บทที่ 312 คลุ้มคลั่ง
บทที่ 312 คลุ้มคลั่ง
สายตาอันเฉียบคมของเจ้าหน้าที่เหลียงมองไปยังฮัวจิงในทันที ส่วนอีกฝ่ายกลับดูเหมือนกำลังครุ่นคิด เขาคิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่งและพูดขึ้น “ห้องเครื่องมือมันอยู่ไกล ตั้งแต่สร้างเสร็จก็ไม่เคยใช้งานมาก่อนเลย จนผมเกือบจะลืมไปแล้วว่าด้านล่างมีห้องใต้ดินอยู่”
หลังจากซูโย่วได้ยินเช่นนั้น เธอก็รีบก้าวขาวิ่งไปยังทางห้องเครื่องมือทันที
มีเสียง ๆ หนึ่งดังขึ้นมาในใจของเธออยู่ตลอด ไม่ผิดแน่ ต้องเป็นที่นี่แน่ ๆ
คนอื่น ๆ ที่เหลืออยู่ต่างรีบก้าวเท้าตามไป
ในอาคารรูปทรงสี่เหลี่ยม แผ่นไม้ขนาดเท่าสี่เหลี่ยมถูกยกขึ้นมาจากพื้น
มีตำรวจสองคนยืนอยู่ด้านข้าง
“คนอื่น ๆ ล่ะ?” ซูโย่วอี๋ถามขึ้นพร้อมกับอาการหอบหายใจแรง
“ลงไปก่อนแล้วครับ”
ซูโย่วอี๋พุ่งตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว เธอก้มตัวลงเพื่อเตรียมจะเข้าไปยังห้องด้านล่าง แต่ก็ถูกตำรวจรั้งเอาไว้ “คุณซู ด้านล่างอาจอันตราย คุณรออยู่ตรงนี้พร้อมกับพวกเราเถอะนะครับ”
“ไม่ได้…”
ยังไม่ทันที่ซูโย่วอี๋จะพูดจบ มีเสียงร้องด้วยความตื่นตระหนกดังขึ้นมาไกล ๆ จากด้านล่าง “ออกไป พวกแกมันคนไม่ดี”
“อย่ามาโดนตัวฉัน”
เสียงของหยินหยิน!
ในเวลาเดียวกันนี้ เครื่องวิทยุของเจ้าหน้าที่เหลียงก็ส่งข่าวออกมา “พวกเราหาซูหยินเจอแล้วครับ”
สีหน้าของฮัวจิงเปลี่ยนไปทันที ซูหยินอยู่ใน… บ้านตระกูลฮัวจริง ๆ!
ซูโย่วอี๋ไม่สามารถระงับความดีใจของเธอได้อีกต่อไป เธอเข้าไปในห้องใต้ดิน จนไม่ได้สังเกตเลยว่าคำพูดที่ซูหยินพูดออกมานั้นมันไม่สมกับนิสัยของเพื่อนสาวคนนี้เลย
บันไดแคบและชัน จุดตรงกลางช่วงหนึ่งมืดจนไม่สามารถมองเห็นทางเดินได้ ซูโย่วอี๋ต้องเอามือจับกำแพงเอาไว้จึงจะสามารถเดินต่อไปได้ มีเสียงฝีเท้าดังตามมาจากด้านหลังของเธอ
พอหันหน้ากลับไปมอง ก็พบว่าเป็นกู่อวี๋เฉิง พวกเขามาถึงแล้ว
เสียงของซูโย่วอี๋สั่นเล็กน้อย “ฉันได้ยินเสียงของหยินหยินแล้ว เธออยู่ในนี้”
“อืม ผมรู้” เสียงของกู่อวี๋เฉิงแหบแห้ง
“พวกเขาเจอตัวเธอแล้ว”
ลงไปถึงใต้ดิน มีหลอดไฟทรงเก่า ๆ แขวนอยู่ตรงกลาง ซึ่งส่องสว่างอยู่ในห้องที่ถูกฝังอยู่ใต้ดินนี้
ยังไม่ทันได้ตรวจสอบดูอย่างละเอียด หัวหน้าทีมการค้นหาก็เดินเข้ามา “เจ้าหน้าที่เหลียง ซูหยินอยู่ที่นี่ครับ”
นิ้วมือของเขาชี้ไปยังมุมห้อง “แต่อารมณ์ของเธอดูไม่ค่อยปกติ”
ซูโย่วอี๋ทำท่าทางรับรู้ อะไรคืออารมณ์ไม่ปกติ?
