บทที่ 298 : เงื้อมมือที่เอื้อมมาจากเงา
บทที่ 298 : เงื้อมมือที่เอื้อมมาจากเงา
ก่อนหน้านั้น ซานดัลฟอนไม่เคยตระหนักรู้ถึงความเชื่อมโยงกันระหว่างศัตรูที่เข้าใจกฎเกณฑ์สองอย่างกับเจ้าของร้านหนังสือที่ตนเพิ่งวางแผนจะรวมหัวกับกลุ่มเทวดาไปถล่มอยู่หมาด ๆ เลย
แม้ว่าเด็กสาวท่ามกลางแสงจันทร์จะไม่มีออร่าระดับเหนือนภาด้วยเหตุบางอย่าง แต่หากเข้าใจรากฐานของกฎเกณฑ์ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว ก็จะนับว่าเป็นระดับเหนือนภาได้
ดังนั้นพูดตรง ๆ ก็คือ เด็กสาวคนนี้ถือได้ว่าเป็นระดับเหนือนภาที่ยังมีความแข็งแกร่งเทียบเท่าระดับภัยพิบัติ
เรื่องนี้อยู่นอกขอบเขตความเข้าใจของซานดัลฟอน และออกจะ…ขัดแย้งกันไปหมด!
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเข้าใจกฎเกณฑ์ทั้งสองอย่างถ่องแท้
แล้วเธอจะไม่เป็นระดับเหนือนภาได้อย่างไร?
ซานดัลฟอนไม่เข้าใจเอาเสียเลย เธออธิบายได้แค่ว่าอีกฝ่ายอาจจะแค่มีวิธีซ่อนระดับเหนือนภาของเธอไว้อย่างแยบยลเท่านั้น
เพราะฉะนั้น ขั้นพลังของอีกฝ่ายก็อาจจะสูงกว่าที่เห็นอีก
“ระดับเหนือนภาที่แข็งแกร่งขนาดนี้จะเป็นผู้ช่วยร้านหนังสือร้านนั่นไปได้ยังไง…อย่าให้พูดถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างระดับเหนือนภาเลย แค่ร่วมมือกันก็ยากจะตายแล้ว!”
เพราะประสบการณ์การบริหารความสัมพันธ์ภายในวิถีแห่งดาบอัคคีมาเป็นเวลานาน ซานดัลฟอนจึงเข้าใจอย่างลึกล้ำ
ระดับเหนือนภาแต่ละคนมีความทะนงตนอย่างไร้ที่เปรียบ เพราะการมาถึงจุดสูงสุดและเข้าใจถึงกฎเกณฑ์บางอย่างของโลกนั้นทำให้พวกเขาอดมองตนเองเป็นศูนย์กลางไม่ได้ พวกเขาจึงมีความทะเยอทะยานและเย่อหยิ่ง
การร่วมมือไม่ได้หมายถึงแค่การเผชิญหน้า บางครั้งยังต้องเลือกด้วยว่าจะฟังการตัดสินใจของใคร
และตอนนี้ ถ้าเกิดการต่อสู้…ไม่สิ สู้กันแน่ ๆ เพราะทิฐิส่วนตน พวกเขาจะไม่มีทางเปลี่ยนความคิดของตนเองง่าย ๆ และเมื่อเกิดข้อขัดแย้งกัน ก็ไม่มีทางที่ทั้งสองฝ่ายจะลงรอยกันได้เลย
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมวิถีแห่งดาบอัคคีจึงไม่เคยเป็นปึกแผ่นเดียวกันอย่างแท้จริงเลย แม้ว่าจะก่อตั้งมานานแสนนานแล้วก็ตาม
แต่ตอนนี้ อีกฝ่ายไม่เพียงแต่จะร่วมมือกันเท่านั้น แต่ยังดูเหมือนว่า…พวกเขาจะมีความสัมพันธ์เชิงนายบ่าวกันด้วย?!
เพ้อเจ้อจริง ๆ!
ระดับเหนือนภาที่ไหนจะไปยอมเป็นคนรับใช้ให้ระดับเหนือนภาคนอื่นกันล่ะ?!
