ตอนที่ 297 ลูกศิษย์คนที่สาม
แน่นอนว่าเรื่องต่างๆ ย่อมการเรียงลำดับความสำคัญ จำเป็นต้องเขียนฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์ให้เสร็จก่อน
โชคดีที่นิยายเรื่องนี้มีทั้งหมดเพียงไม่กี่แสนคำ ต่อให้หลินเยวียนจะปรับฉากหลังของเรื่องแล้ว หนังสือทั้งเล่มก็ยังมีไม่ถึง 150,000 ตัวอักษร หากอ่านด้วยความเร็วปกติก็สามารถอ่านจบได้ภายในครึ่งวัน
ต่อให้นิยายสืบสวนสอบสวนต้องค่อยๆ อ่าน ความเร็วโดยรวมก็ไม่ได้ต่างกัน
หลินเยวียนมีความเร็วมือเป็นทุนเดิม พิมพ์ได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่ตอนที่เริ่มปรับแก้ฉากหลังของเรื่องจะต้องใช้เวลาสักหน่อย
วันที่ 5 มีนาคม
ในที่สุดหลินเยวียนก็เขียนนิยายเสร็จแล้ว
สูดลมหายใจเข้าลึก อ่านทวนทั้งหมดหนึ่งรอบ หลังจากมั่นใจแล้วว่าไม่มีปัญหา หลินเยวียนยังไม่รีบร้อนติดต่อสำนักพิมพ์ แต่ใช้เวลาว่างแวะเข้าบริษัท
ในบริษัท
พนักงานในบริษัทกำลังสุมหัวกัน ราวกับกำลังซุบซิบอะไรอยู่
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”
หลินเยวียนเอ่ยถามผู้ช่วยกู้ตง
กู้ตงชงชาให้หลินเยวียน ยิ้มเอ่ย
“คุณยังไม่รู้เหรอคะ ชาร์ตเพลงเดือนมีนาคม สตาร์ไลท์เราได้อันดับหนึ่ง ครั้งนี้อาจารย์หยางจงหมิงออกโรง ปล่อยเพลงที่ขัดเกลามาสองปีเต็มๆ ปรากฏว่า ขยี้คู่แข่งได้อย่างไม่ต้องสงสัย เหมือนกับคุณในเดือนที่แล้ว!”
หลินเยวียนกระจ่างทันที
หยางจงหมิงออกโรงเอง จะได้อันดับหนึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเลย
กู้ตงกล่าวกลั้วหัวเราะ
“แต่คุณอาจคาดไม่ถึง ว่าครั้งนี้อาจารย์หยางจงหมิงปล่อยเพลงเปียโนเหมือนคุณเลยค่ะ ตอนนี้มีคนวิจารณ์ว่าเพลงนี้ไม่เป็นรองวิวาห์ในฝันเลย”
“อย่างนั้นเหรอครับ”
หลินเยวียนพลันสนอกสนใจขึ้นมา
เขาเปิดคอมพิวเตอร์ สวมหูฟัง และค้นหาเพลงของหยางจงหมิงมาฟัง
เป็นเพลงเปียโนสไตล์ป็อปเช่นกัน…
เรื่องนี้ไม่ได้เหนือความคาดหมายแต่อย่างใด เพลงเปียโนคลาสสิกจำเป็นต้องใช้สุนทรีย์ขั้นสูงในการซาบซึ้ง ระดับความยากก็สูงมากเช่นกัน
โดยทั่วไปมีเพียงเปียโนสมัยใหม่ ถึงจะสามารถทำให้ทุกคนดื่มด่ำได้โดยปราศจากกฎเกณฑ์
เมื่อฟังจบ หลินเยวียนก็พยักหน้า
ก่อนหน้านี้พ่อเพลงออกโรง ไม่ว่าอย่างไรก็ยังรู้สึกว่าความน่าเกรงขามบางอย่างของพ่อเพลงยังขาดหายไป ทว่าบทเพลงในครั้งนี้ของหยางจงหมิง ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นเป็นประจักษ์แล้วว่าทำไมพ่อเพลงถึงได้เป็นพ่อเพลง!
แข็งแกร่ง!