เธอค่อย ๆ ก้าวเดินเข้าไป การก้าวเท้าสั้น ๆ นี้ราวกับเธอกำลังใช้เวลาทั้งชีวิต
เจ้าหน้าที่ตำรวจมารวมตัวกันอยู่ที่หน้าประตู ซูโย่วอี๋มองเห็นไม่ชัดว่าหยินหยินอยู่ตรงไหน
แต่พอเห็นว่าเธอกำลังเดินมา เหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจก็รีบเปิดทางให้เธอ
ในที่สุดเธอก็เห็นหยินหยินแล้ว
ซูหยินผอมโซมาก ผอมจนเหลือแต่กระดูก เส้นผมที่เคยเรียบสวยและยาวถึงเอวถูกตัดสั้นจนกุดดูไม่สม่ำเสมอ
ส่วนที่ขาดของนิ้วก้อยมือขวากลายเป็นสีดำ
ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ก็ยิ่งได้กลิ่นเหม็นสาบ
เธอขดตัวอยู่ที่มุมห้องและหลบสายตา ปากก็เอาแต่พูดออกมา “พวกคนเลว พวกแกจะฆ่าฉัน”
กู่อวี๋เฉิงเป็นคนแรกที่ก้าวเข้าไปก่อน เขาคุกเข่าลงตรงหน้าเธอ “ซูหยิน”
เหล่าผู้คนที่อยู่ด้านหลัง ไม่มีใครเห็นใบหน้าอันซีดเซียวของเขา
เหมือนซูหยินจะไม่ได้ยิน
กู่อวี๋เฉิงจับมือของเธอเอาไว้ แต่ซูหยินพยายามดิ้นรนอย่างแรง “ปล่อยฉัน แกมันคนเลว แกจะฆ่าฉัน”
เธอทั้งต่อยทั้งเตะและถีบกู่อวี๋เฉิง
แต่กลับไม่มีแรงเลยแม้แต่น้อย
ดวงตาของกู่อวี๋เฉิงเศร้าหมอง เขาค่อย ๆ ปล่อยมือออกช้า ๆ และปล่อยให้เธอทุบตีเขา
น้ำตาของเขาหยดลงบนมือของซูหยิน เธอรีบชักมือกลับไปในทันที และถอยหลังไปด้วยความหวาดกลัว “แกทำร้ายฉัน นี่ไม่ใช่ความผิดของฉัน”
“แกร้องไห้ทำไม”
หัวหน้าทีมขมวดคิ้ว “เจ้าหน้าที่เหลียง ซูหยินกำลังคลุ้มคลั่ง ให้เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่ตามมาด้วยฉีดยากล่อมประสาทให้เธอสงบลงดีไหมครับ?”
เจ้าหน้าที่เหลียงส่ายหน้า “รอดูไปก่อน”
ซูหยินไม่ได้ตั้งใจที่จะทำร้ายใคร เธอแค่ปกป้องตัวเองจากคนที่จะเข้ามาใกล้ ถ้าไม่ใช่ทางเลือกสุดท้ายจริง ๆ เจ้าหน้าที่เหลียงไม่อยากฉีดยาให้เธอ
ซูโย่วอี๋เดินเข้าไปข้าง ๆ ซูหยินราวกับว่าไม่ได้โอบกอดความหวังอะไรไว้อีกแล้ว “เธอยังจำฉันได้ไหม?”
เมื่อได้ยินเสียงนั้น ซูหยินนิ่งไปก่อนจะหันสายตามองไปทางหญิงสาว ความสงสัยปรากฏขึ้นมาในดวงตา
หลังจากนั้นเธอก็ยกมือขึ้นลูบใบหน้าของซูโย่วอี๋
กระดูกนิ้วก้อยที่ขาดไปทำให้แก้มของซูโย่วอี๋เปื้อนเลือด
ซูหยินรีบใช้มือเช็ดให้เธอ “โย่วอี๋…ทำไมเธอถึงบาดเจ็บได้ล่ะ?”
