หยวนชิงหลิงยังคงอยากจะไปเยี่ยมเยียนเซียวเหยากงสักครั้ง ฉะนั้น หลังจากอะซี่ออกไป นางก็พูดว่า “หาเวลาว่างสักวัน พวกเราไปเยี่ยมเซียวเหยากงกันสักครั้ง ”

หยู่เหวินเห้าไม่เห็นด้วย “ไม่”

“ข้าไม่เข้าใจเลย เซียวเหยากงเป็นคนดีขนาดนี้ ทำไมท่านต้องเกลียดเขาด้วย”

หยู่เหวินเห้าเอ่ยอย่างกลุ้มใจว่า “ใครว่าข้าเกลียดเขา ข้าแค่ไม่อยากเจอหน้าเขาเท่านั้น ”

“ทำไม”หยวนชิงหลิงไม่เข้าใจ

“ทำไมเจ้าถึงอยากไปพบเขาด้วย”หยู่เหวินเห้าก็ไม่เข้าใจ แค่ตาเฒ่าคนหนึ่ง ที่แก่หงำเหงือกมากแล้วจะไปพบทำไมกัน

หยวนชิงหลิงพูดว่า “ข้ามีเรื่องอยากจะถามเขา สำคัญมาก”

“ต้องถามให้ได้เลยหรือ”

เกี่ยวกับเรื่องที่ว่าใช่คนบ้านเดียวกันหรือไม่ อย่างไรก็ต้องถามให้ได้

ฉะนั้น หยวนชิงหลิงจึงพยักหน้ารับอยากหนัก

หยู่เหวินเห้าจึงได้แต่พูดว่า “เช่นนั้นก็ได้ พรุ่งนี้เป็นวันหยุดพอดี ข้าจะให้คนส่งเทียบไป”

หยวนชิงหลิงกอดเขาเอาไว้แล้วหอมหนึ่งที รอยยิ้มเป็นประกาย “ขอบคุณ”

ทันใดนั้นหยู่เหวินเห้าคิดว่าแค่นี้ก็คุ้มแล้ว

เช้าของวันรุ่งขึ้น หยู่เหวินเห้าลุกขึ้นมาแต่งตัว

เขาให้สวีอีไปเอาชุดเกราะของเขามาให้ ชุดเกราะชุดนี้เก็บไว้ในตู้ใบแรกอยู่เสมอ สวีอีไปตรวจตราดูอยู่เป็นประจำ จะใส่เฉพาะตอนไปค่ายทหารเท่านั้น ตั้งแต่เขาได้รับราชการที่กรมการพระนคร ก็ไม่เคยได้ใส่อีกเลย

หยวนชิงหลิงถามอย่างประหลาดใจ “ไปแค่กรมใส่ชุดธรรมดาก็ได้ ทำไมต้องใส่ชุดเกราะด้วย”

“สายหน่อยต้องเข้าไปที่ค่ายทหาร จะได้ประหยัดเวลากลับมาเปลี่ยนชุด ใส่เอาไว้ก่อน ”หยู่เหวินเห้าพูดอธิบาย

“ท่านไปค่ายทหารทำไม วันนี้เป็นวันหยุดมิใช่หรือ”

หยู่เหวินเห้าดึงมือนางแล้วมานิ่งที่หน้าโต๊ะแต่งตัว “ใช่ ฉวยโอกาสวันหยุด ไปเยี่ยมเพื่อนร่วมงานสักหน่อย”

ในกระจก ใบหน้ากลมอวบอิ่ม เขายืนอยู่ด้านหลัง ดูสง่างาม หล่อเหลาคนทำให้ใจสั่น

“พวกเราช่างเป็นคู่สรรค์สร้างจริงๆ ”หยู่เหวินเห้าพูดยิ้มๆ

หยวนชิงหลิงพูดยิ้มๆว่า “ใช่หรือ ข้าไม่ใช่หญิงอัปลักษณ์หรอกหรือ”

