ตอนที่ 337 เทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง สวนร้อยบุปผาตระกูลหลันครื้นเครงยิ่งนัก (1)

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

ตอนที่ 337 เทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง สวนร้อยบุปผาตระกูลหลันครื้นเครงยิ่งนัก (1)

สอนวิชากระบี่จบลง ก็สายมากแล้ว

หลังจากซูชีส่งท่านหญิงซูซูกลับจวนเขาก็หันหัวม้ากลับ เตรียมกลับจวนซู กลับไปที่ห้องหนังสือของตนเอง เวลานี้เขาอยากจะหาที่เงียบๆ ไม่มีผู้ใดมารบกวน แล้วตั้งใจชื่นชมภาพที่มั่วเชียนเสวี่ยวาดให้เขา

ม้าควบขี่เข้าไปในตรอกซอย ก้อนหินถูกโยนมากะทันหัน ทำให้ม้าตกใจ ส่งเสียงร้อง ซูชีไหวตัวอย่างรวดเร็ว เหาะเหินขึ้นบนอากาศ

มีคนจู่โจมมา คนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า อีกคนหนึ่งยกกรงเล็บขึ้นมา หมายจะคว้ากล่องเก็บภาพวาดในอ้อมกอดของเขา

เป้าหมายคือกล่องเก็บภาพวาดของเขา! เขาเดาถูกจริงๆ ด้วย

คนที่มาชิงภาพวาด ต้องเป็นคนที่หนิงเซ่าชิงส่งมาอย่างไม่ต้องสงสัย

แค่ว่า ภาพวาดในกล่องนี้ เขายังไม่ได้เปิดดู แล้วจะยอมให้หนิงเซ่าชิงช่วงชิงและทำลายทิ้งได้อย่างไร

พัดหนึ่งอันพุ่งออกไปจากแขนเสื้อ แตกต่างกับพัดหยกที่ปกติเขาใช้ในการวางมาดหล่อเหลา ในมือของเขาตอนนี้คือพัดเล็กที่แผ่ซ่านด้วยไอสังหาร

เสียง พรึ่บ ดังขึ้น ซูชีคลี่พัด พลิกข้อมือป้องฝ่ามือที่พุ่งมาตรงหน้า หันฝ่ามือฟาดไปยังกบาลของคนที่พุ่งตัวมา คนผู้นั้น ตายภายใต้พัดทันที เขากางมือแล้วโต้กลับ ด้ามพัดหักกรงเล็บที่พุ่งมาทางกล่องเก็บภาพวาด

จัดการศัตรูด้วยหนึ่งกระบวนท่า กระทำด้วยความรุนแรงและรวดเร็ว เหี้ยมโหดและเฉียบขาด

พัดเหล็กของซูซีกวัดแกว่งเล็กน้อย มองไปยังมุมมืด ยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วพูดขึ้น “ออกมาเถอะ” สีหน้าเคร่งขรึมนั้น ไม่คล้ายคนที่อยู่ท่ามกลางความเป็นความตาย แต่ราวกับคนที่กำลังเล่นสนุกกับชีวิต

มีคนสองคนเดินออกมาจากมุมมืด คนหนึ่งสวมชุดสีน้ำเงินเข้ม คอเสื้อของเขาราวกับไม้ไผ่ที่ห่อหุ้มด้วยเถาวัลย์ สีหน้าของเขาอ่อนโยน หางตาคล้ายมีรอยยิ้ม ปรายตามองศพที่อยู่บนพื้น กลอกสายตา ชายชุดดำที่มือหักโค้งตัวลงคำนับแล้วก้าวถอยหลัง ส่วนชายชุดดำอีกคนหนึ่งมือกอดดาบ สีหน้าเคร่งขรึม

“คิดไม่ถึงว่าเพื่อกล่องใบเดียว หัวหน้าตระกูลหนิงจะลงมือด้วยตนเอง”

“ข้าต้องได้มาครอบครอง เจ้ารู้ดีแก่ใจ”

เตาหนูยกดาบขึ้นหมายจะต่อสู้ แต่หนิงเซ่าชิงกลับยกมือขึ้นปราม นี่คือเรื่องระหว่างเขากับซูชี

นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างบุรุษกับบุรุษ

ทั้งสองเหาะเหินอยู่กลางอากาศ หลังจากฟาดฝ่ามือใส่กัน หนิงเซ่าชิงคว้ากระบี่หยกมายาขึ้นมา

หลังจากต่อสู้กันเพียงกระบวนท่าหนึ่ง หนิงเซ่าชิงเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่ท่าทีของซูชียังคงสนุกสนาน ทว่าทางด้านหนิงเซ่าชิงกลับตกใจเล็กน้อย

เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ซูชีจะจะใช้วิชากระบี่เลื่องชื่อของตน แปลงวิชากระบี่ที่ซับซ้อนให้กลายเป็นง่ายแล้วสอนแก่มั่วเชียนเสวี่ย การกระทำของเขาต้องใช้ใจ ใช้ความชาญฉลาด ยิ่งไปกว่านั้นต้องใช้เวลา ไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ในระยะเวลาสั้นๆ

ดูเหมือนว่า เขาอยากจะสอนวิชากระบี่แก่เชียนเสวี่ยมานานแล้ว ไม่ใช่นึกสนุกเพียงครู่

เปลวไฟแห่งความขุ่นเคืองก่อตัวขึ้นในใจของหนิงเซ่าชิง!

