บทที่ 304 พลังของถังหลี่

เมื่อถังหลี่รู้ว่านางจะไม่ได้เจอสามีของตนสักพักนางจึงเกาะติดเว่ยฉิงมากขึ้น

ชายหนุ่มอุ้มภรรยาไว้ในอ้อมแขนอย่างนุ่มนวล ทิ้งความกังวลทั้งหมดไป

หลังจากที่เขาและภรรยาได้ใช้เวลาด้วยกันอย่างสนิทสนม เว่ยฉิงจึงได้หายตัวไปในความมืด

ถังหลี่ไม่สนใจว่าจะต้องสูญเสียเงินมากเพียงใด นางกังวลถึงความปลอดภัยของซานเป่ามากกว่า ถังหลี่จึงเลือกที่จะอยู่บ้านกับลูกสาวแทนที่จะออกไปทำงาน ซานเป่าชอบออกไปเที่ยวเล่นและรอคอยทุกวันว่าเมื่อไหร่จะได้ออกจากบ้าน แต่เมื่อมีมารดาอยู่บ้านด้วย อีกทั้งบางครั้งยังมีตู้เสี่ยวไป๋มาคอยเล่นด้วย ทำให้ซานเป่าไม่เบื่อมากเกินไปนัก

สองสามวันผ่านไปไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น

จนกระทั่งคืนหนึ่งในวันที่ท้องฟ้ามืดครึ้ม ฝนทำท่าจะตก ไร้แสงจันทร์และแสงดาว มีร่างของคนกลุ่มหนึ่งลอบเข้ามาในบ้านสกุลเว่ยอย่างเงียบเชียบ

ครั้งนี้หัวหน้าพวกเขาสั่งให้ลักพาตัวบุตรสาวของสกุลเว่ยไป พวกเขารู้ดีว่าสกุลเว่ยมีผู้คุ้มกันมากฝีมือ จึงได้ทุ่มทั้งกำลังเงินและกำลังคนเป็นจำนวนมาก ถึงกับใช้ยอดฝีมือถึงหกคนเลยทีเดียว

ผู้คุ้มกันของสกุลเว่ยพบยอดฝีมือทั้งหกคนอย่างรวดเร็ว พวกเขาต่อสู้กันทันที ผู้คุ้มกันเองก็เป็นคนเก่งกาจเช่นกัน พวกเขาย่อมจัดการคนเหล่านั้นได้อยู่แล้ว

แต่อย่างไรก็ตามยังมีอีกหกคนที่ยังซ่อนตัวอยู่!

ภายใต้ค่ำคืนอันมืดมิด เงาสะท้อนของดาบและเสียงโลหะกระทบกันไปมา บ้างก็ฟาดฟันไปโดนผิวเนื้อจนมีกลิ่นคาวเลือดปะปนในอากาศ

การต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายยังคงดำเนินต่อไป ผู้คุ้มกันที่ต่อสู้จนได้รับบาดเจ็บค่อยๆ ล้มลงทีละคน แต่ถึงกระนั้นพวกเขายังจำคำสาบานที่ให้ไว้ว่าจะปกป้องจนตัวตายได้ แม้บาดแผลบนร่างกายจะเพิ่มขึ้นแต่ทุกคนก็ยังยืนหยัดที่จะต่อสู้ต่อ…

ภายในห้องนอน

ถังหลี่นอนกอดซานเป่าไว้ สองแม่ลูกหลับสนิท ทันใดนั้นเองถังหลี่ก็ลืมตาขึ้น นางได้ยินเสียงดาบกำลังกระทบกัน ที่ด้านนอกมีคนต่อสู้กันอยู่! ถังหลี่ลุกขึ้นแล้วปลุกบุตรสาว ซานเป่าขยี้ตามองมารดาด้วยความงุนงง

“ท่านแม่..”

“ซานเป่า ที่ด้านนอกมีคนไม่ดีอยู่ แม่อยากออกไปดู เจ้าต้องซ่อนตัวในตู้เสื้อผ้า…”

ในขณะที่พูดถังหลี่ก็แต่งตัวให้กับซานเป่าไปด้วย นางอุ้มเด็กหญิงไปไว้ในตู้เสื้อผ้ามอบมีดสั้นหนึ่งเล่มให้นาง

“ท่านแม่…” ซานเป่าจับมุมเสื้อของถังหลี่

“ท่านแม่ ท่านต้องปลอดภัยนะ”

ถังหลี่ลูบหัวบุตรสาว

“ไม่ต้องกลัว แม่จะรีบกลับมา”

นางปิดประตูตู้เสื้อผ้า หยิบหน้าไม้ที่ซ่อนอยู่ใต้เตียงแล้วเดินออกไปด้านนอก ถังหลี่เดินไปยังต้นเสียงของโลหะที่กระทบกัน