เพลงนี้มีชื่อว่า ‘กระจกสี’ เป็นบทเพลงเปียโนที่ไพเราะโดดเด่น ต่อให้อยู่บนโลก ก็ต้องเป็นเพลงหนึ่งที่โด่งดังอย่างแน่นอน
แต่ทว่า…
คิดๆ ดูแล้วหยางจงหมิงเป็นถึงพ่อเพลง ยังต้องใช้เวลาถึงสองปีกว่าจะทำเพลงนี้เสร็จ หลินเยวียนจึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจสักเท่าไหร่
ถ้าหากไม่ใช่เพราะความช่วยเหลือจากระบบ ต่อให้เป็นพ่อเพลง ยังต้องใช้เวลาสักสองปีกว่าจะทำสำเร็จ
จะว่าไปแล้ว
ก่อนหน้านี้ตนสามารถเอาชนะพ่อเพลงได้ ก็เพราะพ่อเพลงเหล่านั้นไม่ได้หยิบผลงานสำรองออกมา
ถ้าหากพ่อเพลงหยิบเพลงซึ่งผ่านการขัดเกลาอย่างประณีตบรรจงเป็นเวลาสองปีออกมา บางทีตนอาจเอาชนะไม่ได้อย่างง่ายดายเหมือนตอนนี้
“ระบบ ขอถามหน่อยสิ”
“เชิญถาม”
“หยางจงหมิงนับว่าอยู่อันดับที่เท่าไหร่บนบลูสตาร์”
“ความสามารถด้านการประพันธ์เพลงโดยภาพรวมอยู่ในสามอันดับแรก”
ระบบตอบอย่างแทบปราศจากความลังเล
หลินเยวียนหัวใจกระตุกวูบ เขารู้เพียงว่าหยางจงหมิงเป็นพ่อเพลง แต่กลับไม่รู้ว่า ต่อให้เทียบกับทั่วทั้งบลูสตาร์ หยางจงหมิงก็ยังจัดเป็นพ่อเพลงหนึ่งในสามอันดับแรก!
ต้องเข้าใจว่า
ถ้าหากนับรวมพ่อเพลงทั่วทั้งบลูสตาร์ จำนวนรวมของพ่อเพลงบนบลูสตาร์ก็ไม่นับว่าน้อย แต่หากมองเทียบกับจำนวนจากทั่วทั้งโลกแล้ว ตัวเลขนี้ก็กลายเป็นมากขึ้นมาถนัดตา
“ดูท่าแล้วการ์ดตัวละครหยางจงหมิงจะมีมูลค่าสูงกว่าที่ฉันจินตนาการไว้ซะอีก”
หลินเยวียนเลิกคิ้ว ให้กู้ตงเรียกเฟิงซั่วกับเซวียเหลียงมา
……
เฟิงซั่วกับเซวียเหลียงล้วนเป็นลูกศิษย์ของหลินเยวียน
ทั้งสองได้รับแจ้ง ก็รีบรุดมาที่ห้องทำงานของหลินเยวียนทันที
“อาจารย์!”
เมื่อทั้งสองคนเข้ามา สายตาของพวกเขามองไปยังหลินเยวียนอย่างกระตือรือร้น
“ครับ”
หลินเยวียนเปิดดูค่าความสามารถด้านการประพันธ์เพลงของเฟิงซั่ว ทันใดนั้นก็พบว่าตัวเลขแตะถึง 642 แล้ว
กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ
เฟิงซั่วสำเร็จหลักสูตรแล้ว!
เมื่อเห็นข้อความแจ้งเตือนจากระบบว่าเฟิงซั่วถึงเกณฑ์ในการจบหลักสูตรแล้ว หลินเยวียนก็ผุดยิ้มออกมา พลางตรวจสอบค่าความสามารถด้านการประพันธ์เพลงของเซวียเหลียง
เขาจำได้ว่า ครั้งก่อนตอนตรวจสอบข้อมูล ค่าความสามารถของเซวียเหลียงอยู่ที่หกร้อยกว่า
ปรากฏว่า ครั้งนี้ลองตรวจสอบดู หลินเยวียนก็พบว่าค่าความสามารถด้านการประพันธ์เพลงของเซวียเหลียงขึ้นไปถึง 777 แล้ว!
ลูกศิษย์สองคนนี้มีความพยายามสูงมาก!
