว พ่อและแม่ของเยี่ยเฟยเฟยจึงเพิ่งเปิดบทสนทนากับลูกสาว
“พ่อกับแม่ก็รู้สินะคะว่าหนูยังอยู่ตรงนี้ เห็นเอาแต่คุยกับอู๋ฝาน ทำเหมือนหนูไม่อยู่ยังไงยังงั้น” เยี่ยเฟยเฟยแลบลิ้นออกมา “อยู่ที่นี่ก็สบายดีค่ะ อาจารย์กับเพื่อนร่วมชั้นที่มหาวิทยาลัยก็ดี ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลนะคะ หนูดูแลตัวเองได้ ครั้งหน้าอย่าเดินทางข้ามคืนให้เสียสุขภาพอีกนะคะ”
“ลูกกับเสี่ยวอู๋อยู่บ้านเดียวกันแบบนี้ …แต่พวกเราก็พอเข้าใจสถานการณ์บ้างแล้ว” พ่อของเยี่ยเฟยเฟยเอ่ยคำขึ้น “เป็นยังไง? ชินกับการอยู่แบบนี้รึเปล่า ถ้าไม่ชิน ไว้พ่อคงต้องหาทางพูดกับป้าสามของลูก ขอให้เขาย้ายออก”
“ไม่เลยค่ะ อู๋ฝานเป็นคนดีนะคะ” เยี่ยเฟยเฟยตอบกลับ เพราะหากชายหนุ่มถูกขอให้ย้ายออก ตอนนั้นก็จะไม่มีใครช่วยปิดบังเรื่องที่เธอไปอยู่หอพักของมหาวิทยาลัยให้อีก ดังนั้นแม้เรื่องเมื่อเช้าหญิงสาวจะโกรธอีกฝ่ายขนาดไหน แต่เธอก็ไม่คิดอยากให้เขาถูกขอให้ย้ายออก
“ฉันเองก็มองว่าเสี่ยวอู๋ไม่ได้เลวร้ายนะคะ” เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้เยี่ยเฟยเฟยเกินคาดคิด แม่ของเธอมองว่าอู๋ฝานก็ไม่เลว
“คุณเพิ่งได้เจอเขานะ รู้ได้ยังไงว่าดีจริง ๆ?” พ่อของเยี่ยเฟยเฟยเอ่ยถาม
“ลางสังหรณ์ค่ะ! เสี่ยวอู๋ให้ความรู้สึกหนักแน่นอยู่พอสมควรเลย” แม่ของเยี่ยเฟยเฟยตอบกลับ
“ความรู้สึกแบบนั้นตัดสินอะไรได้กัน ผมยังมองว่าการให้ลูกสาวของเราอยู่ในบ้านเดียวกับผู้ชายออกจะเป็นเรื่องไม่เหมาะสมอยู่นะ” พ่อของเยี่ยเฟยเฟยตอบกลับ “ลูกสาวพ่อเป็นผู้ใหญ่แล้ว มีความแตกต่างระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง การพักอยู่ในบ้านเดียวกันก็ต้องมีเรื่องไม่สะดวกอยู่ไม่น้อยเลย”
“พ่อคะ พ่อกำลังคิดแบบคนหัวโบราณอยู่นะคะ ทุกวันนี้ผู้ชายผู้หญิงแชร์ห้องกันอยู่ยังเป็นเรื่องปกติด้วยซ้ำไปค่ะ” เยี่ยเฟยเฟยตอบกลับ
จริง ๆ แล้ว ในใจของเยี่ยเฟยเฟยก็คัดค้านเรื่องการแชร์ห้องอยู่ร่วมกันอะไรแบบนั้น แต่เพราะเธอมักจะอยู่ที่มหาวิทยาลัยเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นอู๋ฝานจะอยู่ที่นี่ยังไงก็ไม่ใช่อะไรที่หญิงสาวต้องใส่ใจ
“พ่อก็ยังรู้สึกว่าไม่ถูกอยู่ดี” พ่อของเยี่ยเฟยเฟยตอบกลับ
