บทที่ 244 ออกโรง
หลังจากที่ท่านเหล่าโหวกลับมาพักที่จวน กู้เฉิงเฟิงก็แทบไม่ได้ออกไปเริงร่าข้างนอกอีกเลย

วันนี้ท่านเหล่าโหวมีงานสังสรรค์ข้างนอกพอดี กู้เฉิงเฟิงจึงใช้โอกาสนี้แอบออกไปทำภารกิจลับเพื่อหาเงินเก็บที่เจ้ากู้เฉิงหลินเอาไปใช้จนหมดเกลี้ยง

ครั้งก่อนหน้ากากที่เขาเคยสั่งทำไว้ดันถูกกู้เจียวขโมยไป ก็เลยต้องทำอันใหม่ขึ้นมา

หน้ากากนั้นถูกประดับด้วยอัญมณีสีดำเงาและขนนกยูง ดูลึกลับและดูน่าค้นหาในคราวเดียวกัน

กู้เฉิงเฟิงพอใจกับหน้ากากอันใหม่มากจนรู้สึกว่าวันนี้จะต้องเป็นวันที่ดีแน่ๆ !

ขณะที่กู้เฉิงเฟิงกำลังยืนใส่หน้าอยู่หน้ากระจก จู่ๆ ก็มีเงาดำปรากฏขึ้น “อ๊าก!”

เงานั้นกำลังจ้องไปที่หน้ากากใหม่ของเขา พลางยิ้มมุมปาก

กู้เจียวคว้าหน้ากากอันใหม่ แล้วโยนอันเก่าทิ้งลง ก่อนจะหยิบขึ้นมาใส่

“โอ้ ดูดีเชียว”

กู้เจียวพอใจกับหน้ากากอันใหม่

กู้เฉิงเฟิงนึกในใจ ก็ต้องดูดีสิ! รู้ไหมว่าเขาเสียเงินไปตั้งเท่าไหร่!

“เจ้ามาทำอะไรที่นี่” กู้เฉิงเฟิงมองด้วยความรังเกียจ

เจ้าเด็กนี่นับวันยิ่งพูดจาไม่รู้เรื่อง เห็นจวนของเขาเป็นอะไรกัน ถึงได้เข้าๆ ออกๆ ตามอำเภอใจแบบนี้!

“ก็เจ้าจะทำภารกิจไม่ใช่เหรอ ข้าก็มีภารกิจให้มาให้เจ้าอย่างไรเล่า” กู้เจียวเอ่ยตอบพลางกำลังชื่นชมความงามของหน้ากาก

กู้เฉิงเฟิงนึกย้อนไปตอนที่เขาเสี่ยงชีวิตเปลี่ยนกระดาษคำตอบแต่สุดท้ายได้ค่าตอบแทนมาแค่สลึงเดียว “ไม่เอาหรอก!”

“ค่าตอบแทนอย่างงามเลยนะ” กู้เจียวหันไปมองเขาในกระจก

เหอะ เชื่อก็บ้าแล้ว

“ไม่เอาด้วยหรอก” กู้เฉิงเฟิงกลอกตามองบน

กู้เจียวครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนจะยื่นตั๋วเงินออกมาหนึ่งใบ

กู้เฉิงเฟิงหรี่ตามอง แม้ข้างในจะเริ่มหวั่นไหว แต่เขากลับเอ่ยพูดออกไปว่า “เงินแค่นี้ไม่พอหรอก”

กู้เจียวก็เลยหยิบตั๋วเงินออกมาอีกหนึ่งใบ

กู้เฉิงเฟิงยื่นมือออกไป แล้วกางนิ้วทั้งห้าออก “อย่างน้อยต้องได้เท่านี้”

“อ้่อ ก็ได้” กู้เจียวจึงหยิบตั๋วเงินออกมาอีกสามใบ

นี่นางว่าง่ายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

กู้เฉิงเฟิงไม่อยากเชื่อเลยว่าเป็นความจริง เขาหยิบตั๋วเงินขึ้นมาแล้วพลิกไปมาเพื่อดูให้แน่ใจว่าไม่ใช่ของปลอม ก่อนจะมองคนตรงหน้าอย่างแปลกใจ: “อย่าบอกนะว่าจะให้ข้าไปสังหารคนน่ะ”

กู้เจียวเอียงคอมองเขา “อืม…ได้ไหม”

“ได้ที่ไหนกันเล่า!!” กู้เฉิงเฟิงโต้กลับ

เขาเป็นโจรนะ ไม่ใช่นักฆ่า เขาขโมยแต่ของ ไม่ฆ่าคน เว้นเสียแต่มีคนต้องการจะฆ่าเขา ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