ซานดัลฟอนอ่านความทรงจำของเหล่าหุ่นเชิดตัวน้อยของเธอ
แต่ถึงอย่างไร ร่างหลักนี้ก็เพิ่งตื่นจากจำศีลได้ไม่นาน ความทรงจำของเธอจึงยังไม่สมบูรณ์…เธอเพิ่งตอบรับคำขอของมิคาเอลที่ขอให้ช่วยติดต่อเทวดาคนอื่น ๆ ให้มารวมตัวกันเพื่อหารือเรื่องยุทธการโต้กลับ
หลังจากซึมซับความทรงจำทั้งหมดที่เกี่ยวกับชื่อมูเอนและร้านหนังสือ เธอก็พบว่าใบหน้าของเด็กสาวกลับปรากฏในความทรงจำของสมาชิกบางคนที่อยู่ในสมาคมแห่งสัจธรรมด้วย
เมื่อปีก่อน ในห้องแล็ป หมายเลขประจำตัว…
นางเป็นมนุษย์ประดิษฐ์เหรอ?!
แผ่นหลังของซานดัลฟอนงุ้มลงอย่างไม่ตั้งใจ ความหนาวเย็นยะเยือกแล่นผ่านสันหลังสู่หลังหัวของเธอ ทำให้กระดูกสันหลังของเธอนูนออกมาจากหลังราวกับตะขาบยักษ์
เธออธิบายความประหวั่นพรั่นพรึงในใจของตัวเองไม่ได้เลย จิตใจของเธอว่างเปล่าคิดอะไรไม่ออก
‘เทพีแมงมุม’ ผู้ปกครองเอลฟ์มืดมาหลายต่อหลายปี ชีวิตที่แสนยาวนานของเธอถึงกับตกตะลึงจังงังในตอนนี้…
ถ้ามูเอนเป็นมนุษย์ประดิษฐ์ เธอก็เพิ่งเกิดมาสู่โลกนี้ได้เพียงปีเดียวเท่านั้น
เธอไม่ได้โผล่มาจากที่ไหนสักแห่งเหมือนเจ้าของร้านหนังสือคนนั้น แต่ในทางตรงกันข้าม ภูมิหลังของเธอสามารถสืบสาวได้แม้กระทั่งข้อมูลทางกายภาพทั้งหมดนับตั้งแต่เกิดจนหายตัวไปของเธอก็ยังมีอยู่ครบถ้วน
นอกเหนือจากความเข้ากันได้สูงกับอีเธอร์ที่มาจากศิลานักปราชญ์ที่รวมอยู่ในวัตถุดิบแล้ว ก่อนที่เธอจะออกไปจากห้องแล็ป เธอยังไม่ได้ผ่านการทดสอบความสามารถใด ๆ ด้วยซ้ำ
“หรือก็คือ…ก่อนที่เธอจะออกจากห้องแล็ปมา เธอก็มิได้ดูดซับอีเธอร์ในรูปแบบใดมาก่อนเลย และเป็นเพียงมนุษย์ประดิษฐ์ที่มีความแข็งแกร่งทางกายภาพค่อนข้างสูงเท่านั้น”
ซานดัลฟอนตัวสั่นอย่างบอกไม่ถูก เธอยกมือขึ้นปิดหน้าแล้วพูดเบา ๆ “เป็น…ฮี่ ๆ…ไปได้ยังไงเนี่ย?”
“ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง…ก็หมายความว่าในหนึ่งปี…ไม่สิ ไม่ถึงปี เพราะห้องแล็ปในเวลาไม่ถึงสี่เดือน เธอก็เปลี่ยนจากมนุษย์ประดิษฐ์ธรรมดา ๆ ที่มีข้อบกพร่องไปเป็นระดับเหนือนภาที่มีกฎเกณฑ์ถึงสองข้อเหรอ?”
“จะเป็นไปได้เยี่ยงไร…เรื่องนี้! ไม่น่าเป็นได้! แต่! เธอก็ทำได้!”
ซานดัลฟอนพลันส่ายหน้า ดวงตาแมงมุมทั่วร่างเปิดปิดและกลิ้งกลอกวกวนไปมาอย่างบ้าคลั่ง ตาบางดวงถึงกับระเบิดออก ร่างของเธอสั่นสะท้านและคำรามในใจ
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปได้เลย…นี่เหมือนกฎของโลกทั้งใบถูกล้มล้างชัด ๆ!
การจะอยู่ในระดับเหนือนภาได้ หากไม่ใช้เวลาถึงพันปีก็คงเป็นได้แค่เรื่องตลก ความเข้าใจนี้ราวกับจะเหยียบระดับเหนือนภาทุกคนไว้จนมิดเท้า มันไร้สาระ น่าขัน…!
สี่เดือน?
สี่เดือนจะไปทำอะไรได้? ฝันเหรอ?!
