บทที่ 397 ดวลเดี่ยวกับซอมบี้ขั้นราชันดารา

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 397 ดวลเดี่ยวกับซอมบี้ขั้นราชันดารา

บทที่ 397 ดวลเดี่ยวกับซอมบี้ขั้นราชันดารา

ฉู่เหินเห็นอย่างชัดเจนว่ากระบองคู่ของซอมบี้ขั้นราชันดารากำลังจะตีเข้าไปที่หัวของเสี่ยวชิง ในตอนนี้แม้ว่าฉู่เหินจะอยากช่วยก็ไปไม่ทันแล้ว เพราะกระบองอันนั้นเร็วมากจริงๆ และแล้วมันก็มาถึงศีรษะของเสี่ยวชิง

พอฉู่เหินเห็นฉากนี้ของก็ตะโกนเสียงดังในใจ “ไม่นะ!”

เพียงแต่น่าเสียดายที่ซอมบี้ขั้นราชันดาราไม่อาจได้ยินเสียงของเขา ดวงตาจ้องมองกระบองที่ตีลงไปเสียงดังสนั่น! หลังจากมองฉากนี้ฉู่เหินก็หลับตาอย่างหมดแรงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมา

ทว่าทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงดัง ตึงๆ! ในตอนที่ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาก็เห็นที่ที่เสี่ยวชิงยืนอยู่มีเกาะป้องกันพิเศษบางอย่างปรากฏขึ้น เกาะป้องกันที่ปรากฏนี้มาจากสร้อยคอที่เสี่ยวชิงสวมอยู่บนตัวนั่นเอง

สำหรับสร้อยคอนี้ ฉู่เหินจำได้ดีว่ามันคือของขวัญที่เขามอบให้กับเสี่ยวชิงชิ้นแรก! ชายหนุ่มหวนคิดไปถึงชายชราคนนั้นที่ขายสร้อยเส้นนี้ให้เขา บอกว่าเขาต้องมอบมันให้กับคนรักของตนเท่านั้น เพราะสร้อยเส้นนี้จะช่วยชีวิตเธอได้

ตอนนั้นเขาไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก ไม่คิดว่าผ่านมานานขนาดนั้นสร้อยเส้นนี้จะแสดงอานุภาพของมันออกมาแบบนี้ ถ้าไม่มีสร้อยเส้นนี้น่ากลัวว่าชีวิตของเสี่ยวชิงต้องแย่แน่ ๆ

พอคิดถึงตรงนี้ฉู่เหินก็อดคิดไม่ได้ พระภิกษุรูปนั้นเป็นใครกัน ทำไมเขามีของที่น่าหวาดกลัวแบบนี้ ต้องเข้าใจว่าตอนที่สร้อยนี้แสดงพลังปกป้องออกมา ต่อให้เป็นตัวเขาในตอนนี้เองก็เกรงว่าคงไม่สามารถทำลายมันได้เหมือนกัน เท่านี้ก็รู้แล้วว่าพระรูปนั้นไม่ใช่คนธรรมดา

อย่างไรก็ตาม ตัวเขาในตอนนั้นก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง พระรูปนั้นจะสามารถคาดเดาเรื่องที่จะเกิดอีกนานจนาดนี้ได้ยังไง ทั้งหมดนี้เหมือนเป็นปริศนาที่ปกคลุมในใจของชายหนุ่ม

ทว่าฉู่เหินเองก็รู้เช่นกันว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเรื่องนี้ ตอนนี้ต้องหาวิธีกำจัดซอมบี้ขั้นราชันดารานี้ให้ได้ ไม่งั้นพวกเขาทั้งหมดได้รอความตายได้เลย

ทันใดนั้นฉู่เหินก็สัมผัสได้ว่าพลังของตัวเองคล้ายจะแข็งแกร่งกว่าเดิมร้อยเท่า หลังจากที่เขาสังเกตพลังวรยุทธ์ของตัวเองอย่างละเอียด ชายหนุ่มก็พบว่าพลังวรยุทธ์ของเขาอยู่ ๆ ก็เลื่อนขึ้นอีกหนึ่งขั้นแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว จนตอนนี้กลายมาเป็นขั้นราชันดาราแล้ว

หลังทำความคุ้นเคยกับพลังได้แล้ว ฉู่เหินก็เชื่อมั่นร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าอาศัยพลังของตัวเองในตอนนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะต่อกรกับซอมบี้ขั้นราชันดาราตัวนี้ อีกอย่างพลังขั้นราชันดาราระดับสูงของมันเองก็ไม่ใช่ของดั้งเดิม เป็นเพียงแค่การใช้วิธีพิเศษบางอย่างเท่านั้น

พลังวรยุทธ์แบบนี้ไม่อาจคงไว้ได้นาน เพียงรอให้เจ้าซอมบี้กลับมาที่พลังวรยุทธ์เดิม เมื่อถึงตอนนั้นมันก็จะเป็นตอนที่ซอมบี้ตนนี้อ่อนแอที่สุด! และด้วยความแกร่งที่เพิ่มขึ้นของฉู่เหิน แน่นอนว่าชายหนุ่มย่อมสามารถฆ่ามันได้อย่างแน่นอน ตอนนี้เขาจำเป็นต้องสู้พัวพันกับอีกฝ่ายไปก่อน ขอเพียงแค่มีข้อมูลมากพอก็จะลงมือฆ่าอีกฝ่ายในทันที!