สรุปก็คือเขาไม่รับงานแบบนี้

“เช่นนั้นก็ตามใจ” กู้เจียวยักไหล่แบมือ

“เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่” กู้เฉิงเฟิงได้แต่คิดสงสัยว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ

“ข้าอยากขโมยของน่ะ” กู้เจียวเอ่ย

ตอนที่อวี้ชินอ๋องมาหานางที่โรงหมอก็ไม่ได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง นางรู้เรื่องราวมาอีกทีจากเว่ยกงกง เรื่องมีอยู่ว่า อวี้ชินอ๋องได้ให้กำเนิดพระโอรสน้อย แต่ด้วยความที่เป็นครรภ์ไม่สมบูรณ์ พระโอรสน้อยลืมตาดูโลกได้แปปเดียวก็เป็นอันจากไป ภายหลังอวี้ชินอ๋องจึงทำพิธีฝังศพให้เขา

เว่ยกงกงยังเล่าต่อว่า ตอนนั้นมีความเป็นไปได้อยู่สองอย่าง อย่างแรกคือทารกตายหลังจากเกิด และสองทารกนั้นตายตั้งแต่อยู่ในครรภ์แล้ว

ด้วยความที่เรื่องนี้ไม่ค่อยมีใครรู้ เพราะเป็นเรื่องน่าสลดใจ

กู้เฉิงเฟิงครุ่นคิดอยู่พักนึง ก่อนจะเอ่ยถาม “ดังนั้น ที่พวกเขาบอกมาก็คือ เด็กคนนั้นยังไม่ตาย มีคนขุดร่างของเขาขึ้นมาแล้วช่วยเหลือเอาไว้ได้ แล้วเด็กคนนั้นดันเป็นน้องชายของเจ้า เจ้าเณรน้อยคนนั้น แล้วคนที่จะมารับตัวเขาไปคือใครกัน”

กู้เจียวเอ่ยด้วยเสียงเรียบๆ “อวี้ชินอ๋องและอ๋องเฟยน่ะ”

กู้เฉิงเฟิงสูดปากจนรู้สึกเสียวฟัน

กะแล้วเชียวว่าต้องเป็นเรื่องแน่ๆ !

เล่นถึงขั้นอวี้ชินอ๋องแห่งแคว้นเหลียงเลยหรือ!

นี่เขากำลังจะกลายเป็นโจรข้ามแคว้นแล้วสินะ!

“โจรที่ไม่อยากเป็นโจรข้ามแคว้นก็คือโจรที่ไม่ได้เรื่องนะ” กู้เจียวเอ่ย

กู้เฉิงเฟิง “…”

“ข้าไม่เอาด้วยหรอก” เห็นได้ชัดว่ามันอันตรายเกินไป ถ้าโดนจับได้ขึ้นมามีหวังตายสถานเดียว

“ข้าจะเพิ่มเงินให้อีกห้าร้อยตำลึง” กู้เจียวนิ่งอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยต่อ “แถมค่ารักษาหัวล้านให้น้องชายเจ้าด้วย”

กู้เฉิงเฟิง “…”

นับตั้งแต่ครั้งที่เสี่ยวจิ้งคงโกนผมครึ่งหัวให้กู้เฉิงหลิน จนวันนี้ ผมของเขายังไม่มีท่าทีจะงอกขึ้นมาใหม่เลย และเพื่อให้ทั้งหัวศีรษะดูไปด้วยกันได้ เขาก็เลยตัดสินใจโกนอีกครึ่งหนึ่งทิ้งไป แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าตรงที่เคยให้เสี่ยวจิ้งคงโกนมันจะงอกขึ้นมาแต่อย่างใด

มือเจ้าเด็กนั่นเป็นมือที่ปลุกเสกแล้วหรืออย่างไรกัน!

ในที่สุด กู้เฉิงเฟิงก็กัดฟันรับภารกิจครั้งนี้!

ทั้งสองคนค่อยๆ ย่องออกมาจากจวนโหว

อันที่จริงกู้เฉิงเฟิงยังคงวิตกกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ระหว่างทาง เขาได้คิดหาวิธีต่างๆ มากมาย เช่น ขอให้กู้เจียวไปถามท่านเหล่าโหว แล้วให้ท่านเหล่าโหวไปปรึกษากับฮ่องเต้อีกที

แต่พอมาคิดๆ ดูแล้ว ท่าทีของอวี้ชินอ๋องแข็งกร้าวขนาดนั้น ให้ฮ่องเต้ฉีกความสัมพันธ์ของทั้งสองแคว้นลงเพราะแค่เด็กคนเดียว อย่างไรก็มีแต่เสียกับเสีย