“อัปลักษณ์น่ะใช่ แต่อัปลักษณ์โดยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ”

หยวนชิงหลิงใช้หวีตีเขา ด่าเขายิ้มๆว่า “พวกเราเป็นคู่สวรรค์สร้าง ท่านว่าข้าอัปลักษณ์ เช่นนั้นท่านเองก็อัปลักษณ์ ไม่เช่นนั้นคงคู่กันไม่ได้”

หยู่เหวินเห้าถอนหายใจ “ตั้งแต่โบราณหนุ่มหล่อต้องคู่สาวขี้เหร่ คนที่หน้าตาดีล้วนไม่ได้แต่งกับภรรยาหน้าตาดี นี่คือเรื่องที่กำหนดไว้แล้ว”

“ไสหัวไปเลย ”หยวนชิงหลิงด่าเขายิ้มๆ “อย่ามาขัดตอนลู่หยาหวีผมให้ข้า”

ลู่หยาที่ฟังอยู่ข้างๆกำลังปิดปากหัวเราะ ได้ยินหยวนชิงหลิงสั่ง ก็เดินเข้ามาพูดว่า “ท่านอ๋องกับพระชายาตอนนี้ความสัมพันธ์ดีมากนะเพคะ”

“เมื่อก่อนก็ดี ”หยู่เหวินเห้าพูดเสียงเย็น

หยวนชิงหลิงสำลัก “เมื่อก่อนก็ดีหรือ ต้องถูกตีวันละครั้งถึงจะดีสินะ”

“ตีเพราะรักนะ”หยู่เหวินเห้ายืนอยู่ข้างๆนางมองใบหน้าของนาง อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย ตั้งแต่ตั้งครรภ์มา ก็ดูสวยขึ้นมาก ช่างเถอะ จะขี้เหร่แค่ไหนก็สะใภ้ตัวเองนั่นแหละ

แม่นมฉีเตรียมอาหารเช้าไว้แล้ว รอให้หยวนชิงหลิงแต่งตัวเสร็จ ก็มากินได้

หลังจากกินยาเม็ดอู๋โยวไป หยวนชิงหลิงอาการดีขึ้นมากจริงๆ อาหารเช้าก็กินโจ๊กได้มากกว่าครึ่งถ้วย

สำหรับคนที่ปรุงยา ยาเม็ดอู๋โยวนับว่าควรค่าแก่การศึกษาค้นคว้า เสียดายที่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ต้องรอให้แม่ทัพใหญ่จิ้งถิงคนนั้นส่งมาเท่านั้น

จวนเซียวเหยากงกับจวนอ๋องห่างกันไม่ไกลมากนัก รถม้าใช้เวลาเดินทางไม่ถึงครึ่งชั่วยาม นี่นับว่าเดินทางอย่างช้าๆแล้ว หากเป็นม้าเร็ว คงใช้เวลาแค่หนึ่งก้านธูปเท่านั้น

เพราะวันนี้ออกบ้านพร้อมกันกับหยู่เหวินเห้า จึงไม่ได้พาอะซี่มาด้วย พามาเพียงลู่หยากับสวีอีสองคน

จวนเซียวเหยากงได้รับเทียบตั้งแต่เมื่อวาน ลูกสะใภ้ของเซียวเหยากงฮูหยินเหลียงได้เตรียมการต้อนรับไว้แล้ว พอรถม้าไปถึง ฮูหยินเหลียงก็พาคนในครอบครัวไปต้อนรับทันที

“หม่อมฉันคำนับท่านอ๋อง คำนับพระชายา ”ฮูหยินเหลียงคำนับพร้อมรอยยิ้ม คนในครอบครัว ต่างก็คำนับพร้อมกัน