หากไม่ใช่เพราะเคยเห็นมั่วเชียนเสวี่ยร่ายรำกระบวนท่าวิชากระบี่นี้มาหลายหน เขาคงไม่อาจเป็นฝ่ายได้เปรียบเร็วเช่นนี้ อย่างน้อยๆ ก็คงไม่ได้เป็นฝ่ายได้เปรียบง่ายเช่นนี้

พัดเหล็กของซูชีทรงอนุภาพยิ่งนัก แต่เพราะหนิงเซ่าชิงฉวยโอกาสได้ก่อน เขาใช้กระบี่กระดกกล่องเก็บภาพวาด กล่องเก็บภาพวาดลอยขึ้นฟ้า ซูชีอยากจะชิงกล่องกลับมา แต่กระบี่ของหนิงเซ่าชิงก็พุ่งไปที่เขา ซูชีบาดเจ็บ แต่ก็ใคร่อยากจะใช้ร่างกายปกป้องกล่องเก็บภาพวาดเอาไว้

ฉึก กระบี่หยกมายาแทงเข้าไปในร่างกายสามส่วน ซูชีถูกแทงจนบาดเจ็บ จากนั้นใช้พัดเหล็กปัดกระบี่ทิ้ง แต่เขาก็ช้าไปก้าวหนึ่ง กล่องเก็บภาพวาดตกอยู่ในมือของหนิงเซ่าชิง

ดวงตาของซูชีแดงก่ำ หัวเราะด้วยความเศร้า

หนิงเซ่าชิงยกมุมปากขึ้น คลี่ยิ้ม สำหรับชายที่คิดอยากจะแย่งมั่วเชียนเสวี่ยกับเขา เขาไม่มีวันออมมือให้แม้แต่น้อย

ในคืนเดียวกัน หนิงเซ่าชิงอารมณ์ดียิ่งนัก เขียนบทกลอนร่ายยาว อบอวลด้วยความรัก สั่งให้คนรีบส่งจดหมายไปให้มั่วเชียนเสวี่ย นี่คือเรื่องในตอนหลัง สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นมั่วเชียนเสวี่ยไม่มีวันรู้ นี่คือเรื่องในตอนหลัง

ทว่า ไม่มีผู้ใดคาดคิด ซูชีในเวลานี้ กำลังชื่นชมภาพวาดน่ารักศิลปะการต่อสู้สิบแปดแขนงฉบับซูชีภายใต้แสงเทียน เขายกมุมปากขึ้น ใบหน้าของเขาเปี่ยมไปด้วยความลุ่มหลง คล้ายไม่มีความเจ็บปวดจากการบาดเจ็บและไม่ผิดหวังต่อการสูญเสียภาพวาดแม้แต่น้อย

ภาพวาดวางอยู่บนโต๊ะหนังสือของเขาแล้ว แต่กล่องเก็บภาพวาดกลับไม่ได้ว่างเปล่า ปิ่นเงินลวดลายเรียบง่ายวางอยู่ในกล่อง

สิ่งที่สามารถอยู่กับเขาได้มีเพียงสิ่งเหล่านี้!

ในป่าไผ่ เขาได้ยินเสียงดีดนิ้วของกุ่ยซา และเสียงเดินออกมาขององครักษ์ลับ ด้วยเหตุนี้ตอนที่มั่วเชียนเสวี่ยนำกล่องเก็บภาพวาดขึ้นมา เขาจึงรู้ดีแก่ใจ

หนิงเซ่าชิงเป็นคนใจแคบ ครั้งนี้ต้องมาทำลายภาพวาดนี้อย่างแน่นอน

พูดไปแล้วช่างบังเอิญยิ่งนัก วันนี้เขาเพิ่งได้รับภาพแผนที่ทางการทหาร ที่ส่งมาจากกองกำลังทหารตระกูลซู เดิมทีตั้งใจว่าหลังจากกลับถึงจวน เขาจะศึกษาก่อนแล้วค่อยเอาไปให้ท่านพ่อกับท่านพี่ ทว่าคิดไม่ถึงเมื่อไปถึงจวนกั๋วกง เป็นอันประจวบเหมาะมั่วเชียนเสวี่ยให้กล่องเก็บภาพวาดน่ารักฉบับซูชีแก่เขา

ด้วยเหตุนี้ ระหว่างทางส่งท่านหญิงซูซูกลับจวน เขาใช้ไหวพริบ สลับภาพวาดน่ารักในกล่องกับภาพวาดทางการทหาร

หากหนิงเซ่าชิงไม่เห็นภาพวาดเหล่านั้นถูกทำลายด้วยตาตนเอง เขาไม่มีวันวางใจอย่างแน่นอน