แคว้นเจาไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะต้องมาทรยศต่อแคว้นเหลียง ต่อให้แคว้นเจามีสิ่งประดิษฐ์ที่ดีกว่าใหม่กว่าแคว้นเหลียงก็ตาม

คนตาดำๆ ไม่ผิดหรอก แต่ผิดที่ครอบครองของมีค่าไว้ต่างหาก แคว้นเจามิอาจเมินเฉยต่อเรื่องนี้ได้ เพราะไม่อย่างนั้น เรื่องราวอาจบานปลานไปถึงขั้นที่ว่าแคว้นอื่นๆ มาร่วมวงด้วย

ดังนั้นเรื่องนี้ จะต้องจัดการที่ต้นเหตุ ซึ่งก็คืออวี้ชินอ๋อง

แต่นั่นใช่เรื่องง่ายเสียที่ไหนกันเล่า

อวี้ชินอ๋องถึงขั้นเอาเครื่องหลอมแก้วมาล่อ ดูก็รู้ว่าเขาทุ่มเทมากแค่ไหน

ทั้งสองเดินทางด้วยวิธีลัดเลาะไปตามหลังคา กู้เฉิงเฟิงหันไปถามกู้เจียว “นี่ แล้วเจ้าไม่คิดจะให้เจ้าตัวเล็กไปอยู่กับพวกเขาหรือ”

ก็เจ้าเด็กนั่นออกจะน่ารำคาญ ถ้าเกิดเขามีน้องชายแบบนั้นล่ะก็มีหวังได้เป็นลมตายไปเสียก่อนแน่ๆ !

กู้เจียวถลึงตาใส่เขา “ถ้าไม่อยากตกหลังคาก็หุบปากเสีย”

กู้เฉิงเฟิงจึงไม่พูดอะไรต่อ

คืนนี้ จุดประสงค์ของพวกเขาชัดเจนมาก นั่นคือ ตามหาที่ฝังศพของเด็ก และดูว่าศพอยู่ที่เดิมหรือไม่

หากยังมีอยู่ แปลว่าเสี่ยวจิ้งคงไม่ใช่ลูกของพวกเขา

ทั้งสองมาหยุดยืนอยู่นอกกำแพงสวนหลวง กู้เจียวส่งสายตาให้กู้เฉิงเฟิง

เข้าไปสิ

กู้เฉิงเฟิงกำหมัดแน่น พลางนึกในใจ เหตุใดทุกครั้งจะต้องเป็นเขาที่มาทำเรื่องเสี่ยงตายแบบนี้ด้วยนะ

แน่นอนว่ากู้เจียวไม่ทำอยู่แล้ว นางถลึงตาและจุ๊ปากใส่กู้เฉิงเฟิง

กู้เฉิงเฟิงก็เลยต้องจำยอมกระโดดข้ามกำแพงสวนหลวงไป

สวนหลวงของราชสำนักได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา รอบๆ ตำหนักของอวี้ชินอ๋องถูกล้อมรอบด้วยทหารองครักษ์ของแคว้นเหลียงมากหน้าหลายตา แต่ถึงอย่างนั้น กู้เฉิงเฟิงยังคงสามารถแฝงตัวเข้าไปตำหนักได้โดยที่ไม่ถูกจับได้

เวลาสองเค่อผ่านไป สองเค่อ กู้เฉิงเฟิงถึงจะกลับมา

“เป็นอย่างไรบ้าง” กู้เจียวเอ่ยถาม

“หลุมศพตั้งอยู่ที่สุสานตงฉ่าวที่เฉิงหนาน”

“นำทางไปสิ” กู้เจียวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา

กู้เฉิงเฟิงมองค้อนนางหนึ่งที “เจ้าไม่คิดจะถามเลยหรือว่าข้าไปรู้มาได้อย่างไร”

“ไม่หรอก”

กู้เฉิงเฟิงที่อยากจะพูดโม้สักหน่อย “…”

เอาเถอะ จะถามหรือไม่ถาม เขาก็พูดอยู่ดี!

ยิ่งไม่ถาม เขาก็ยิ่งอยากเล่าให้ฟังสุดๆ ไปเลย!

