ตอนที่ 162 เสื้อคลุมบุญตัวเล็ก (2)
องค์เง็กเซียนจะรู้สึกอย่างไรหรือไม่ เมื่อส่งบุญลงมาตรงๆ เช่นนี้?
เขาย่อมไร้ความสุขแน่นอน หากเหตุการณ์นี้ทำให้ตัวตนของเขาถูกเปิดเผย
ข้าควรจะคิดหาวิธีให้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เก็บพลังบุญเอาไว้ได้ชั่วคราว จากนั้นในอนาคต เมื่อเต๋าสวรรค์ให้เงินเดือนข้า ข้าก็จะกระจายมันออกไปที่ส่วนย่อยนี้…
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอย่างรวดเร็วขณะทำมุทราหยั่งรู้
หากจะมีลักษณะนิสัยพิเศษใดๆ ที่ไม่จำเป็นสำหรับมนุษย์ หลี่ฉางโซ่วก็คิดว่ามันคือความอยากรู้อยากเห็นมากเกินไป
เขาเตือนหวางฉีซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอย่าได้เผลอไปลองดื่มสุรามังกรพิษนั้นเข้า
ทว่าในเวลาไม่ถึงสิบสองชั่วยามนั้น ไม่คิดเลยว่า ศิษย์น้องหวางฉีผู้นี้…
ในวันที่สองของการเดินทางไปยังดินแดนเทวะมัชฌิมาขณะที่เรือสมบัติขับเคลื่อนไปข้างหน้าบนก้อนเมฆ ผู้บำเพ็ญบนเรือส่วนใหญ่ก็พบสถานที่ฝึกบำเพ็ญของตนเอง โดยไม่คำนึงถึงระดับฐานบำเพ็ญเพียรของพวกเขา หรือว่าพวกเขาจะแสร้งฝึกบำเพ็ญหรือไม่
เมื่อหลี่ฉางโซ่วมอบบุญให้ปราณวิญญาณของเขาแล้ว เขาก็แอบปลีกหนีจากโหย่วฉินเสวียนหย่าและพบมุมพักรอของเขา
ตอนที่เขาเพิ่งนั่งลง เขาก็หยิบกระดาษที่ประกอบขึ้นจากปราณวิญญาณของต้นไม้วิญญาณอ่อนวัยออกมา และเริ่มใช้นิ้วตัดมันอย่างระมัดระวัง จากนั้นหวางฉีที่โค้งงอร่างเอาไว้ ก็รีบมาหาเขา
ในเวลานี้ ระดับฐานบำเพ็ญเพียรของหวางฉีอยู่ในขอบเขตคืนกลับอนัตตาขั้นห้าแล้ว แต่ในขณะนั้น ศีรษะของหวางฉีร้อนผ่าวจนมีไอร้อนลอยขึ้นมา ใบหน้าแดงและดวงตาของเขาก็เปล่งประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ บัดนี้ เขามีท่าทีกังวลและสะกดกลั้นตัวเองอย่างมาก ชึ่งต่างไปจากท่าทีอิสระตามปกติของเขา
“ศิษย์พี่ฉางโซ่ว… ท่านมียาแก้พิษสุรานั้นหรือไม่ขอรับ? ข้าบังเอิญเผลอดื่มไปหนึ่งจอกขอรับ!”
หลี่ฉางโซ่วตะลึงงันโดยฉับพลัน
ช่วยไม่ได้แล้ว พาเขาไปเลย คนต่อไป
แต่แน่นอนว่าเขาย่อมไม่อาจพูดตรงๆ แบบนี้ออกไปดังๆ ได้ เพราะพวกเขาล้วนเป็นศิษย์ร่วมสำนักเดียวกัน
หลี่ฉางโซ่วจึงฝืนยิ้มขื่นแล้วกล่าวว่า “จะมียาแก้พิษสุรานี้ได้อย่างไร? ศิษย์น้องหวาง ข้าเตือนเจ้าหลายครั้งแล้ว เหตุใดเจ้าถึงยังทำอีกเล่า!?!”
“ข้าแค่อยากรู้…”.
