บทที่ 303 สืบสวนคดี

เว่ยฉิงอ่านรายงานทั้งหมดของคดีทบทวนศึกษาอยู่หลายครั้งตลอดทั้งคืน

เช้าวันต่อมาเขาไปเยี่ยมบ้านของเหยื่อทั้งหมดทีละรายเพื่อค้นหาเบาะแสของคดี

ครอบครัวแรกที่เว่ยฉิงไปหาก็คือตระกูลจ้าว ตระกูลนี้อยู่ด้วยกันถึงหกชั่วอายุคน เมื่อบุตรหลานเพียงคนเดียวของตระกูลหายไปทำให้ทั้งครอบครัวตกอยู่ในความระส่ำระส่าย ผู้เฒ่าสองคนในตระกูลล้มป่วยลงทันที ส่วนนางจ้าวนั้นเมื่อยามที่นางได้สติก็จะพยายามออกไปค้นหาลูกชายทุกครั้ง

ดังนั้นนางจึงจำเป็นต้องดื่มยาคลายเครียดเพื่อให้นอนหลับพักผ่อนได้ ตอนนี้หัวหน้าตระกูลจ้าวดูราวกับอายุมากขึ้นเป็นสิบปีเลยทีเดียว เขานั่งหลังค่อมอยู่ตรงข้ามเว่ยฉิงอย่างไร้เรี่ยวแรง

“ในวันที่ลูกชายของท่านหายตัวไปมีอะไรผิดปกติหรือไม่?” เว่ยฉิงถาม

นายท่านจ้าวคิดอยู่ครู่หนึ่ง

“ไม่มีอะไรผิดปกติเลย วันนั้นข้าให้เยว่เอ๋อร์คัดตำราอยู่ในห้องหนังสือ แล้วข้าจึงออกไปข้างนอก จากนั้นเขาก็หายไป หากข้ารู้ว่าเขาจะหายไป วันนั้นข้าจะไม่ทิ้งให้เขาอยู่คนเดียวเลย!”

นายท่านจ้าวเสียใจมาก

“วันนั้นภรรยาของท่านพูดว่าได้เห็นชายสวมหน้ากากผีสองคนท่านได้เห็นเหมือนนางหรือไม่?” เว่ยฉิงถามต่อ

เขาส่ายศีรษะและกุมขมับ “ภรรยาของข้า…คงสับสนเล็กน้อย ครอบครัวข้ามีผู้คุ้มกัน ดังนั้นจึงยากที่จะบุกเข้ามาได้ ข้าไม่คิดว่าจะเป็นฝีมือของขโมย”

อย่างไรก็ตามช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเขาได้ตรวจสอบกับผู้รับใช้ทั้งหมดในบ้านแล้ว แต่ก็ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ เว่ยฉิงถามคำถามเขาอีกสองสามข้อเกี่ยวกับคดีทั้งหมด เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย และเว่ยฉิงกำลังจะกลับไป

“ใต้เท้าขอรับ”

นายท่านจ้าวเรียกเว่ยฉิง เมื่อชายหนุ่มหันกลับไปจึงเห็นว่านายท่านจ้าวคุกเข่าให้เขา

“ใต้เท้าได้โปรดช่วยตามหาบุตรชายของข้าด้วย ถ้าท่านทำให้เขากลับมาได้ ไม่ว่าท่านอยากได้อะไรข้าจะทำให้ท่านทุกอย่างตามท่านต้องการ” นายท่านจ้าวขอร้อง

ชายคนนี้ฝากความหวังทั้งหมดไว้ให้เจ้าหน้าที่

หานอี้ที่อยู่ข้างๆ เว่ยฉิงรีบไปช่วยประคองเขาขึ้นมา

“อย่ากังวลเลย นายท่านของข้าเก่งมากจะต้องหาตัวบุตรชายของท่านเจออย่างแน่นอน”

หานอี้พูดปลอบใจ เมื่อได้ยินเช่นนั้นนายท่านจ้าวจึงรู้สึกสบายใจขึ้น

ครอบครัวต่อไปที่เว่ยฉิงไปพบคือตระกูลเฉิน

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตระกูลเฉินนั้นค่อนข้างเลวร้ายกว่าตระกูลจ้าวมาก พวกเขาสูญเสียลูกแฝดไปทั้งคู่ เดิมทีครอบครัวนี้เปิดแผงขายเต้าหู้ ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่น หลังจากที่ลูกหายไป

