ตอนที่ 161 เสื้อคลุมบุญตัวเล็ก (1)
“ดี!”
บนแท่นสูงในหอสมบัติหลิงเซียว จู่ๆ บุรุษหนุ่มในชุดขาวก็ตะโกนลั่นออกมา ทำให้แม่ทัพตงมู่ที่อยู่ใต้แท่นนั้นตัวสั่นสะท้านขึ้นทันที
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น จักรพรรดิหยกห้าวเทียน[1]ก็หัวเราะเสียงดัง พลางตบโต๊ะแล้วเดาะลิ้นของเขาด้วยความรู้สึกประหลาดใจ
“ขุนนางของข้า ฉางเกิงกล่าวได้ถูกใจข้านัก! ข้ากังวลเรื่องนี้มานานหลายปีแล้ว ในที่สุด บัดนี้ก็มีคนมาเสนอแนะแนวทางให้ข้าแล้ว! ขุนนางของข้า! ฮ่าๆๆ! ไฉนถึงเพิ่งมาพบฉางเกิงตอนนี้? ฮ่าๆๆ! ทั่วหล้าทั้งสี่คาบสมุทรมีหนทางคลี่คลายได้แล้ว! ”
แม่ทัพตงมู่ก้มศีรษะลงโดยไม่กล้าเอ่ยวาจาใด แต่ในใจเขาก็เต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี
เขาได้รับข้อความแนะนำจากสำนักเทพทะเลทักษิณเมื่อสองชั่วยามก่อน
หลังจากนั้น แม่ทัพตงมู่ก็รีบกลับมาถวายให้ฝ่าบาททันที
เป็นเวลาหลายปีแล้วที่เขาไม่ได้เห็นองค์เง็กเซียนทรงเกษมสำราญปานนี้… แม่ทัพตงมู่ย่อมเข้าใจความหมายเบื้องหลังที่ซ่อนอยู่ทุกคำของฝ่าบาท
“ข้าเก็บสิ่งนี้ไว้ในใจมาหลายปี ในที่สุด วันนี้ข้าก็มีขุนนางมาแนะนำเรื่องนี้ด้วย” นั่นหมายความว่าฝ่าบาทไม่ได้คาดหวังว่าเรื่องจะคลี่คลายอย่างกะทันหันเช่นนี้
สหายเต๋าฉางเกิงผู้นี้ช่างเก่งกาจน่าทึ่งจริงๆ! “ยินดีกับฝ่าบาทด้วย” แม่ทัพตงมู่ประสานมือคารวะพลางกล่าวว่า “ตอนนี้ เราต้องเอาใจใส่ทั้งสี่คาบมหาสมุทร และในไม่ช้า ทั้งสามอาณาจักรก็จะหวนคืนกลับมา”
“แม่ทัพตงมู่ก็กล่าวเกินไปสักหน่อย” องค์เง็กเซียนยิ้มและกล่าวว่า “ขณะนี้มีปรมาจารย์จอมปราชญ์สองสามคนในสามอาณาจักรเป็นผู้นำคอยจัดการ สามสำนักบำเพ็ญเต๋ากำลังปกป้องโลก ไม่สำคัญว่าจะหวนคืนกลับมาหรือไม่ ขอเพียงแค่สามอาณาจักรนั้นมั่นคงปลอดภัยก็เพียงพอแล้ว”
สีหน้าของแม่ทัพตงมู่เปลี่ยนไปทันที แต่เขากลับแอบหัวเราะอยู่ในใจ
นับตั้งแต่ที่พระองค์ทรงพบกับเทพทะเลทักษิณ ทั้งคำพูดและการกระทำของฝ่าบาทก็มั่นคงมากขึ้นเช่นกัน
แน่นอนว่า ในเมื่อเป็นข้ารองบาท เขาย่อมไม่กล้ากล่าวออกมาเช่นนั้น จึงทำได้เพียงก้มศีรษะแล้วถอนหายใจ
“ฝ่าบาททรงมีพระทัยกว้างขวาง เสนาบดีเฒ่าเช่นกระหม่อมย่อมไม่อาจเทียบได้”
ห้าวเทียนยิ้มบางพลางมองไปที่ผ้าอุ่นๆ ตรงหน้าเขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชมยินดีในขณะที่หัวใจเต้นแรง
หากเขาเข้าร่วมกับเผ่ามังกรและสี่คาบมหาสมุทรได้ เขาย่อมสามารถสำแดงพลานุภาพยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์ของเขาผ่านเมฆและฝน
เมื่อได้ครอบครองสี่มหาสมุทรแล้ว เขาย่อมสามารถควบคุมท้องทะเลและทำให้ใต้หล้าสงบสุขมั่นคง ทั้งยังใช้กองทัพทะเลแห่งสี่คาบมหาสมุทรจัดการทั่วทั้งมหาตรีสหัสโลกธาตุได้
บันทึกเสนอแนะนี้ทำให้ห้าวเทียนได้เห็นช่วงเวลาสำคัญที่ศาลสวรรค์จะผงาดขึ้นมา
ดูเหมือนว่า จู่ๆ เขาก็พบประตูบานหนึ่ง ซึ่งเมื่อผลักเปิดออกไปก็พบทางสว่างราบรื่น!