“ข้าน่ะสังเกตที่รองเท้าของอวี้ชินอ๋อง แน่นอนว่าเขาเองก็ต้องเคยไปพิสูจน์ที่หลุมศพมาแล้วว่าเด็กคนนั้นไม่ได้ถูกฝังอยู่ในโลง ข้าก็เลยไปดูที่พื้นรองเท้าของอวี้ชินอ๋องและทหารคนสนิทของเขาอีกสองคน ก็พบกับรอยจากดินโคลนและตะไคร่สีแดง เจ้าอาจจะเคยเห็นแค่ตะไคร่สีเขียวใช่ไหม แต่ตะไคร่สีแดงน่ะหายาก แถมยังมีร่องรอยของใบซงเจินอีกด้วย พื้นที่ที่จะมีพืชเหล่านี้ได้ ก็ต้องเป็นสุสานตงฉ่าวที่เฉิงหนานเท่านั้น”

“อืม” กู้เจียวเอ่ยตอบ

อืมงั้นเรอะ

กู้เฉิงเฟิงนึกในใจ นี่เจ้าไม่คิดจะแสดงท่าทีตะลึงกับความฉลาดของข้าหน่อยหรือไร

สุสานตงฉ่าวตั้งอยู่ไม่ไกล ใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วยามก็เดินทางมาถึง

อวี้ชินอ๋องคงไม่อยากให้ใครมาพบสถานที่แห่งนี้ ดังนั้นเขาจงใจทำลายร่องรอยของที่เกิดเหตุก่อนจะจากไป แต่กระนั้นก็ไม่อาจเล็ดรอดจากสายตาของกู้เจียวและกู้เฉิงเฟิงได้

ทั้งสองพบเจอเบาะแสภายในเวลาอันรวดเร็ว

“ต้องเป็นแถวนี้แหละ”

กู้เฉิงเฟิงเอ่ยพลางมองไปรอบๆ

โดยทั่วไปแล้ว พื้นดินที่เคยถูกขุดหรือมีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้นจะมีสีแตกต่างออกไป ซึ่งแยกแยะได้ง่าย ทว่าพอทั้งสองมองไปรอบๆ กลับไม่พบความแตกต่างที่ว่านั้นเลยสักนิด

และในตอนนั้นเอง สายตาของกู้เจียวหยุดลงที่กองพุ่มไม้แห่งหนึ่ง

นางเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วกวาดเอาพุ่มไม้ที่กองอยู่ออก ก่อนจะเจอกับหินก้อนใหญ่

“เลื่อนหินออกทีสิ” กู้เจียวเอ่ย

กู้เฉิงเฟิงเดินเข้ามาแล้วยกก้อนหินนั้นออกอย่างสุดแรงเกิด

พอยกก้อนหินออกแล้ว เห็นได้ชัดเลยว่าดินบริเวณนี้ยังมีความสดใหม่อยู่

กู้เจียวยกตะเกียงขึ้น ก่อนจะหยิบที่ตักดินแล้วยื่นให้กู้เฉิงเฟิง “ขุดสิ”

กู้เฉิงเฟิงนึกในใจ นี่เห็นเขาเป็นแรงงานทาสหรืออย่างไร

กู้เฉิงเฟิงขุดหลุมอยู่พักใหญ่ ในที่สุดก็เจอกับหีบศพไม้ขนาดเล็กที่ฝังอยู่ในดินจนได้

กู้เฉิงเฟิงมองไปที่หีบศพ รีบกระโดดขึ้นมาข้างบนด้วยท่าทีหวาดกลัว “ข้า ขะ ขะ ขะ…ขุด ขุดให้แล้ว เจ้าทำต่อเลย!”

“เจ้ากลัวผีรึ” กู้เจียวเหล่ตามองเขา

กู้เฉิงเฟิงทำท่าขึงขัง “ใครบอกว่าข้ากลัวผีกัน ข้าเหนื่อยแล้วต่างหาก! เจ้าเล่นให้ข้าทำเองคนเดียวแบบนี้ ข้าก็เหนื่อยเป็นเหมือนกันนะ”

หึ หึ หึ โตขนาดนี้ยังกลัวผีอีกเรอะรึ

กู้เจียวกระโดดลงไป แล้วใช้กริชค่อยๆ งัดตะปูที่ตอกโลงขึ้นทีละเล่มๆ จนหมด กู้เฉิงเฟิงรีบเข้ามายืนหลบที่ด้านหลังกู้เจียว

กู้เจียว “…”

กู้เจียวเปิดฝาหีบศพออก ก่อนจะเอ่ยกับกู้เฉิงเฟิง “เจ้าดูนี่สิ”

กู้เฉิงเฟิงเบือนหน้าหนี “ไม่เอา!”

“ไม่ใช่แบบนั้น เจ้าดูก่อนสิ”

“ไม่เอา! ข้าไม่ดู! ให้ตายยังไงก็ไม่ดู!”

กู้เจียวจึงรีบคว้าตัวเขามาแล้วบังคับให้เขามองเข้าไปในโลงศพ

กู้เฉิงเฟิงพอเห็นดังนั้นก็ถึงกับนิ่งไป