ทันใดนั้น หวางฉีก็อดกระทืบเท้าเร่าๆ มิได้ขณะเอ่ยถามว่า “ศิษย์พี่ เช่นนั้น พวกเราควรทำอย่างดีขอรับ?”
“เจ้าและศิษย์พี่หญิงเยี่ยนเอ๋อร์ เป็นคู่บำเพ็ญเต๋ากันแล้วเรื่องนี้จึงไม่น่าจะยากถึงเพียงนี้”
ทว่าหวางฉีพลันกล่าวด้วยน้ำเสียงเบามากว่า “ท่านเจ้าสำนักและเหล่าผู้อาวุโสล้วนกำลังเฝ้าจับตามองดูอยู่ขอรับ!”
หลี่ฉางโซ่วเงียบงันทันที
เจ้ากำลังทำราวกับว่าเจ้าสำนักและเหล่าผู้อาวุโสล้วนอยากแอบดูเจ้าจริงๆ ค่ายกลป้องกันเคหาสนถ้ำที่เจ้าวางไว้ในสำนักเซียนย่อมสามารถแยกสัมผัสเซียนรับรู้ของพวกเขาเหล่านี้ออกไปได้จริงๆ!
หลี่ฉางโซ่วย่อมรู้อย่างแน่นอนว่าสัมผัสเซียนรับรู้ของเซียนเทียนระดับสูงนั้นทรงพลังแข็งแกร่งเพียงใด
ค่ายกลป้องกันที่ครอบคลุมอาคารสถานที่ต่างๆ ที่เขามอบหมายให้อาจารย์อาจิ่วจิ่วสร้างขึ้นนั้น ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก ซึ่งด้วยการสนับสนุนของเขาก็แทบจะต้านทานไม่ไหวด้วยซ้ำ…
แน่นอนว่าเขาไม่อาจกล่าวตรงๆ เช่นนี้ออกมาดังๆ ได้ เพื่อไม่ให้คู่บำเพ็ญเต๋าในสำนักไม่สบายใจ
หากเขาปล่อยให้เกิดภาพอนาจาร แล้วทำให้ศิษย์รุ่นเยาว์บางคนที่ชอบแสวงหาเรื่องตื่นเต้นเร้าใจและยังใจกล้า ต้องเกิดจิตราคะขึ้นในใจจนถึงขนาดพัฒนาจิตมารแล้วบ้าคลั่ง เช่นนั้น ย่อมก่อกรรมอันใหญ่หลวงยิ่งนัก
หลี่ฉางโซ่วกล่าวเสียงเบาว่า “ไยเจ้าไม่ไปขอความช่วยเหลือจากท่านเจ้าสำนักเพื่อช่วยขัดเกลาพลังหยางในร่างกายของเจ้าเล่า?
ท่านเจ้าสำนักย่อมเป็นห่วงศิษย์รุ่นเยาว์มาก นอกจากนี้ ต้องไปหาท่านเจ้าสำนักเพื่อขอความช่วยเหลือในเรื่องนี้คนเดียวเท่านั้น หากไปหาผู้อาวุโสท่านอื่นๆ เจ้าจะถูกลงโทษและดุด่าอย่างแน่นอน”
หวางฉีคิดอย่างถี่ถ้วนและพบว่าสมเหตุผลแล้วเช่นกัน
“ข้าทำให้ศิษย์พี่ฉางโซ่วต้องลำบากใจแล้ว!”
หวางฉีโค้งคำนับและทำการคารวะเต๋าให้พลางถอนหายใจในใจแล้วกล่าวว่า “ข้าจะไปขอพบท่านเจ้าสำนักเดี๋ยวนี้ หากเขาต้องการลงโทษ ข้าก็จะยอมรับมันขอรับ”
หลี่ฉางโซ่วพยักหน้าเบาๆ ศิษย์น้องฉีฉีผู้นี้ค่อนข้างมีความรับผิดชอบ หลังจากแอบดื่มสุรามังกรพิษ เขาก็ไม่ได้สร้างปัญหาให้คู่บำเพ็ญเต๋าของเขา
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วอดส่ายศีรษะไม่ได้ขณะที่มองดูหวางฉีรีบจากไปอย่างรวดเร็ว …
อันใดกันนี่?