“เป็นอะไรขนาดนั้นคะ ลูกของเราเรียนมหาวิทยาลัยแล้วนะ จะมีผู้ชายที่ถูกใจบ้างก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ อย่าคิดอะไรล้าหลังแบบนั้นเลยค่ะ” แม่ของเยี่ยเฟยเฟยเอ่ยขึ้น
“ก่อนหน้านี้คุณยังไม่ชอบใจจนเกือบจะไล่เขาออกไปด้วยซ้ำ ทำไมตอนนี้เอาแต่พูดให้ท้ายเขากันล่ะ?” พ่อของเยี่ยเฟยเฟยไม่พอใจขึ้นมา
“ฉันมองว่าเขาก็ไม่เลว แล้วพวกเราก็ไม่ได้อยู่กับเฟยเฟยตลอด ถ้ามีคนที่เชื่อถือได้คอยช่วยดูแลก็เป็นเรื่องดีนี่คะ” แม่ของเยี่ยเฟยเฟยตอบกลับ ก่อนจะหันมามองเยี่ยเฟยเฟยพลางถาม “มื้อกลางวันไปทานอาหารข้างนอกกันนะ ได้เวลาลองอาหารของเจียงโจวกันแล้ว จะว่าไป เสี่ยวอู๋บอกว่าเปิดร้านใช่ไหมนะ? พวกเราลองไปร้านนั้นดูเป็นยังไง”
“เอ่อ… หนูว่าอาจจะไม่เหมาะสักเท่าไหร่” เยี่ยเฟยเฟยเอ่ยทักท้วงขึ้นมา แม้เมื่อกี้เธอจะพูดชมอู๋ฝาน แต่ในความเป็นจริงนั้นก็ไม่ได้อยากเข้าไปข้องเกี่ยวอะไรกับอีกฝ่ายมากนัก โดยเฉพาะกับเรื่องเข้าใจผิดก่อนหน้านี้ ทุกครั้งที่เห็นเขา ในใจเธอก็จะนึกอับอายขึ้นมา
“ไม่เหมาะสมอะไรกัน น่าจะเหมาะสมมากเลยต่างหาก” แม่ของเยี่ยเฟยเฟยตอบกลับ “ตกลงตามนี้ ถือว่าสรุปเรียบร้อยแล้วนะ”
เยี่ยเฟยเฟยทำได้เพียงหัวเราะแห้ง ๆ ตอนนี้เธอยังไม่อยากเจอหน้าอู๋ฝาน เพราะมันมีแต่จะทำให้นึกย้อนถึงเรื่องราวชวนอับอาย แต่ผลลัพธ์ที่ได้ แม่ของเธอกลับเห็นดีเห็นงาม ขณะนี้ลากตัวเธอไปที่ประตูแล้วเป็นที่เรียบร้อย
จากนั้นเยี่ยเฟยเฟยจึงไปมหาวิทยาลัย โดยปล่อยพ่อกับแม่ของตัวเองไว้ที่บ้าน คนทั้งสามได้นัดหมายกันเอาไว้ว่าจะรอจนคาบเรียนของหญิงสาวจบลง แล้วจึงค่อยไปร้านของอู๋ฝานพร้อมกัน
“ทำไมต้องไปทานที่ร้านของเสี่ยวอู๋ด้วยล่ะคุณ?” พ่อของเยี่ยเฟยเฟยถามขึ้นมา
พ่อของเยี่ยเฟยเฟยไม่ได้ไม่ชอบใจอะไรในตัวอู๋ฝาน แต่สัญชาตญาณของเขากำลังเป็นห่วงลูกสาวในฐานะคนเป็นพ่อ
“ก็เพราะจะได้ทำความรู้จักเขาให้มากกว่านี้ไงล่ะคะ ลูกของเราอาจจะต้องอยู่กับเขาไปอีกนานพอสมควร พวกเราที่เป็นพ่อแม่จะไม่รู้เรื่องเขาให้มากกว่านี้ได้ยังไงกัน?” แม่ของเยี่ยเฟยเฟยตอบกลับ “อีกอย่างคุณคิดจริงเหรอคะว่าระหว่างเขากับลูกสาวเราจะมีสัมพันธ์เป็นแค่อาจารย์กับลูกศิษย์?”