ยิ่งไม่ต้องเอ่ยว่าเฟิงซั่วจบหลักสูตรได้รวดเร็วแค่ไหน
ลำพังศักยภาพของเซวียเหลียงเพียงคนเดียวก็เหนือความคาดหมายของหลินเยวียนแล้ว
เดิมทีหลินเยวียนคิดว่า หลังจากที่เซวียเหลียงผ่านด่านหิน 600 คะแนนและแตะถึงมาตรฐานของนักประพันธ์เพลงมือทองแล้ว ยากที่เขาจะก้าวหน้าต่อไปได้
กลับกลายเป็นว่าในตอนนี้อีกฝ่ายทะลวงด่าน 700 เป็นที่เรียบร้อย!
แล้ว 700 คะแนนนี้หมายความว่าอย่างไรน่ะหรือ
หากให้จำแนกความสามารถของนักประพันธ์เพลงมือทองละก็ ในใจหลินเยวียนขอแบ่งเป็นสามระดับ ได้แก่ล่าง กลาง และบน
ระหว่าง 700-800 จัดอยู่ในระดับกลาง!
800-900 จัดอยู่ในกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดของบรรดานักประพันธ์เพลงมือทองทั้งหมด!
เก็บเล็กประสมน้อย?
ในแง่ของพรสวรรค์ เซวียเหลียงห่างไกลกับเฟิงซั่วอย่างเห็นได้ชัด
แต่หลังจากที่ตนเลี้ยงปล่อยเซวียเหลียงแล้ว เซวียเหลียงยังคงพัฒนาต่อไปได้เรื่อยๆ เท่านี้ก็เรียกว่าไม่ธรรมดาแล้ว
บางทีตนควรให้ความสำคัญกับลูกศิษย์ให้มากกว่านี้
หลังจากใคร่ครวญอยู่ชั่วครู่ หลินเยวียนก็เอ่ยขึ้น “เฟิงซั่ว หลังจากนี้คุณไม่ต้องมาเรียนกับผมแล้วนะครับ”
“ทำไมล่ะครับ…”
เฟิงซั่วใบหน้าซีดเผือด คิดว่าตนทำอะไรผิด กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ “ถ้าอาจารย์ไม่พอใจผมตรงไหนก็บอกได้นะครับ ผมจะนำไปปรับปรุง…”
“ไม่ใช่ครับ”
หลินเยวียนยิ้มพลางเอ่ยปลอบ “คุณทำได้ดีมาก และเป็นเพราะคุณทำได้ดีมากนี่แหละครับ ตอนนี้คุณถึงแตะถึงเกณฑ์ที่จะจบหลักสูตรแล้ว สามารถยืนหยัดด้วยตัวเองได้แล้ว เหมือนกับเซวียเหลียงไงครับ”
“จบหลักสูตร?”
เฟิงซั่วชะงักไป สีหน้าผ่อนคลายลงเล็กน้อย ทว่าแววตาแฝงไปด้วยความผิดหวัง เขาหวังว่าตนจะไม่จบหลักสูตร และได้เรียนรู้จากอาจารย์ไปเรื่อยๆ
“ส่วนเซวียเหลียง…”
หลินเยวียนลังเลไปชั่วขณะ เอ่ยว่า “รอให้ผมสอนลูกศิษย์อีกคนหนึ่งก่อน แล้วจะกลับมาสอนคุณต่อ ระยะนี้ฝีมือคุณพัฒนาไปมากเลยนะครับ”
“อาจารย์…”
เซวียเหลียงได้ฟังคำพูดนี้ ขอบตาก็พลันแดงก่ำ ความรู้สึกซาบซึ้งเอ่อท้นอยู่ในใจ
จู่ๆ เขาก็พลันรู้สึกว่าความพยายามของเขาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้นคุ้มค่าแล้ว!
เขาคิดไว้แล้วเชียว ขอเพียงมีความมุมานะ อาจารย์จะต้องมองเห็นอย่างแน่นอน!
แต่เซวียเหลียงกลับไม่รู้เลยว่า หลินเยวียนไม่ได้รับรู้ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังและความมุมานะนั้นเลย
หลินเยวียนเพียงแค่ประเมินจากตัวเลขซึ่งระบบให้มา…
แต่การประเมินในลักษณะนี้มีความเป็นกลางมากที่สุด
“วันนี้ที่ผมเรียกพวกคุณมา ก็เพราะอยากถามสักหน่อย พวกคุณคิดว่าลูกศิษย์คนที่สามของผมควรเป็นใครครับ หลังจากสอนลูกศิษย์คนที่สามจนจบหลักสูตรแล้ว หลังจากนี้ผมคงไม่ได้รับลูกศิษย์ง่ายๆ อีกแล้ว”
นี่เป็นวัตถุประสงค์ของหลินเยวียน
เขาคิดว่าเรื่องการรับลูกศิษย์คนที่สาม ทางที่ดีที่สุดควรสอบถามความคิดเห็นจากลูกศิษย์อีกสองคนก่อน เพราะเขาตัดสินใจแล้วว่าจะกระชับความสัมพันธ์ของตนและลูกศิษย์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
“ลูกศิษย์คนที่สาม?”