เสียงเรียกอันคุ้นเคยดังขึ้น ซูโย่วอี๋อดไม่ได้ที่จะกอดซูหยินและร้องไห้ด้วยความทุกข์ทรมาน
“หยินหยิน ขอโทษนะ”
ฉันมาช้าเกินไป
มาช้าเกินไปมาก ๆ
ซูหยินไม่รู้ว่าเธอร้องไห้ทำไม แต่ดวงตาของตัวเองก็เริ่มรื้นตามไปด้วย
เธอลูบลงที่หลังของซูโย่วอี๋ครั้งแล้วครั้งเล่า “อย่าร้อง”
“ฉันจะช่วยเธอจัดการกับมันเอง”
พูดจบก็จ้องมองไปยังกู่อวี๋เฉิงด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว “คุณรังแกเธองั้นเหรอ? คนเลวอย่างคุณ ฉันจะตีให้ตายเลย”
“ออกไปไกล ๆ เลยนะ ไอ้คนเลว”
ซูโย่วอี๋ลุกขึ้นยืน “หยินหยิน กลับบ้านกับฉันนะ ตกลงไหม?”
ดวงตาของซูหยินแสดงถึงความลังเล “เธอจะไปไหน ไปข้างนอกไม่ได้นะ มีคนเลวอยู่”
พูดจบก็ทำท่าราวกับกลัวว่าเธอจะวิ่งหนีไป “ฉันมีขนมสายไหมแสนอร่อยด้วยนะ เธออย่าไปเลย”
ซูหยินนอนลงกับพื้นและทำท่าคลำหาอยู่สักพัก เธอหยิบก้อนสำลีสีขาวขึ้นมาด้วยความดีใจ “ดูสิ ฉันหาเจอแล้ว อร่อยมากเลยนะ”
เธอส่งสำลีให้กับซูโย่วอี๋ “เธอกินสิ”
ซูโย่วอี๋อ้าปากและงับมันเข้าไป “อืม อร่อยจริงด้วย”
“ข้างนอกมีที่อร่อยมากกว่านี้อีก เธออยากกินไหม?”
ซูหยินกำลังครุ่นคิด ผ่านไปสักพักเธอจึงพยักหน้า “อยากกิน”
ซูโย่วอี๋เกลี้ยกล่อม “พวกเรากลับบ้านกันนะ”
อยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต ไม่แยกจากกันอีก
ซูหยินลุกขึ้นยืนตามเธอ แต่พอลุกขึ้นก็รู้สึกวิงเวียนจนล้มลงไป ดีที่กู่อวี๋เฉิงมือไวเข้าไปกอดเธอเอาไว้ได้ทัน
“ปล่อยฉัน ไอ้คนเลว!”
“ฉันเกลียดแก”
กู่อวี๋เฉิงส่งตัวซูหยินให้ซูโย่วอี๋ และค่อย ๆ เดินออกไป
ซูหยินจับมือของซูโย่วอี๋เอาไว้แน่น พลางเฝ้ามองตำรวจที่อยู่ข้าง ๆ อย่างระแวดระวัง
เดินมาถึงหน้าบันไดอย่างยากลำบาก เจ้าหน้าที่เหลียงพูดขึ้น “คุณซู ร่างกายของซูหยินไม่สามารถเดินขึ้นไปได้ไหวหรอกครับ”
พวกเขาจำเป็นต้องหาคนมาแบกหรือไม่ก็มาอุ้มเธอขึ้นไป
เพียงแต่ว่าตอนนี้ แม้แต่ว่าที่สามีของซูหยินอย่างกู่อวี๋เฉิงเองเธอก็จำไม่ได้เลย จะมีใครสามารถเข้าใกล้เธอได้อีก?