หยวนชิงหลิงมองฮูหยินเหลียง เห็นนางสวมชุดกระโปรงสีแดงปักลายเมฆสีเทา ที่ศีรษะมีปิ่นปักผมสีทองม่วง ดูสง่างามสูงส่ง ไม่เหมือนกับการแต่งกายที่อยู่นอกเมืองวันนั้นเลย เห็นได้ชัดว่าตั้งใจแต่งตัว เพื่อแสดงถึงการให้เกียรติ

หยวนชิงหลิงยิ้มเบาๆ “ฮูหยินไม่ต้องมากพิธี ”

ฮูหยินเหลียงเห็นหยู่เหวินเห้าที่สวมชุดเกราะเต็มยศ ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ท่านอ๋อง ไม่ต้องขนาดนี้กระมัง”

หยู่เหวินเห้าเอ่ยอย่างหดหู่ว่า “ระวังไว้จะได้ไม่ผิดพลาดทุกอย่างก็จะราบรื่น ”

หยวนชิงหลิงมองพวกเขาสองคน นี่หมายความว่าอย่างไร

ฮูหยินเหลียงยิ้มเชิญทั้งสองสามีภรรยาเข้าไป จวนเซียวเหยากงนั้นใหญ่โตมาก ใช้สายตาคำนวณที่ดินผืนนี้น่าจะมีสักสิบไร่ ด้านหน้าพื้นที่ที่ใหญ่ที่สุดล้วนเป็นสวนดอกไม้ ปลูกพืชพันธุ์ไว้มากมาย ตอนนี้เข้าสู่ปลายฤดูใบไม้ร่วงต้นฤดูหนาวแล้ว ยังมีดอกบางชนิดยังคงเบ่งบานสวยงาม

พวกภูเขาจำลองและศาลานั่งพักน้อยมาก สิ่งก่อสร้างนอกจากใช้สำหรับที่อยู่อาศัยแล้ว พวกสิ่งก่อสร้างสำหรับพักผ่อนหย่อนใจนั้นน้อยมาก ส่วนมากจะเป็นที่ว่างเปล่า ที่ปลูกพืชพันธุ์ดอกไม้เอาไว้

ตลอดทางที่เดินมา ก็ไม่เห็นจะมีคนรับใช้สักเท่าไหร่ แค่เห็นคนสองคนเป็นบางครั้ง ล้วนเดินผ่านระเบียงไปอย่างรวดเร็ว

“ฮูหยิน จวนของท่านช่างกว้างขวางมาก ”หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าการออกแบบเช่นนี้ดีมาก ราวกับฟาร์มเกษตร

“ใช่แล้ว ท่านพ่อชอบจัดวางสิ่งเหล่านี้ ยังเลี้ยงพวกหมูวัวม้าแพะไก่ลิงและงูเป็นต้นเอาไว้ด้วย”ฮูหยินเหลียงพูด

“ท่านผู้เฒ่าช่างมีความละเอียดอ่อนจริงๆ ”หยวนชิงหลิงเอ่ยอย่างชื่นชม

ระหว่างพูด ก็เห็นคนแก่คนหนึ่งที่โพกผ้าไว้บนศีรษะหาบปุ๋ยคอกออกมาจากหลังประตูไม้ เขารูปร่างสูงใหญ่ สีหน้าดำแดง คิ้วหนาดกดำ เขาหาบปุ๋ยคอกเอาไว้ ราวกับที่ไหล่ของเขาไม่มีของหนักสิ่งใดอยู่เลย เดินได้ฝีเท้าเบาหวิว มีเสน่ห์

เขาไม่ได้เดินมา แต่ว่าอ้อมไปอีกทางไปทางสวนผักด้านหลัง

หยวนชิงหลิงรู้สึกประหลาดใจลึกๆ คนรับใช้แก่คนนี้ดูมีอายุมากแล้ว แต่ทำไมจึงดูแข็งแรงนัก

นางมองไปทางหยู่เหวินเห้า กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง กลับมองเห็นเขาที่ใช้สายตาจ้องมองไปยังทิศทางที่คนรับใช้แก่เดินเมื่อครู่ราวกับเจอศัตรู อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ทำไมหรือ”