เขาและภรรยาออกตามหาเด็กๆ ไปจนทั่ว ยอมกระทั่งขายบ้านทิ้ง ในระหว่างการค้นหานั้น สามีตกเขาและเสียชีวิตอย่างน่าเสียดาย ส่วนภรรยากลายเป็นคนเสียสติไป

เมื่อเว่ยฉิงไปถึงเขาเห็นฮูหยินเฉินกำลังคุ้ยหาอาหารในถังขยะกิน

“ต้าเป่าเอ๋อร์ เสี่ยวเป่าเอ๋อร์ของแม่ แม่กำลังหาอาหารให้พวกเจ้านะ อย่าร้องๆ”

“เด็กดี แม่ทำอาหารจะเสร็จแล้ว” ใบหน้าของนางแฝงไว้ด้วยความอ่อนโยนแม้จะดูสติไม่ค่อยเต็มนัก เว่ยฉิงเดินเข้าไปหา

“ฮูหยินเฉิน”

จู่ๆ ท่าทีของนางก็เปลี่ยนเป็นหวาดระแวง นางจ้องมองไปที่เว่ยฉิง

“ไปให้พ้น!! ข้าไม่ยอมให้เจ้าพรากลูกข้าไป!!”

หลังจากที่พูดจบนางก็นำท่อนไม้ทั้งสองอุ้มขึ้นหันหลังวิ่งหนีไป

เว่ยฉิงเห็นเช่นนั้นจึงไม่ได้ถามอะไรต่อ เขาเลือกที่จะไปบ้านช่างทาสีจางแทน ตั้งแต่ที่ลูกของพวกเขาหายไป ทั้งคู่ก็ไม่ได้ให้กำเนิดบุตรอีก พวกเขายังไม่ละทิ้งความหวังในการตามหาบุตรของตน

หลังจากสามีภรรยารู้ว่าทางการกำลังสืบสวนคดีนี้ ใบหน้าของคนทั้งคู่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ทั้งสองคนลงนั่งคุกเข่าที่พื้นก้มหัวขอร้องเว่ยฉิง

หลังจากที่ชายหนุ่มสอบถามเรื่องราวจากบ้านจาง เว่ยฉิงก็ไปยังบ้านของถังหยวนต่อ

ถังหยวนเว่ยมีลูกหลานหลายคน หลังจากที่สูญเสียบุตรชายไปและเขาได้ให้กำเนิดบุตรอีกหลายคนก็จริง แต่ไม่ว่าอย่างไรการหายตัวไปของเด็กคนหนึ่งย่อมทำให้ครอบครัวเสียใจมาก

“เรื่องมันก็ผ่านไปเป็นสิบปีแล้วไม่รู้ว่าตอนนี้ลูกของข้าจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ บางทีข้าก็ฝันว่าเขาโตแล้วกลับมาหาพวกเรา แต่ตื่นมาก็ไม่เจอเขา…” มารดาของเด็กยังคงโศกเศร้า

เว่ยฉิงเอ่ยถึงชายที่สวมหน้ากาก

“หน้ากากผี?! ใช่แล้วมีสาวใช้คนหนึ่งที่คอยดูแลลูกชายข้า นางเสียสติเอาแต่พูดเรื่องผี ไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องกันหรือไม่?”

นางพูดขึ้นมาเพราะสาวใช้คนนั้นเอาแค่พูดเรื่องผี จึงถูกมองว่าเสียสติ ไม่มีใครใส่ใจในเบาะแสนี้เลย เว่ยฉิงคิดว่าน่าจะมีความเกี่ยวข้องกัน เป็นคนที่ใส่หน้ากากผีใช่หรือไม่?

หลังจากเว่ยฉิงสอบถามพวกเขาแล้วจึงได้ออกจากตระกูลถัง

“นายท่าน พวกค้ามนุษย์พวกนั้นสมควรตาย!!” หานอี้พูดด้วยความโกรธพร้อมชกกำปั้นไปยังต้นไม้

ใบหน้าของเว่ยฉิงดูแย่เช่นกัน หากเป็นลูกๆ ของเขาหายไป เขาคงโกรธจนอยากจะฉีกกระชากไอ้พวกสารเลวพวกนั้นออกเป็นพันชิ้นเช่นกัน