จะว่าไป…นี่ก็นับได้ว่าเป็นฝันร้ายสำหรับเธอ
ซานดัลฟอนพลันชะงัก
เพราะอีกความคิดที่น่ากลัวยิ่งกว่าไหลย้อนเข้ามาในใจเธอ
อีกฝ่ายเป็นแค่มนุษย์ประดิษฐ์ธรรมดาเมื่ออยู่ในห้องแล็ป แต่เธอก็กลายเป็นระดับเหนือนภาได้ภายในสี่เดือนถัดมา ในระหว่างนั้น สิ่งผิดปกติเดียวก็ดูจะเป็นเพราะ…เธอกลายเป็นผู้ช่วยในร้านหนังสือร้านนี้
เจ้าของร้านหนังสือ ใบหน้ายิ้มอย่างอารมณ์ดีของชายคนนั้นปรากฏขึ้นมาในใจของเธอทันที
“เป็นเขา!”
ซานดัลฟอนพลันตระหนักว่าการตัดสินครั้งก่อนของเธอเป็นความผิดพลาดที่ใหญ่หลวงและร้ายแรงนัก
ถ้าเจ้าของร้านหนังสือคนนี้คือผู้อยู่เบื้องหลังความลับเหล่านี้จริง ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องสูงมากจนไม่อาจจินตนาการได้อย่างแน่นอน และบางทีอาจจะเสมอภาคกับพวกแม่มดบรรพกาล…ไม่สิ อาจจะแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ
แต่ในภาพที่ปรากฏจากความว่างเปล่านั้น การต่อสู้จบลงแล้ว
ภาพฉายสะท้อนจันทร์เปลี่ยนไปเป็นรัศมีจาง ๆ กักขังร่างแยกชะตาที่พยายามโจมตีอย่างบ้าคลั่ง แล้วในภายหลังมันก็หดตัวลงแน่นอย่างกะทันหัน แล้วตัดร่างของมันให้ฉีกขาด
และเด็กสาวก็จากไปไกลอย่างสะอาดเนี้ยบ
“ยังพอมีเวลา เรายังพอมีเวลารับจดหมายคืน!”
ซานดัลฟอนไม่สนใจอาการบาดเจ็บที่ลุกลามจากการสูญเสียตัวตายตัวแทนของเธอแล้วบ่นกับตัวเองพลางขยับเส้นไหมอย่างรวดเร็ว เพื่อเตรียมตัวรับจดหมายคืน
เธอหยุดแล้วส่ายหน้า “ไม่สิ เรื่องนี้สำคัญเกินไป ข้าต้องไปอธิบายให้พวกเขาฟังด้วยตัวเอง มิเช่นนั้นพวกเขาหลายคนคงไม่ให้ความสำคัญกับมันแน่ ๆ”
ร่างครึ่งคนครึ่งแมงมุมของซานดัลฟอนละลายกลายเป็นเงาดำ แล้วรวมกับเงาที่อยู่ใต้ร่างของเธอ
ในฐานะผู้ปกครองดินแดนแห่งเงา การกระโดดข้ามเงาอย่างรีบเร่งจึงเป็นสิ่งที่เธอทำได้ไวที่สุด
ร่างใหญ่โตของเทพีแมงมุมเหมือนจะกลายเป็นแอ่งน้ำสีดำบนพื้น ในถ้ำลึกนี้เหลือเพียงความว่างเปล่าที่เงียบสงัดและใยแมงมุมที่ห้อยอยู่เต็มไปหมดเท่านั้น
หลังจากนั้น แอ่งน้ำสีดำนั้นก็เดือดพล่าน
ฝ่ามือเรียวยาวที่มีผิวราวกับไข่มุกดำเอื้อมออกมา มันดิ้นรนพยายามคว้าสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัวอย่างสุดชีวิต เล็บอันแหลมคมถูกใช้งานราวกับกำลังหนี
ทว่าเงาเบื้องล่างกลับมีเส้นหนวดนับไม่ถ้วนที่ตามออกมารัดพัน กลายเป็นอีกมือหนึ่งที่ประกอบด้วยเงา
เป็นของมือผู้ชาย!
มือข้างหนึ่งของมันคว้ามือของซานดัลฟอนที่กำลังหลบหนี สิบนิ้วมือประสานกันราวกับคู่รักที่สนิทสนมลึกซึ้ง แล้วบีบมือของเธอไว้ไม่ให้ขัดขืนจนกลายเป็นก้อนเลือด จากนั้นก็ลากกลับเข้าไปในเงา
เธอทำผิดพลาดอย่างมหันต์!
เธอเห็นแค่ฉากที่มูเอนใช้กฎเกณฑ์ฆ่าคลีฟแลนด์และเจ้าขาวที่ฆ่าวาลลิสกับพาช่า แต่เธอไม่ได้เห็นลูอิสที่ถูกเงากลืนกิน
—