หนิงเซ่าชิงไม่วางใจ ตนก็ไม่อาจวางใจ แม้จะบาดเจ็บ แม้แผนที่ทางการทหารจะถูกทำลาย แม้จะถูกท่านพ่อและท่านพี่กล่าวโทษก็ยอม…เพียงเพื่อให้หนิงเซ่าชิงเชื่อ เพียงเพื่อรักษาของต่างหน้าสุดท้ายนี้เอาไว้

กระบี่ที่พุ่งมานั้น เขาหลบได้หรือ หากเขาหลบเลี่ยงเช่นนั้นกลยุทธ์ยอมเจ็บตัวของเขาก็จะไม่สมจริง

ภาพเหล่านี้ ทุกภาพล้วนเหมือนจริง ราวกับมีชีวิต

วาดภาพเช่นนี้ได้ ต้องจดจ่ออย่างมากแน่นอน ซูชีมองภาพวาด แล้วคิดจินตนาการถึงตอนมั่วเชียนเสวี่ยวาดภาพ นึกถึงยามมั่วเชียนเสวี่ยจับจ้องภาพวาดเหล่านี้ เคยตั้งใจจดจ่อเช่นนั้น ความอบอุ่นแล่นผ่านหัวใจของซูชี ได้รับความสนใจจากนาง ชีวิตนี้เขาพอใจแล้ว

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถึงเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างต้นเดือนห้าแล้ว หลันรั่วเมิ่งสตรีชั้นสูงแห่งตระกูลหลันให้คนส่งเทียบเชิญมาให้มั่วเชียนเสวี่ยตั้งแต่เนิ่นๆ เป็นเทียบเชิญเชิญไปชมดอกไม้ที่สวนร้อยบุปผา

ดวงอาทิตย์ขึ้น ยามขอบฟ้าอาบด้วยสีแดงระเรื่อ ภายใต้การปรนนิบัติรับใช้ของมั่วหมัวมัว มั่วเชียนเสวี่ยแต่งกายเรียบร้อยและมุ่งหน้าไปยังสวนร้อยบุปผา

สำหรับงานชมดอกไม้ระหว่างสตรีชั้นสูง มั่วเชียนเสวี่ยไม่รู้สึกสนุกแม้แต่น้อย! แต่ด้วยความจนปัญญา ไม่ว่าจะยุคสมัยใด ไม่ว่าจะมิติใด ฮูหยินสานสัมพันธ์กับสังคม เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งยวด!

เมื่อฮูหยินสานสัมพันธ์กับคนในสังคมได้ดี สานสัมพันธ์กับคนชั้นสูงและผู้มีอำนาจ ได้รับการยอมรับจากแวดวงสังคมของบรรดาฮูหยิน เช่นนั้นก็จะลอบสืบข่าวต่างๆ และแนวโน้มของราชสำนักที่เป็นความลับได้… เช่นนี้ ก็จะสามารถช่วยเป็นกำลังที่ดีแก่สามี ทั้งยังสร้างชื่อเสียงที่ดีงามให้กับตนเอง เรื่องหลายอย่างก็จะทำง่ายขึ้น

ในทางเดียวกัน การถูกวางแผนลอบทำร้าย ถูกขัดแข้งขัดขา ถูกหัวเราะเย้ยหยัน ถูกกลั่นแกล้ง…ก็เป็นเรื่องปกติ แม้แต่สามีของตน ก็จะกลายเป็นตัวตลกเช่นเดียวกัน

บรรดาฮูหยินเรือนในใช้วิธีการทุกอย่างไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ฮูหยินบางคนถึงขั้นคือยอมทำทุกวิถีทาง สงครามระหว่างฮูหยินคือสงครามที่ไม่มีควันไฟ สงครามที่ไม่ได้ต่อสู้ด้วยอาวุธ แต่ซับซ้อนยิ่งกว่าสงครามในสนามรบ โหดร้ายยิ่งกว่ากระบี่และดาบ

ในเมื่อมั่วเชียนเสวี่ยตัดสินใจแล้วว่าจะแต่งงานกับหนิงเซ่าเชิง ตัดสินใจเป็นนายหญิงของตระกูลอันดับหนึ่ง เช่นนั้น นี่คือสิ่งที่นางต้องเผชิญ!

อยากให้ฮูหยินเหล่านั้นยอมสยบ เช่นนั้นย่อมต้องอาศัยโอกาสนี้สานสัมพันธ์กับสตรีชั้นสูงในปัจจุบัน ซึ่งเป็นฮูหยินในอนาคต ข้ามผ่านก้าวแรกนี้ให้ได้

วันนี้มั่วเชียนเสวี่ยสวมกระโปรงสีขาวนวลจันทร์ ทับด้วยเสื้อคลุมสั้นสีแสด นางม้วนผมเป็นทรงองค์หญิง เครื่องประดับบนศีรษะคือปิ่นราคาแพงที่หนิงเซ่าชิงให้นางตอนเพิ่งเข้ามาในเมืองหลวง

———————————————-