ในตอนท้ายของบันทึกเสนอแนะนั้น หลี่ฉางโซ่วได้เขียนสองประโยค
ประโยคแรกคือ เขาไม่ควรรีบร้อนเกินไป ควรใช้พลังและอิทธิพลของเขาและใช้ประโยชน์จากสถานการณ์เพื่อให้เกิดผลสูงสุด มุ่งมั่นบรรลุสู่ความสำเร็จอย่างมั่นคง
ประโยคที่สองนี้น่าสนใจ
“เติมบุปผาบนแพรพรรณ ไหนเลยจะเทียบได้กับมอบถ่านท่ามกลางหิมะ[2]…”
ห้าวเทียนคิดอย่างถี่ถ้วนก่อนจะเข้าใจในไม่ช้าแล้วเผยรอยยิ้มมั่นใจออกมา
“แม่ทัพตงมู่!”
“กระหม่อมอยู่นี่แล้วฝ่าบาท”
“ไปที่หอทงหมิงแล้วตรวจสอบดูว่าราชโองการเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”
“น้อมรับบัญชา กระหม่อมจะไปดูเดี๋ยวนี้”
จากนั้นแม่ทัพตงมู่ก็หันหลังแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ห้าวเทียนกำลังนั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะ นิ้วมือของเขาแตะบนบันทึกเสนอแนะ แล้วอดหัวเราะออกมาไม่ได้
“แม้จะมีศิษย์ไม่มากในสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน แต่ส่วนใหญ่ก็ล้วนพิเศษเหนือสามัญยิ่ง”
แม่ทัพตงมู่กลับมาอย่างเร่งรีบแล้วกล่าวว่าพระราชโองการเพิ่งเสร็จสิ้นไปเพียงสามในสิบส่วน ห้าวเทียนพลันพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ข้าต้องให้ท่านลำบากเดินทางอีกครั้งเพื่อไปที่วังดุสิตและนำ สมุนไพรวิญญาณและสมุนไพรล้ำค่าคุณภาพสูงมาให้ข้าใช้ในการสกัดกลั่น” แม่ทัพตงมู่ก้มศีรษะลงและพยักหน้ารับบัญชาก่อนจะเดินออกจากทางด้านข้างโถงและขี่เมฆตรงไปยังหอเก็บสมบัติของศาลสวรรค์
“ฉางเกิง ฉาง เกิง…”
ห้าวเทียนยืนขึ้นและยืดเหยียดกล้ามเนื้อพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งยันตัวเองกับโต๊ะขณะที่อีกข้างหนึ่งไพล่ไว้ที่ด้านหลัง ในขณะนั้น เขามองดูดวงดาวที่ค่อยๆ หมุนรอบหลังคาทรงกลมของหอสมบัติหลิงเซียวช้าๆ
“นามเต๋านี้เป็นของปรมาจารย์คนใดจากสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินหรือไม่? ศิษย์พี่ไท่ชิง มีศิษย์ในนามเพียงไม่กี่คน ผู้ใดจะเกี่ยวข้องกับนามเต๋านี้?”
ในโถงที่ว่างเปล่า ขณะนี้ จักรพรรดิหยกห้าวเทียนพึมพำเบาๆ และเมฆหมอกที่ลอยอยู่บนพื้นห้องโถงก็ไม่อาจให้คำตอบเขาได้
จักรพรรดิหยกห้าวเทียนพลันฉุกคิดถึงบางสิ่งขึ้นมาทันใด และมองดูแผ่นบันทึกเสนอแนะของหลี่ฉางโซ่วอย่างระมัดระวังครู่หนึ่ง จากนั้นก็นำแผ่นบันทึกเสนอแนะอื่นๆ ออกมาตรวจสอบและเปรียบเทียบกัน
ไม่นานหลังจากนั้น ดวงตาขององค์เง็กเซียนก็สว่างวาบขึ้นก่อนจะหยิบผ้าผืนหนึ่งแล้วเขียนถ้อยคำเล็กๆ ลงบนนั้นหนึ่งบรรทัด
จากนั้นองค์เง็กเซียนก็เรียกข้ารับใช้ที่อยู่ด้านนอกห้องโถงคนหนึ่งมาและผลักผ้าที่เขาเขียนลงไปด้วยพลังเซียน
“ไปบอกเจ้าหน้าที่ศาลสวรรค์ว่า ในอนาคต บันทึกทั้งหมดจะต้องอยู่ในรูปแบบเช่นนี้ ไม่ว่าจะส่งมาจากผู้ใดก็ตาม หากมีอะไรผิดพลาด พวกเขาจะถูกลงโทษเป็นเวลาสิบปี”
เมื่อองค์เง็กเซียนกล่าวจบ ข้ารับใช้ที่อยู่ด้านล่างก็ก้มหน้ารับบัญชาทันที