โชคดีที่ข้าไม่ได้ให้โอสถปรารถนาแก่หวางฉี มิฉะนั้น หวางฉีจะไม่เพียงแค่ต้องโค้งงอร่างเฉกเช่นยามนี้เท่านั้น แต่เขาจะได้กอดเสาแล้วเต้นระบำบนเรือแทนแน่ๆ…
หลี่ฉางโซ่วหลับตาเพื่อพักสมองและเฝ้าระวังสังเกตการณ์ตามสถานที่ต่างๆ โดยรอบต่อไปในขณะที่ยังเพ่งความสนใจไปที่สถานการณ์ของหวางฉีด้วยเช่นกัน
บัดนี้ หลี่ฉางโซ่วได้พบเส้นทางหลบหนีที่เร็วที่สุดบนเรือสมบัติลำนี้แล้ว
หากถูกศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าจู่โจมเข้ามา เขาก็สามารถล่าถอยไปด้วยความเร็วสูงสุดแล้วเรียกกำลังเสริม…
เมื่อมีการล่าถอยเชิงกลยุทธ์ก็จะมีข้อแก้ตัวที่ชอบธรรม ซึ่งจริงๆ แล้ว นั่นเป็นเรื่องสำคัญทีเดียว
ในขณะที่หลี่ฉางโซ่วแผ่สัมผัสเซียนรับรู้ไปที่หวางฉีซึ่งกำลังเคาะประตูห้องชุดสุดหรูที่ชั้นบนสุดของเรือสมบัติ หลังจากที่หวางฉีเข้าไปแล้ว เขาก็คุกเข่าลงแล้วเล่าเรื่องที่เขาดื่มสุรามังกรพิษด้วยความอยากรู้อยากลองให้ท่านเจ้าสำนักฟัง ทำให้นักพรตเต๋าจี้อู๋โหย่วงุนงงเล็กน้อยขณะเหลือบมองหวางฉีและให้เขานำสุรามังกรพิษออกมา
หลังจากนั้น จี้อู๋โหย่วก็จุ่มนิ้วลงไปในสุราและวิเคราะห์คุณสมบัติของโอสถอย่างละเอียดถี่ถ้วน แล้วจึงหัวเราะออกมาก่อนจะถามหวางฉีว่าได้มันมาจากที่ใด
หวางฉีลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสารภาพออกมาด้วยไม่กล้าปิดบังว่า เขาไปขอมันมาจากศิษย์พี่ฉางโซ่ว และเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับศิษย์พี่ฉางโซ่วเลย
นักพรตเต๋าจี้อู๋โหย่วอดหัวเราะออกมาไม่ได้ก่อนจะกล่าวเบาๆ อย่างอบอุ่นว่า “ไม่ต้องห่วง สิ่งนี้ไม่เลวเลย ข้าย่อมไม่ลงโทษเจ้าและได้ส่งข้อความเสียงเพื่อเรียกคู่บำเพ็ญเต๋าของเจ้ามาแล้ว มองไปที่ด้านหลังของเจ้าสิ…”
หวางฉีหันไปมองแล้วเห็นหลิวเยี่ยนเอ๋อร์ที่รีบเข้ามาในห้องนี้แล้วคุกเข่าลงข้างหวางฉีด้วยใบหน้านิ่งสงบ
หลังจากนั้น จี้อู๋โหย่วก็เอามือไพล่หลังพลางยิ้มก่อนจะลอยออกไปจากห้องโดยไม่ให้โอกาสพวกเขาได้เอ่ยวาจาใด
ขณะนั้น เจ้าสำนักยังเปิดค่ายกลโดยรอบและวางปราการกั้นให้พวกเขาด้วยตัวเอง
ก่อนที่หวางฉีและหลิวเยี่ยนเอ๋อร์จะทันได้ตอบสนองใดๆ พวกเขาก็ติดอยู่ภายในนั้นแล้ว หลังจากนั้น จี้อู๋โหย่วก็ไปที่ด้านบนสุดของเรือสมบัติแล้วชื่นชมแม่น้ำและภูเขาอันงดงามในใต้หล้าพลางถอนหายใจออกมาไม่ได้
“ดีจริงที่ยังเยาว์… *แค่กๆ*!”