“ไม่มีอะไร”หยู่เหวินเห้าดึงนางให้ไปเดินอยู่ด้านหน้าของฮูหยินเหลียง “เดินเร็วหน่อย มีเรื่องอะไรก็รีบพูด พูดจบจะได้กลับไปทันที”

หยวนชิงหลิงพูดอย่างโมโหว่า “ท่านรีบอะไรนักหนา”

นี่เพิ่งจะมาถึง ก็บอกว่าจะกลับแล้ว

ฮูหยินเหลียงและคนในครอบครัวพาพวกเขาเข้าไปในโถงหลัก ในโถงใหญ่จัดวางได้ค่อนข้างธรรมดา มองดูฉากกั้นที่ไม่ได้ทำจากไม้ดีอะไรนัก และก็ไม่มีการแกะสลักด้วย แบ่งโถงออกเป็นซ้ายขวา

เก้าอี้ถูกจัดวางเป็นสองแถว ตรงกลางโถงมีเก้าอี้ไม่โบราณ ทำจากไม้สีดำดูแล้วก็มีอายุไม่น้อยแล้ว เก้าอี้ที่มีทั้งหมดล้วนผ่านการซ่อมแซมมาแล้ว แต่ว่าซ่อมแซมได้ค่อนข้างประณีต ด้านหลังกำแพงที่นั่งหลัก มีภาพวาดหินขนาดใหญ่แขวนอยู่ ไม่ได้ประทับตรา มีแค่ตัวอักษรคำว่าก้อนหินสองตัวเขียนเอาไว้

นี่มันช่างธรรมดาเสียนี่กระไร

หลังจากนั่งลงแล้ว ฮูหยินเหลียงก็ให้คนยกน้ำชามา พูดยิ้มๆว่า “พระชายาโปรดรอสักครู่ ท่านพ่อกำลังยุ่ง อีกประเดี๋ยวก็คงจะมา”

“ได้ ไม่รีบ ข้ามาเยี่ยมกะทันหัน รบกวนท่านผู้เฒ่าแล้ว ต้องขออภัยจริงๆ”

หยวนชิงหลิงเอ่ยอย่างเกรงใจ

ฮูหยินเหลียงบอกว่า “ที่จริงท่านพ่อก็เคยพูดถึงพระชายาอยู่หลายครั้ง บอกว่าถ้าว่างแล้วจะไม่เยี่ยมพระชายา”

“ท่านผู้เฒ่าเกรงใจเกินไปแล้ว ควรเป็นข้าที่อาวุโสน้อยกว่ามาเยี่ยมจึงจะถูก ”หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าฮูหยินเหลียงก็พูดตามมารยาทไปเท่านั้นเอง ท่านผู้เฒ่าจะเอ่ยถึงนางหลายครั้งได้อย่างไร

พวกเขาไม่รู้จักกันสักนิด

นางมองไปทางหยู่เหวินเห้า ใบหน้าเหมือนนั่งไม่ติด ดวงตาเอาแต่จ้องมองไปด้านนอก สายตาล่องลอยไปไกล สติไม่อยู่กับตัว

หยวนชิงหลิงรู้สึกประหลาดใจมาก วันนี้เป็นอะไรไปนะ คงไม่ใช่ว่าเคยทำอะไรไม่ดีไว้ที่จวนของเซียวเหยากงหรอกนะ

ขณะกำลังใช้ความคิด ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างนอก เสียงดังมาก เหมือนไม่ได้รองเท้าเอาไว้ เป็นเสียงฝีเท้าที่กระทบกับพื้นโดยตรง

ที่หน้าประตูมีเงาคน แล้วก็มีคนแก่คนหนึ่งเดินเข้ามา

หยวนชิงหลิงมอง นี่มันคนรับใช้แก่ๆที่หาบปุ๋ยคอกเมื่อครู่นี่นา