เมื่อออกมาจึงได้เห็นว่ามีคนกำลังปะดาบต่อสู้กันอยู่ มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดแปดคน ผู้คุ้มกันสองคนได้รับบาดเจ็บสาหัส หนึ่งในนั้นเลือดท่วมไปทั้งตัว ดาบเล่มหนึ่ีงกำลังพุ่งตรงไปยังผู้คุ้มกัน จากเงาที่สะท้อนบนดาบเห็นได้ว่าเขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดหรือสิบแปดปีเท่านั้น ใบหน้าของเขาไร้ซึ่งความหวาดกลัว มีแต่ความกล้าหาญเท่านั้น การเผชิญหน้าศัตรูครั้งนี้ต่อให้เอาชีวิตแลกเขาก็สู้ตาย!

ในขณะนั้นเองมีลูกธนูพุ่งตรงไปยังหน้าอกของศัตรู จนกระเด็นล้มไปกองที่พื้น เสียชีวิตทันที

ห้าคนที่เหลือหันมามองคนที่ยิงหน้าไม้ พบว่านางเป็นเพียงสตรีผู้หนึ่งเท่านั้น! ถังหลี่เผชิญหน้ากับคนทั้งห้าด้วยใบหน้าปราศจากความกลัว นางยกหน้าไม้ขึ้นอย่างรวดเร็ว ยิงลูกธนูเข้าไปฝังที่ท้องของคนเหล่านั้น สองคนพุ่งเข้าไปจะโจมตีถังหลี่ แต่นางสามารถหลบและโจมตีกลับชายทั้งสองคนได้อย่างรวดเร็ว ดาบตวัดวูบวาบฟาดฟันไปมา แต่ถังหลี่สามารถหลบได้อย่างง่ายดาย นางหลบไปมาสองสามครั้งก่อนที่จะกระโจนไปด้านหลังของชายผู้หนึ่ง ฟันศอกเข้าไปที่คอของชายคนนั้นทันทีจนเขาหมดสติล้มลง ชายที่เหลือยกดาบฟาดลงมาที่ถังหลี่ นางไม่หลบ กลับหยิบหน้าไม้ขึ้นยิงลูกธนูพุ่งไปปักที่อกของชายผู้นั้น เขาล้มลงขาดใจตายทันที

บนหลังคายังมีเหลืออีกสี่คน เป็นศัตรูสองและองครักษ์เงาอีกสองคน พวกเขาต่างจ้องถังหลี่อย่างตกตะลึง หญิงสาวกระโดดขึ้นไปบนหลังคาเห็นองครักษ์ที่ซ่อนอยู่สองคน นางร่วมมือกับองครักษ์เงาทั้งคู่โจมตีศัตรูที่เหลือสองคนอย่างรวดเร็ว ถังหลี่ถึงกับหอบเหนื่อย พลังปีศาจของนางฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว แต่ฝ่ายตรงข้ามเป็นยอดฝีมือเช่นกันจึงจัดการได้อย่างยากลำบาก โชคดีที่ในที่สุดก็ผ่านไปได้ด้วยดี

“เจ้าไปตามเจ้านายของเจ้ามา” ถังหลี่พูดกับองครักษ์เงาที่บาดเจ็บน้อยที่สุด เขาพยักหน้าก่อนจะหายไป มีคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสแทบจะลุกไม่ขึ้น

“เจ้าจะทำอะไร?” นางเห็นเขาพยายามยันกายลุกขึ้น

“นายหญิง ข้าจะทำความสะอาดศพให้ขอรับ”

พวกเขาได้รับการฝึกฝนมาให้ทำงานจนตัวตาย ส่วนชีวิตพวกเขามีค่าน้อยที่สุด

“เจ้าเสียเลือดมาก ให้ข้ารักษาให้เจ้าเถอะ” องครักษ์เงามองถังหลี่ก่อนถอยหลังไปไม่รู้ตัว

“มือของท่านจะเปื้อนเลือดขอรับ”

ถังหลี่ขมวดคิ้ว

“มือของข้าสำคัญกว่าชีวิตเจ้าหรือ?”

“มือของท่านมีสำคัญกว่ามากขอรับ”

องครักษ์เงาเหล่านี้เป็นคนสนิทของเว่ยฉิง เขารู้จักตัวตนที่แท้จริงของนางดี ถังหลี่เป็นเสมือนนายของเขาเช่นกัน

ถังหลี่ถอนหายใจ

“เจ้าจะไม่ฟังคำสั่งของข้าหรือ?”