เว่ยชิงต้องการไขคดีนี้ช่วยเด็กๆ กลับมาให้ได้ หลังจากที่เขาวิเคราะห์เก็บข้อมูลทุกอย่างที่ได้รับมาชี้ชัดแล้วว่า สาเหตุการหายตัวไปของเด็กเหล่านี้มาจากคนกลุ่มหนึ่งหรือบุคคลที่ใส่หน้ากากผีนั่นเอง บุตรของตระกูลจ้าวที่หายตัวไปเมื่อสองวันก่อนยังคงมีหลักฐานมากมาย เขาตรวจดูทั้งภายในและภายนอกของห้องหนังสือ จากเบาะแสที่ปรากฏทำให้เว่ยฉิงได้ข้อสรุปว่ามีคนแอบเข้าไปลักตัวเด็กถึงในบ้านตระกูลจ้าว คนผู้นี้ชำนาญมากเลยทีเดียว

เว่ยฉิงรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องมีเครือข่ายใหญ่อยู่เบื้องหลัง เขาส่งเหล่าเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบในทุกพื้นที่ตามเบาะแสที่ได้รับ แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถคว้าอะไรกลับมาได้เลย เส้นตายที่ใต้เท้าเหวินกำหนดเอาไว้ก็ใกล้เข้ามาแล้ว…

จวนสกุลเว่ย

ถังหลี่กำลังอ่านหนังสือภายใต้แสงเทียน จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านนอก ตาของนางสว่างขึ้นทันที นางเปิดประตูออกไป เห็นคนรูปร่างสูงใส่เสื้อคลุมสีดำมีสายรัดเอว เขาคือสามีของนางนั่นเอง

ถังหลี่ช่วยถอดเสื้อคลุมของเขาออก เห็นใบหน้าที่บึ้งตึงของเขา จึงรับรู้ได้ว่ามีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้น

“สามี มีปัญหาอะไรเกี่ยวกับคดีที่ทำหรือ?” ถังหลี่ถาม

ถังหลี่เขย่งตัวเอื้อมมือไปลูบศีรษะเขาเบาๆ เขาโน้มตัวลงมาให้นางลูบไล้ สายตาจับจ้องที่ใบหน้าสวยงามของถังหลี่ ลูกกระเดือกเขากลิ้งไปมา

“ฮูหยินเจ้าจูบปลอบใจข้าหน่อยเถิด”

ถังหลี่รู้ว่าสามีของนางทำงานหนักมาก นางจึงอยากเอาใจเขา หญิงสาวเขย่งจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากของเว่ยฉิง เมื่อนางทำท่าจะผละออก เว่ยฉิงก็รวบตัวถังหลี่เข้ามาในอ้อมแขน เขาจุมพิตที่ริมฝีปากของนางอย่างยาวนาน หลังจากจูบเสร็จ เว่ยฉิงจึงอารมณ์ดีขึ้น

ไม่ว่าจะเจอเรื่องยากลำบากเพียงใดมา หากได้เจอภรรยา เขาจะรู้สึกดีขึ้นทันที

“ฮูหยิน ช่วงสองสามวันนี้ เจ้าอย่าพาซานเป่าออกจากบ้านเลย ข้าจะทิ้งองครักษ์ไว้ที่บ้านสองคนเพื่อปกป้องเจ้ากับลูก”

ถังหลี่พยักหน้า

“สามี พวกค้ามนุษย์พวกนั้นมีฝีมือมากหรือ?” ถังหลี่ถามเว่ยฉิง เมื่อเห็นเขากังวลมาก

“มันมีเครือข่ายใหญ่อยู่เบื้องหลัง สืบย้อนหลังไปได้ถึงสิบห้าปีเลยทีเดียว” ในช่วงเวลาสิบห้าปีที่ผ่านมา มีเด็กถูกลักพาตัวไปกี่คน กี่ครอบครัวแล้วที่ต้องพลัดพรากจากบุตรหลาน บิดามารดากี่คนที่ต้องร้องไห้จมอยู่กับความทุกข์เช่นนี้ พวกค้ามนุษย์และลักพาตัวเด็กเหล่านี้ชั่วร้ายมาก หากเขาจับได้จะฉีกมันให้เป็นชิ้นๆ เลยทีเดียว!

“คนของข้าพบเบาะแสบางอย่าง แต่เวลากระชั้นชิดมากเกินไป ข้าอาจจะไม่ได้กลับบ้านสักพักใหญ่”

ใต้เท้าเหวินมอบคดีนี้ให้เขาทำภายในหนึ่งเดือน หากเขาทำสำเร็จภายในเวลาที่กำหนด ใต้เท้าเหวินจะชื่นชมเขาอย่างแน่นอน