เฟิงซั่วและเซวียเหลียงสบตากัน นึกไม่ถึงว่าอาจารย์จะถามความเห็นพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องทำนองนี้ด้วย ลึกๆ ในใจพลันรู้สึกซาบซึ้งขึ้นมา
“ยังไม่ต้องรีบตอบผมก็ได้ พวกคุณช่วยกลับไปคิดดูก่อน ถึงยังไงคนคนนี้ก็คือศิษย์น้องคนเล็กของพวกคุณ”
“ได้ครับ”
“อีกเรื่องหนึ่งนะครับ ในเมื่อพวกคุณสองคนจบหลักสูตรแล้ว ผมก็ควรจะมอบหมายภารกิจให้กับพวกคุณ นับตั้งแต่ตอนนี้ เซวียเหลียงจะต้องเขียนเพลงให้ซุนเย่าหั่วเดือนละหนึ่งเพลง ส่วนเฟิงซั่วรับผิดชอบเจียงขุย พวกคุณคงจะทราบใช่ไหมครับว่านี่เป็นภารกิจของแผนกเรา”
หลินเยวียนอยากทดสอบความสามารถของลูกศิษย์ทั้งสองอย่างเป็นทางการ
“ผมรับภารกิจ!”
เฟิงซั่วเอ่ยเสียงดัง รู้สึกกระตือรือร้นที่จะลอง ขอเพียงทำภารกิจเสร็จ ก็คงได้เรียนกับอาจารย์ต่อไปแล้วสินะ?
“ผมก็เหมือนกัน!”
เซวียเหลียงเอ่ยอย่างตื่นเต้น ความคิดของเขาคล้ายคลึงกับเฟิงซั่ว
หลินเยวียนพยักหน้า “พวกคุณเตรียมผลงานให้กับนักร้องสองคน ผมเองก็จะเข้าไปช่วยปรับแก้ด้วย ถ้าทำได้ดี…”
ถ้าทำได้ดีจะมีรางวัลอะไร?
หลินเยวียนไม่ได้พูด
ถ้าทำได้ดี เขาก็จะดูแลทั้งสองคนต่อไป
หลินเยวียนคิดว่า ด้วยการ์ดตัวละครของหยางจงหมิง บวกกับเอฟเฟ็กต์อาจารย์แล้ว น่าจะฟูมฟักพ่อเพลงตัวน้อยออกมาได้
เฟิงซั่ว…
เซวียเหลียง…
ล้วนมีความหวัง…
เพราะหลินเยวียนสังเกตเห็นว่า หลังจากที่เฟิงซั่วจบหลักสูตรไป ระบบก็แจ้งเตือนว่า เอฟเฟ็กต์อาจารย์ก็เข้มข้นขึ้นแล้ว…
ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมหลังจากที่หลินเยวียนรับลูกศิษย์คนที่สามแล้วจะวางมือเป็นการชั่วคราว เป็นเพราะภารกิจของเขาก็คือการสอนลูกศิษย์สามคน
ในตอนนี้ ภารกิจยังคงสำคัญที่สุด
และขณะที่ทดสอบลูกศิษย์สองคน หลินเยวียนพบว่าตนยังสามารถแอบอู้งานได้ รอให้ลูกศิษย์รับมือไม่ไหวก่อน เขาค่อยลงมือก็ยังไม่สาย ถึงอย่างไรหลินเยวียนก็เตรียมตัวเตรียมใจควักกระเป๋าไว้บ้างแล้ว ไม่แน่ว่าในอนาคตเขาอาจนำเงินไปแลกเป็นบทเพลงคลาสสิกจากระบบให้กับซุนเย่าหั่วกับเจียงขุย ถึงอย่างไรหลินเยวียนก็คิดจะทำภารกิจนี้ของแผนกให้สำเร็จอยู่แล้ว
……………………………………………………..