คำสั่งของเจ้านายนั้นยิ่งใหญ่มากสำหรับพวกเขา ดังนั้นองครักษ์เงาจึงยืนอยู่นิ่งๆ ถังหลี่ปลดเสื้อผ้าของเขาออก บนร่างกายของชายคนนั้นมีบาดแผลหลายแห่ง มีเลือดออกจนน่ากลัว

ถังหลี่ฉีกเสื้อจากศพข้างๆ รักษาบาดแผลขององครักษ์เงาท่ามกลางความมืด ความเคลื่อนไหวของนางดูชำนาญเป็นขั้นตอน หลังจากที่พันแผลเสร็จไม่นานเลือดก็หยุด

เขาน่าจะรอดไปหาหมอได้

“ขอบคุณขอรับ…” องครักษ์เงาคนนั้นกล่าวขอบคุณ

ถังหลี่มองเด็กหนุ่ม เขาอายุราวๆ สิบเจ็ดหรือสิบแปดปีเท่านั้น อ่อนกว่านางเพียงเล็กน้อย หากเทียบตามยุคสมัยปัจจุบันแล้ว เด็กหนุ่มผู้นี้ยังเรียนหนังสืออยู่เลย แต่ตอนนี้ต้องมาเดินบนเส้นทางสีเลือด ราวกับแขวนชีวิตไว้บนเส้นด้าย…

“เจ้าต้องมีชีวิตรอดปลอดภัยเท่านั้นถึงจะรับใช้นายของเจ้าได้” ถังหลี่พูดกับเขา

องครักษ์เงาพยักหน้ารับคำ ดวงตาของเขาแน่วแน่

“ข้าน้อยสาบานว่าจะภักดีต่อนายท่านและฮูหยิน…” ถังหลี่ไม่อะไรพูดต่อ

นางปล่อยให้เขานอนพักก่อนจะเดินไปดูคนทั้งที่เหลือ

ผู้บุกรุกทั้งห้าคนเสียชีวิตหมดแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงคนเดียวเท่านั้นที่หมดสติไป ถังหลี่ถอดเข็มขัดสองเส้นจากศพข้างๆ มัดมือและเท้าของชายที่หมดสติไว้ รอให้เว่ยฉิงมาถึง

ไม่นานนักเว่ยฉิงก็มาถึงบ้านสกุลเว่ย

เขารีบเดินไปหาถังหลี่ เอื้อมมือสัมผัสนางไปทั่วทั้งตัว ก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อแน่ใจว่านางไม่ได้รับอันตราย

“สามี ข้าสบายดีไม่เป็นอะไร” ถังหลี่พูด นางชี้ไปที่ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว

“คนผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่ เราสามารถเค้นคำตอบจากเขาได้”

เว่ยฉิงมองชายที่สลบอยู่กับพื้น การสืบคดีเรื่องนี้ราวกับงมเข็มในมหาสมุทร แต่เมื่อจับคนในเครือข่ายลักพาตัวได้ย่อมทำให้เรื่องง่ายขึ้น

ภรรยาของเขาคือดาวนำโชคจริงๆ นางสามารถแก้ปัญหาให้เขาได้

เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน พวกเขาจึงไม่ได้พูดคุยกันมากนัก เว่ยฉิงรีบพาตัวผู้รอดชีวิตไปยังศาลาว่าการทันที โดยไม่ลืมที่จะสั่งให้องค์รักษ์เงาที่เหลือจัดการกับศพทั้งห้าคนนั้น

ถังหลี่กลับไปยังห้องนอน เปิดประตูตู้เสื้อผ้าและพบบุตรสาวของนางกำลังนั่งอยู่อย่างเชื่อฟังพร้อมกับทำตาโต เมื่อเห็นว่าเป็นมารดา เด็กหญิงกระโดดเข้าไปในอ้อมกอดของถังหลี่ทันที นางอุ้มซานเป่าออกมาจากตู้วางลงบนเตียง

“พวกคนเลวพวกนั้นโดนแม่จัดการแล้ว ไม่ต้องกลัวนะ” ถังหลี่ปลอบโยน

ซานเป่าพยักหน้า สูดจมูก ใบหน้าเล็กๆ ของนางเต็มไปด้วยความกังวล

“ท่านแม่มีกลิ่นเลือด”

“แม่สบายดี เลือดพวกนี้ไม่ใช่ของแม่”

เมื่อได้ยินว่าเลือดพวกนั้นไม่ใช่ของมารดาใบหน้านิ่วคิ้วขมวดของซานเป่าก็ผ่อนคลายลง ถังหลี่หันหลังเปลี่ยนเสื้อผ้าของตัวเองหลังจากนั้นจึงปีนขึ้นเตียงกอดเด็กน้อยไว้ในอ้อมแขน ซานเป่าถูไถใบหน้าของนางกับแขนมารดาผล็อยหลับไป

ถังหลี่จุมพิตเบาๆที่หน้าผากของลูกสาวน้อย นางวางใจคิดว่าเรื่องทุกอย่างจบลงแล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าฝันร้ายที่นางไม่ได้สัมผัสมานาน จะปรากฏขึ้นอีกครั้ง