เมื่อจี้อู๋โหย่วกระแอมไอออกมา เขาก็ก้มศีรษะลงและบังเอิญเห็นหลี่ฉางโซ่ว กำลังนั่งเข้าฌานอยู่ที่มุมด้านนี้ของเรือ
จู่ๆ ท่านเจ้าสำนักตู้เซียนก็นึกสนใจขึ้นมาทันที จึงลอยร่างลงมา
หลี่ฉางโซ่วรีบลุกขึ้นยืนเพื่อต้อนรับเขาพลางรู้สึกอับจนหนทางเล็กน้อยขณะกล่าวออกมาด้วยความเคารพว่า “น้อมพบท่านเจ้าสำนัก”
“อืม ไม่ต้องมากพิธี” ทันใดนั้น นักพรตเต๋าจี้อู๋โหย่วก็วางกำแพงกั้นเสียงและเดินตรงไปยังจุดนั้น “เจ้านำสุรามังกรพิษและโอสถปรารถนาที่เจ้าสกัดกลั่นขึ้นก่อนหน้านี้มาด้วยหรือไม่”
หลี่ฉางโซ่วจึงหยิบโอสถปรารถนาสามขวดและสุรามังกรพิษหกขวดออกมาทันทีแล้วบรรจุไว้ในถุงเก็บสมบัติก่อนจะมอบให้ท่านเจ้าสำนัก
“ท่านเจ้าสำนัก ดูเหมือนว่า อาการบาดเจ็บที่ปราณวิญญาณของท่านจะยังไม่หายดี หากใช้สองสิ่งนี้ร่วมกัน…มันจะกลายเป็นการบำรุงที่ดีมากขอรับ…”
“เจ้ากำลังคิดสิ่งใดอยู่? ข้าไม่มีคู่บำเพ็ญเต๋า ตลอดระยะเวลาหลายร้อยหลายพันปีนี้ ข้ายังคงอยู่ลำพังคนเดียว”
นักพรตเต๋าจี้อู๋โหย่วกล่าวเสียงแผ่วเบาว่า “จริงๆ แล้ว ข้ามีสหายเก่าไม่กี่คน พวกเขาล้วนมีชีวิตอยู่มาเนิ่นนานและความคิดจิตใจของพวกเขาก็เปลี่ยนไป พวกเขาขัดแย้งกับกับคู่บำเพ็ญเต๋าของพวกเขามากขึ้น ทั้งมักจะกังวลและมีปัญหาในเรื่องนั้น แค่กๆ…เจ้าทำเรื่องนี้ได้ดีมาก หลังจากนี้เมื่อเราไปถึงที่นั่น ให้เจ้ากับเสวียนหย่าคอยติดตามหลังข้า ข้าจะให้เจ้าได้เห็นปรมาจารย์ที่แท้จริงของสามสำนัก”
ในใจของหลี่ฉางโซ่วยังนิ่งสงบในขณะที่พยายามทำสีหน้าท่าทีให้ดูตื่นเต้นเล็กน้อยอย่างเต็มที่แล้วกล่าวเสียงเบาว่า “ขอบคุณท่านปรมาจารย์เจ้าสำนัก ศิษย์น้อมรับบัญชาขอรับ”
นักพรตเต๋าจี้อู๋โหย่วยิ้มอย่างพึงพอใจพลางเก็บถุงเก็บสมบัติและกำลังจะหันหลังจากไป แต่ทันใดนั้น เขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้
“ฉางโซ่ว เจ้าและปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน…”
หลี่ฉางโซ่วใจเต้นผิดจังหวะทันที
เรื่องที่ข้ามีปฏิสัมพันธ์กับปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูอย่างลับๆ …ถูกเปิดเผยแล้วหรือ?
……………………………………………………………………………