“นี่คุณหมายถึงอะไร?” พ่อของเยี่ยเฟยเฟยเอ่ยถาม
“ฉันไม่ได้มองว่าพวกเขามีสัมพันธ์ธรรมดากัน ลูกสาวพวกเราเป็นคนยังไง คุณเองก็รู้ดีไม่ใช่เหรอคะ? ลองนึกที่ลูกเรียกคุณว่าหัวโบราณดูสิ ลูกแสดงออกชัดเจนว่าเต็มใจกินอยู่กับเพศตรงข้ามแบบนั้น และเมื่อกี้ ลูกยังช่วยพูดแทนเสี่ยวอู๋ด้วยซ้ำนะคะ”
“คุณกำลังจะบอกว่าพวกเขาสองคนเป็นแฟนกันอย่างนั้นเหรอ?” พ่อของเยี่ยเฟยเฟยถึงกับต้องร้องอุทานเสียงดังออกมา “ไม่ได้!”
“ไม่ได้อะไรกันคะ?” แม่ของเยี่ยเฟยเฟยถามกลับ
“เพราะ… เพราะลูกสาวเรายังเด็กอยู่!” พ่อของเยี่ยเฟยเฟยอ้อมแอ้มตอบกลับ
“ลูกสาวของพวกเราเรียนมหาวิทยาลัยนะคะ นักศึกษาวัยมหาวิทยาลัยแบบนี้ มีความรักแล้วเป็นเรื่องแปลกเหรอคะ?” แม่ของเยี่ยเฟยเฟยเอ่ยถาม
“เรื่องนี้…” พ่อของเยี่ยเฟยเฟยตอบไม่ถูกไปชั่วครู่
“เรื่องแบบนี้… ถ้าตั้งแต่แรก ถ้าตอนนั้นไม่ปล่อยให้ลูกมาที่เจียงโจว เรื่องแบบนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น แต่ตอนนี้เรื่องเกิดขึ้นไปแล้ว พวกเราจะฝืนใจลูกให้กลับไปก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ เพราะแบบนั้นถึงต้องคอยเฝ้ามองและคอยช่วยเหลือไงล่ะคะ การมีคนที่สามารถเชื่อถือได้คอยช่วยพวกเราดูแลมีแต่จะเป็นเรื่องดีนะคะที่รัก” แม่ของเยี่ยเฟยเฟยตอบกลับ
“มันก็จริง คุณยังเป็นคนที่คิดอ่านไกลกว่าเสมอ” พ่อของเยี่ยเฟยเฟยตอบรับ
“ฉันมองว่าเสี่ยวอู๋ก็ไม่ได้แย่อะไร ป้าสามของเฟยเฟยก็เอาแต่ชื่นชมเขาไม่หยุดปาก ถ้าเขาไม่ได้มีปัญหาอะไร พวกเราก็ควรวางใจฝากเฟยเฟยเอาไว้ที่นี่นะคะ” แม่ของเยี่ยเฟยเฟยตอบกลับ
แม้เยี่ยเฟยเฟยจะเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่เพราะเป็นครั้งแรกที่เดินทางมาไกลบ้าน พ่อและแม่ของเธอจะเป็นห่วงก็เป็นเรื่องปกติ เพราะอย่างไรที่นี่ก็ไกลจากเมืองหลวงเกินกว่าจะวางใจได้ ไม่เช่นนั้นแล้ว ทั้งสองคงไม่รีบเดินทางข้ามคืนมาที่นี่เพื่อพบเจอลูกสาว เพราะสำหรับทั้งสอง หากยังไม่ได้พบหน้าก็ยังไม่อาจวางใจลงได้นั่นเอง