ขณะนั้น มีแสงสีทองสาดประกายออกมาจากยอดหอสมบัติหลิงเซียวและหายไปจากศาลสวรรค์
ในสถานการณ์เช่นนี้ องค์เง็กเซียนย่อมรู้ดีว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นอย่างแน่นอน
ทันทีที่เขากล่าวเช่นนั้น เต๋าสวรรค์ก็ตรวจพบ และด้วยเรื่องของ ‘แบบบันทึก’ จึงประทานบุญแห่งเต๋าสวรรค์ให้กับเทพแห่งท้องทะเลทักษิณ
บุญได้กลั่นตัวจนมองเห็นเป็นแสงสีทองที่มีพลังบุญถือว่าไม่น้อยเลย
องค์เง็กเซียนหัวเราะเบาๆ
เขารู้สึกว่าประทานบุญน้อยเกินไปจริงๆ
น่าเสียดายที่ถึงจะเป็นองค์เง็กเซียน แต่เขาก็ไม่อาจส่งบุญแห่งเต๋าสวรรค์ตามอำเภอใจได้ ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่ตระหนี่เลยจริงๆ
ในขณะเดียวกันนั้น… บนเรือสมบัติที่ยังไม่ได้ออกจากอาณาเขตของดินแดนเทวะบูรพา จู่ๆ ก็มีแสงสีทองปรากฏขึ้นรอบๆ กายของหลี่ฉางโซ่ว
เขาลืมตาขึ้นทันทีแล้วใช้พลังเวทเปิดใช้งานเสื้อคลุมยาวของเขาให้ปกคลุมแสงสีทองนั้นเพื่อปิดบังมันอย่างรวดเร็ว …
มันเรื่องบ้าอันใดกันนี่?
หลี่ฉางโซ่วตรวจสอบร่างกายและมองไปรอบๆ ปราณวิญญาณของเขา ซึ่งมีแสงสีทองเปล่งประกายออกมา และปราณวิญญาณจำลองขนาดเล็กก็จมอยู่ในสระแห่งบุญ! บุญที่ปรากฏขึ้นกะทันหันนั้นบริสุทธิ์กว่าบุญเครื่องสักการะที่เขาสะสมไว้มาก่อนหน้านี้มาก!
นี่คือ…
องค์เง็กเซียนประทานรางวัลพิเศษแก่ข้าเพราะได้เห็นบันทึกที่ข้าเขียนไว้ให้แล้วใช่หรือไม่?
หลี่ฉางโซ่วรีบกลั่นบุญเหล่านี้อย่างรวดเร็ว และเมื่อสวมกางเกงบุญคุ้มครองแล้ว เขาก็เริ่มสวมเสื้อคลุมบุญตัวเล็กคุ้มครองให้ปราณวิญญาณจำลองต่อไป
ทันใดนั้น ดัชนีความปลอดภัยในชีวิตก็เพิ่มขึ้นสามเท่าทันที!
ระหว่างนั้น หลี่ฉางโซ่วพลันตึงเครียดขึ้น แล้วกวาดพลังสัมผัสเซียนรับรู้ออกไปเฝ้าสังเกตการณ์สภาพแวดล้อมโดยรอบ
โชคดีที่ในยามนี้ การเปลี่ยนแปลงรอบกายเขาไม่ได้รบกวนผู้ใดบนเรือ
หินสัมผัสทั้งเจ็ดบนร่างของเขาไม่ได้ส่องสว่างขึ้น
ในอีกมุมหนึ่งของดาดฟ้าด้านหลังของเรือสมบัติ ซึ่งห่างออกไปสิบสองฉื่อ ขณะนี้ โหย่วฉินเสวียนหย่ากำลังเข้าฌาณลึกอยู่
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเพ่งจิตเพื่อกลั่นพลังบุญ ซึ่งจู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นอย่างสงบ
ฝ่าบาท องค์เง็กเซียน… พระทัยกว้างขวางยิ่งนัก!
หลี่ฉางโซ่วชื่นชม เขารู้ว่าการได้รับบุญนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย มันเป็นรางวัลที่ได้รับจากการหยั่งรู้โชคชะตาของเผ่าพันธุ์มังกรทั้งหมดเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่าเขาเข้าใจผิดบางอย่างเนื่องจากยังไม่ได้ขึ้นสู่สวรรค์อย่างเป็นทางการ … หลี่ฉางโซ่วตระหนักถึงปัญหาอื่นได้อย่างรวดเร็ว
……………………………………………………………
[1] จักรพรรดิหยกห้าวเทียน หรือห้าวเทียน เป็นอีกพระนามขององค์เง็กเซียน
[2] หมายถึงให้ความช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากย่อมดีกว่าให้คนที่อยู่ในสถานะที่ดีอยู่แล้วไม่ได้เดือดร้อนใดๆ