เขาหายตัวไป ในพริบตาก็มาถึงข้างกายเสี่ยวชิง ในมือของชายหนุ่มกำกระบองจตุรธาตุและโบกอย่างฉับพลันเพื่อกระแทกกระบองสั้นของซอมบี้ขั้นราชันดาราออกไป จากนั้นก็ยื่นมือไปประคองเสี่ยวชิง เมื่ออีกฝ่ายที่ไม่ได้เป็นอะไรมาก ถึงได้วางใจ

“พวกเธอทุกคนถอยไปพักผ่อนด้านหลังซะ เจ้าหมอนี้ฉันจะแก้แค้นให้เอง” ฉู่เหินมองแมวนพเวทย์และนกคีรีบูน สั่งให้พวกมันรีบพาเสี่ยวชิงออกไป

แม้ว่าแมวนพเวทย์จะไม่ค่อยยินยอม แต่เจ้าเหมี๊ยวก็ไม่มีทางเลือกอื่นมากนัก ขืนโกรธไปก็ไม่มีประโยชน์ ในเมื่ออยู่ที่นี่ก็มีแต่จะเหนื่อยเปล่า จึงทำได้เพียงถอยกลับเมืองไปอย่างไม่ค่อยยินยอม

หลังจากพวกมันมาถึงเมือง จู่ ๆ ดวงอาทิตย์ด้านบนก็ยิงลำแสงที่อบอุ่นลงมาโอบอุ้มพวกเขาแต่ละคน หลังจากพวกเขาถูกแสงอาทิตย์ห่อร่างกาย จากที่เดิมได้รับบาดเจ็บเหล่านั้น ก็ค่อย ๆ ได้รับการฟื้นฟูอย่างช้า ๆ

น่าเสียดายเพียงแต่สี่คนที่ถูกเหล็กแหลมบนกำแพงแทงนั้น เพราะไม่ว่าแสงนี้จะฟื้นฟูบาดแผลได้มากขนาดไหน แต่มันก็ไม่อาจทำให้พวกเขาฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ คนตายก็ตายไปแล้ว ดังนั้นคนที่อยู่จึงทำได้เพียงระลึกถึงพวกเขาอย่างเจ็บปวดเท่านั้น ทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว!

มีเพียงฉู่เหินและซอมบี้ขั้นราชันดาราที่ยืนอยู่ตรงนี้ ทั้งสองจับจ้องกันอย่างเงียบงัน จนกระทั่งทุกคนเข้าไปอยู่ในเมืองครบแล้ว ฉู่เหินถึงค่อยหันกลับไปมองสี่คนนั้น สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด! แม้โบราณจะบอกว่าผู้มีความเมตตาไม่อาจเป็นทหารได้ ในเมื่อเป็นสงครามจะไม่มีคนตายได้ยังไง แต่ถึงอย่างงั้นฉู่เหินก็ทำใจกับฉากตรงหน้าไม่ได้อยู่ดี!

“เจ้าหนุ่ม ตอนนี้สิ่งกีดขวางก็หายไปแล้ว พวกเราสองคนมาประลองกันดูสิว่าใครจะเก่งกว่ากัน!” ซอมบี้ขั้นราชันดาราพูดกับฉู่เหิน

“แน่นอน ถ้าวันนี้พวกเราสองคนไม่รู้แพ้รู้ชนะ ฉันเองก็คงไม่ยอมเช่นกัน” พูดจบฉู่เหินก็หันหน้าไปทางกำแพงอีกครั้ง ก่อนจะหันกลับมามองซอมบี้ขั้นราชันดาราด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยไอสังหาร

ซอมบี้ขั้นราชันดาราไม่ได้สนใจสายตาแบบนี้ของฉู่เหิน แม้ว่ามันจะรู้ว่าฉู่เหินได้เลื่อนขั้นเป็นราชันดาราแล้ว แต่แล้วมันยังไงล่ะ ยังไงก็แค่ขั้นราชันดาราตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งเท่านั้น มีหรือที่มันจะแพ้ ? ต้องเข้าใจว่าพวกที่แพ้เมื่อกี้จนต้องห่ามออกไปต่างก็เป็นขั้นราชันดาราทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ?