ขณะที่กำลังคิดเรื่องการฉีดยาเพื่อให้ซูหยินหลับไป ก็เห็นซูโย่วอี๋ก้มตัวลง “หยินหยิน ขึ้นมา”
ซูหยินยิ้มอย่างมีความสุขและเอามือลูบที่หัวของเธอ “อ่า เธอเตี้ยแล้วลงนะ”
หลังจากนั้นก็ทิ้งตัวลงบนหลังของเธอ
ซูโย่วอี๋เคยเรียนการต่อสู้อย่างการชกมวยในระบบ ทำให้พลังของเธอมีมากกว่าหญิงสาวทั่ว ๆ ไป
เธอค่อย ๆ ก้าวเข้าใกล้แสงอาทิตย์จากด้านนอกมากขึ้นเรื่อย
ซูหยินรู้สึกสนุกมาก เธอเข้าไปใกล้ ๆ คอของซูโย่วอี๋ “หอมจัง”
จนมาถึงพื้นซูโย่วอี๋ปล่อยซูหยินลง เธอมองดูทุกอย่างรอบ ๆ ตัวด้วยความรู้สึกที่แปลกใหม่
เจ้าหน้าที่เหลียงสั่งให้คนรีบเข้าไปปิดห้องเครื่องมือในทันที “คุณฮัว เราเจอตัวคนในบ้านคุณ ต้องรบกวนเชิญคุณไปสถานีตำรวจกับพวกเราด้วยครับ”
ฮัวจิงจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีลักพาตัวนี้ด้วยไหม ก็คงจะต้องรอการตรวจสอบก่อน
“คุณซู พาตัวซูหยินไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลก่อน รถตำรวจจะพาไปส่งเอง จากสภาพจิตใจของซูหยินในตอนนี้ ส่วนเรื่องการบันทึกคำให้การณ์ พวกเราจะไปที่โรงพยาบาลหรือไม่ก็รอให้เธออาการดีขึ้นก่อนแล้วค่อยดำเนินการ”
ซูโย่วอี๋ถอดเสื้อคลุมออกแล้วคลุมไปบนร่างของซูหยิน ก่อนจะพาเธอเดินออกไปทางประตูใหญ่
คิดไม่ถึงว่าทันทีที่ประตูใหญ่เปิดออก กลุ่มนักข่าวที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนก็พุ่งเข้ามาล้อมรอบตัวพวกเธอไว้
ไมโครโฟนและกล้องพุ่งตรงไปที่ใบหน้าของซูหยิน
ซูหยินกลัวจนตัวสั่นและพูดขึ้นซ้ำ ๆ ไปมา “กลัว ๆ ฉันอยากกลับไป”
ซูโย่วอี๋คว้ากล้องมาจากคนที่ใกล้ที่สุดและโยนลงพื้น “ใครหน้าไหนมันกล้าถ่ายอีกก็ลองดู ไสหัวออกไปให้หมด!”
ดวงตาดุร้ายนั้นทำให้เหล่านักข่าวนิ่งไปและมองหน้ากัน
พวกตำรวจอาศัยจังหวะนี้รีบเข้ามากันนักข่าวให้ออกมา
“ห้ามถ่ายภาพ คนที่ถ่ายภาพอีกจะถูกส่งตัวไปสถานีตำรวจในข้อหาละเมิดความเป็นส่วนตัว” เจ้าหน้าที่เหลียงตะโกนขึ้นมา
เหล่านักข่าวยุติทุกอย่างลง แต่ละคนลดอุปกรณ์ในการสัมภาษณ์ต่าง ๆ ลงไป แต่ยังไม่ยอมจากไปไหน
ซูโย่วอี๋หมุนตัวและโอบไหล่ซูหยินเอาไว้ “ไม่เป็นไรแล้ว ไปกันเถอะ”
จนกระทั่งพวกเธอขึ้นไปบนรถตำรวจ ซูหยินจึงค่อย ๆ สงบลง เพียงแต่จะต้องรั้งตัวซูโย่วอี๋เอาไว้ ไม่เช่นนั้นก็จะนั่งอยู่ไม่สุข
ก่อนที่คนขับรถจะออกรถไปนั้น ซูโย่วอี๋ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปเรียกเจ้าหน้าที่เหลียงมา “เจ้าหน้าที่เหลียง รบกวนคุณช่วยยึดอุปกรณ์ทั้งหมดของคนพวกนั้นมาให้หน่อยนะคะ ต้องจ่ายค่าชดใช้ให้เท่าไหร่ก็บอกฉันมาได้เลย”
“ได้ครับ”
ประตูรถปิดลง คนขับรถมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลเอกชน
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหนื่อยมากเกินไปหรือเปล่า ซูหยินค่อย ๆ พิงไปบนตัวของซูโย่วอี๋และหลับไป
กู่อวี๋เฉิงและเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงอีกสองคนนั่งไกลห่างออกไป ไม่กล้าเข้ามาใกล้เลยแม้แต่น้อย
ที่โรงพยาบาลเอกชนนั้นเงียบสงบ จึงมีพวกพนักงานที่ว่างอยู่ทั้งแผนกต้อนรับ การตรวจอาการและการตรวจร่างกายดำเนินการอย่างรวดเร็ว ประหยัดเวลามาก
ซูหยินดูประหม่าตลอดเวลา แต่ซูโย่วอี๋คอยปลอบเธออยู่ตลอด “ฉันอยู่นี่”
“ไม่ต้องกลัวนะ”
“อีกแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว”
“อีกเดี๋ยวพวกเราไปซื้อสายไหมกินกันนะ”
พอตรวจอย่างอื่นเสร็จจนหมด พยาบาลก็เข้ามาพร้อมเครื่องมือเจาะเลือดของซูหยิน ทันทีที่พยาบาลหยิบเข็มฉีดยาขึ้นมา ซูหยินดูตื่นเต้นมาก “ฉีดยา ฉันชอบฉีดยามากที่สุดเลย”
เธอถกเสื้อขึ้นอย่างชำนาญ เผยให้เห็นช่วงแขนขาวราวหิมะที่เต็มไปด้วยรอยเข็ม
พยาบาลตกใจมาก “นี่มันอะไรคะ?”
พอมองไปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เฝ้าอยู่หน้าประตูก็ราวกับว่าเข้าใจทุกอย่างแล้ว เธอไม่ได้ถามอะไรอีก พอเจาะเลือดเสร็จก็ออกไปทันที
ตอนนี้เหลือเพียงการตรวจอย่างสุดท้าย คือการตรวจภายใน
การตรวจสำหรับซูหยินในตอนนี้นั้น แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะตรวจได้ในตอนที่เธอยังตื่นอยู่
สุดท้ายก็ยังต้องฉีดยาเพื่อให้เธอหลับไป
ซูโย่วอี๋และกู่อวี๋เฉิงรอผลตรวจอยู่ด้านนอก
ในช่วงเวลานี้ ไม่มีใครรู้ว่าผลการตรวจจะออกมาเป็นอย่างไร
หลายนาทีต่อมา คุณหมอผลักประตูออกมาเรียกพวกเธอทั้งสองคนเข้าไปด้วยสีหน้าจริงจัง
“คุณซู คุณกู่ ร่างกายภายในของคุณซูไม่มีคราบอสุจิตกค้างอยู่ แต่มีร่องรอยความเสียหายอยู่ในบริเวณจุดซ้อนเร้น พวกเราไม่สามารถสรุปได้ว่าคุณซูหยินถูกล่วงละเมิดมาก่อนหรือเปล่า”
ความเสียหาย…
สีหน้าของซูโย่วอี๋ขาวซีด แม้ว่าจะทำใจเตรียมรับกับผลร้ายมากที่สุดมาแล้ว แต่พอได้ยินเข้าจริง ๆ ก็ยังคงรู้สึกใจสลายมากอยู่ดี
เธอพยายามใจเย็น “จะบอกว่ามีความเป็นได้สูงมากว่าหยินหยินไม่ได้ถูก…”
“ใช่ค่ะ มีการกระทำรุนแรงหลายอย่างที่อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อช่องคลอด แนะนำว่าหลังจากนี้หนึ่งเดือน ให้ตรวจร่างกายของคุณซูหยินอีกรอบว่าเธอตั้งครรภ์หรือไม่ และสามารถทานยาคุมฉุกเฉินได้ตั้งแต่ตอนนี้เลย ไม่เช่นนั้นยาอาจจะไม่มีผล”
“แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้เป็นสถานการณ์เร่งด่วน ถ้าหากว่าคุณซูหยินไม่ได้ถูกล่วงละเมิด มาตรการเหล่านี้ก็เป็นเพียงการป้องกันเท่านั้น”
คุณหมอหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง “ยังมีอีกเรื่อง จากรอยเข็มที่มือของคุณซูหยิน เธอถูกฉีดยาเสพติดจำนวนไม่น้อยมาสักระยะหนึ่งแล้ว ฉันคิดว่าเธอจะเริ่มมีอาการติดยา”
“ทางที่ดี พวกคุณควรรีบส่งตัวเธอไปสถานบำบัดให้เร็วที่สุด”
กู่อวี๋เฉิงตอบกลับ “ครับ”
เขารีบติดต่อสถาบันการแพทย์ที่ทำงานร่วมกับศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาในทันที จากนั้นทางโรงพยาบาลรีบส่งรถมารับอย่างรวดเร็ว