ฉู่เหินไม่พูดกับซอมบี้ขั้นราชันดาราตรงหน้านี้อีก เขาโบกมือที่กำกระบองจตุรธาตุไว้ ก่อนจะหายตัวไปอย่างฉับพลัน พลิบตาเดียวก็มาปรากฏตัวที่ข้างกายซอมบี้ขั้นราชันดารา โดยไม่รอช้า มือที่กำกระบองจตุรธาตุไว้ก็ฟาดลงไปทันที

เจ้าซอมบี้ชะล่าใจ มันเอากระบองสั้นไขว้กันไว้ด้านหน้าเพื่อขวางเอาไว้ นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าซอมบี้ขัดขวางฉู่เหินกลับไป ดังนั้นมันเลยไม่ได้สนใจเท่าไร

ระหว่างที่อาวุธทั้งสองปะทะกัน มันก็ได้เกิดเป็นเสียงดังออกมา เดิมทีพื้นที่ซอมบี้ขั้นราชันดารายืนอยู่เป็นพื้นราบ ทว่าพอโดนการโจมตีที่รุนแรงนี้ทำให้พื้นทรุดลงไปเป็นหลุมกว้าง

ซอมบี้ขั้นราชันดาราสามารถป้องกันกระบองของฉู่เหินเอาไว้ได้ แต่มันก็ต้องแลกกับอาการชาที่ฝ่ามือทั้งสองข้าง โดยเฉพาะง่ามนิ้วที่เจ็บเป็นพิเศษ หากสังเกตดูดี ๆ จะเห็นเลือดไหลออกมาจากตรงนั้น

พอซอมบี้ขั้นราชันดารามองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยสายตาสับสน มันไม่อยากจะเชื่อจริง ๆ ว่าการทะลวงเพียงแค่ขั้นเดียวจะทำได้ถึงขนาดนี้ เพียงแค่นี้ชายหนุ่มกลับมีพลังโจมตีขึ้นอย่างมหาศาล ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องปกติแล้ว!

อย่างไรก็ตามซอมบี้ขั้นราชันดาราไหนเลยจะรู้ความจริง ทุกครั้งที่ฉู่เหินเลื่อนขั้น ระบบเองก็จะเพิ่มสิ่งพิเศษให้แก่เขาด้วย ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามาก็จะทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นได้อีกหลายเท่าตัว

ดังนั้นแม้ว่าจะเป็นแค่ขั้นเดียวกัน แต่พลังโจมตีของฉู่เหินนั้นกลับมากกว่าคนอื่นหลายเท่า ความลับนี้ซอมบี้ขั้นราชันดารายังไงก็ไม่อาจรู้ได้ หลังจากฉู่เหินเห็นการโจมตีครั้งแรกของตัวเองก็พลันเปลี่ยนใจ เมื่อเห็นหมาตกน้ำ*จะไม่ตีได้ยังไง เดิมทีเขาจะถ่วงเจ้าหมอนี้ลงไป จนกระทั่งผลกระทบจากการที่เขาถ่วงออกมามาถึง

*เปรียบกับสุภาษิตไทยหมายความว่า ตีงูต้องตีให้ตายไม่งั้นมันจะกลับมาแวงกัด

แต่ว่าตอนนี้ดูเหมือนจะใช้สิ่งนี้ไม่ได้แล้ว อาศัยเพียงการโจมตีของเขาคนเดียวก็สามารถกำจัดซอมบี้ขั้นราชันดาราได้ แน่นอนว่าหากเกิดสถานการณ์เลวร้าย อย่างซอมบี้ขั้นราชันดาราตัวนี้เกิดใช้วิชาลับทะลวงขั้นจักรพรรดิได้ฉู่เหินก็ไม่ใช่คู่มือมันอย่างแน่นอน

ดังนั้นการโจมตีต้องมีเทคนิค ไม่งั้นเกิดบีบบังคับให้มันทะลวงขั้นจักรพรรดิได้ ถึงตอนนั้นคนที่จะตายก็คือตัวเองเนี่ยแหละ

อยู่ ๆ ฉู่เหินก็เก่งขึ้น นี่ทำให้ซอมบี้ขั้นราชันดารารู้สึกตกใจจริง ๆ มันเริ่มแสดงอาการลังเลออกมาบ้างแล้ว หากทะลวงขั้นจักรพรรดิตัวเองก็ตาย หากไม่ทะลวงก็ต้องตายอีก ในเมื่อเป็นแบบนี้งั้นไม่สู้ทะลวงมันซะเลย หากทำอย่างรวดเร็วล่ะก็ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายยังไม่ทันเอาศพนั้นออกมาก็ตายก่อนแล้ว

ตอนที่ซอมบี้ขั้นราชันดารากำลังตัดสินใจ อยู่ ๆ มันก็เห็นฉู่เหินใบหน้าขาวซีด มีท่าทีแข้งขาอ่อนแรง ชัดเจนว่าหลังการโจมตีครั้งที่สอง ชายหนุ่มได้ฝืนร่างกายตัวเองมากขนาดไหน พอเห็นแบบนี้ซอมบี้ขั้นราชันดาราก็คล้ายจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว