ตอนที่ 349 ไม่ปล่อยมืออีกแล้ว!

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

ผู้บัญชาการสูงสุดของฐานที่มั่นเห็นทหารด้านล่างเคลื่อนไหวกันหมดแล้ว เขาค่อยหันกายออกไปจากกองบัญชาการ มาที่ห้องทำงานส่วนตัวของเขา ก่อนจะส่งรายงานสถานการณ์ของที่นี่รวมถึงคำสั่งทั้งหมดที่เขาออกคำสั่งลงไปให้กับทางออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของโลกหุ่นรบตามการตั้งค่าเดิม ทว่าช่องทางส่งถูกแฮคเกอร์ของซีซาร์วางอุบายไว้ เนื้อหารายงานของเขาจึงส่งตรงไปที่ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของยานบินที่ซ่อนอยู่ในฐานที่มั่น ส่วนออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของสหพันธรัฐที่แท้จริงกลับไม่รู้เรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นในนี้เลย

……

ยานรบเปลี่ยนเป็นความเร็วสูงได้สำเร็จ หลุดพ้นจากอันตรายชั่วคราว ทว่าคำสั่งที่เสี่ยงชีวิตของผู้บัญชาการกลับทำให้หลิงหลานตกอยู่ในสภาพอับจน ตอนที่ผู้บัญชาการสั่งให้เปลี่ยนเป็นเกียร์สูง เสี่ยวซื่อที่รับรู้เหตุการณ์นี้ก็รีบบอกข่าวร้ายให้หลิงหลานฟังทันที

ถ้าหากหลิงหลานไม่ได้ห่างจากยานรบมากนัก เวลาเท่านี้ก็เพียงพอให้หลิงหลานขึ้นไปในยานรบ แต่ตอนที่หลิงหลานต่อสู้กับผู้ควบคุมหุ่นรบราชันของซีซาร์ เธอจงใจวางกับดักล่อศัตรูแสร้งทำเป็นสูญเสียการควบคุมเพื่อที่จัดการอีกฝ่ายให้เร็วที่สุด เวลานี้เธอจึงร่วงลงมาจากฟ้าประมาณ 800 เมตร ห่างจากยานรบที่อยู่ระดับความสูง 1700 เมตรออกไป 1000 เมตรเต็มๆ

ระยะห่างนี้ทำให้เวลาของหลิงหลานกระชั้นชิดสุดขีด เธอบังคับหุ่นรบระดับราชันให้บินไปหายานรบด้วยความเร็วสูงสุด พยายามร่อนลงไปในยานรบในตอนที่ยานรบยังไม่ได้เข้าสู้ความเร็วเกียร์สูงอย่างเป็นทางการ ทว่าตอนที่หลิงหลานกำลังจะเข้าใกล้ท่าส่งตัวของยานรบได้นั้น ยานรบกลับเปิดใช้งานเกียร์สูงได้สำเร็จก่อนจะบินออกไปราวกับลูกธนูก็ไม่ปาน ทำให้หลิงหลานกระโจนเข้าหาความว่างเปล่า เว้นระยะห่างกับหลิงหลานในชั่วพริบตา

หลิงหลานเห็นดังนั้นก็กัดฟันกรอด ผลักดันความเร็วของหุ่นรบระดับราชันสูงสุดโดยไม่ลังเล หรือพูดอีกอย่างก็คือเกียร์สูงสุดของหุ่นรบ โดยปกติแล้วเกียร์สูงสุดอยู่ในสถานะปิดผนึก ไม่อาจเปิดใช้ได้ง่ายๆ เพราะว่าความเร็วสูงสุดจะสร้างความเสียหายต่อเครื่องยนต์ของหุ่นรบมหาศาล พลังงานที่เผาผลาญไปทุกวินาทีไม่น้อยไปกว่าการยิงจรวดพลังงานรุ่นน้ำหนักมากของหุ่นรบเลย ไม่เพียงเท่านั้น การทำงานในโหมดความเร็วสูงสุดต้องการเงื่อนไขคุณสมบัติร่างกายของผู้ควบคุมสูงมากด้วย

สาเหตุที่หลิงหลานไม่ได้เปิดใช้ความเร็วสูงสุดตั้งแต่แรกเป็นเพราะเธอกลัวว่าร่างกายของตัวเองจะทนรับไม่ไหว ขณะเดียวกันในใจก็ฝากความหวังไว้กับโชค คิดว่าใช้ความเร็วสูงก็สามารถเข้าไปในยานอวกาศได้สำเร็จ แต่ไม่นึกเลยว่า ช่วงเวลาสุดท้ายเธอกลับขาดไปอีกแค่นิดเดียวเท่านั้น ทว่าเวลานี้เผชิญหน้ากับสภาวะอับจนที่ถ้าหากไม่ใช่ความเร็วสูงสุดก็จะต้องติดค้างอยู่ในฐานที่มั่นซวิ่นหลงเช่นนี้ หลิงหลานย่อมไม่ลังเลอีกต่อไปแล้ว!

เนื่องจากเธอจำเป็นต้องขึ้นยานอวกาศให้สำเร็จก่อนที่ยานอวกาศจะทะลุผ่านชั้นบรรยากาศ ไม่เช่นนั้นอาศัยเพียงแรงขับเคลื่อนกับพลังงานของหุ่นรบ ไม่อาจสลัดหลุดจากแรงโน้มถ่วงบินไปยังอวกาศได้ ต่อให้ตอนนี้หุ่นรบที่หลิงหลานบังคับอยู่คือหุ่นรบระดับราชันก็ยังทำไม่ได้ นอกเสียจากหุ่นรบที่หลิงหลานบังคับคือหุ่นรบขั้นเทวะ อันที่จริงต่อให้หุ่นรบระดับราชันสามารถบินไปยังอวกาศได้ แต่อาศัยความสามารถและคุณสมบัติร่างกายของหลิงหลานในตอนนี้ก็ยังไม่สามารถควบคุมข้ามระดับได้เป็นเวลานาน…

ครั้งนี้การเลือกอย่างระมัดระวังรอบคอบของหลิงหลานได้รับบทเรียนเลือดแล้ว เธอรู้แล้วว่าหลังจากนี้ไป เธอต้องทุ่มสุดความสามารถกับเรื่องราวทุกอย่าง อย่าฝากความหวังไว้กับโชค ไม่เช่นนั้นอาจจะต้องจ่ายค่าตอบแทนมากขึ้น

เวลาหายไปทีละนิด หุ่นรบของหลิงหลานเข้าใกล้ยานรบมากขึ้นเรื่อยๆ 100 เมตร 50 เมตร 30 เมตร 20 เมตร 10 เมตร…เธอเห็นตัวเลขเวลานับถอยหลังห้านาทีในการควบคุมหุ่นรบที่เธอกำหนดไว้ลดลงอย่างต่อเนื่อง หน้าผากก็หลั่งเหงื่อเย็นๆ ไหลลงมาอย่างควบคุมไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกได้ถึงการไร้ความสามารถของตัวเอง

เห็นได้ชัดว่าหากเร่งความเร็วเพิ่มอีกนิด เธอก็คว้าที่จับตรงริมสุดของท่าส่งตัวอันสุดท้ายของยานรบได้แล้ว แต่ว่าต่อให้เธอพยายามอย่างสุดกำลังก็ไม่สามารถเข้าไปใกล้อีกก้าว ส่วนแหล่งพลังงานนิวเคลียร์เคลือบสูง X192 ก็เริ่มปล่อยแสงไฟเตือนสีแดงว่าพลังงานใกล้จะหมดแล้ว…หรือว่าสุดท้ายเธอยังคงล้มเหลว ไม่สามารถออกไปจากฐานที่มั่นซวิ่นหลงได้เหรอ? ความรู้สึกย่ำแย่พาดผ่านขึ้นในใจหลิงหลาน

สิ่งที่ทำให้หลิงหลานเครียดมากขึ้นคือ เธอรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองเริ่มเกิดความเจ็บปวดแล้ว จากปวดตุ๊บๆ เล็กน้อย ก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเจ็บปวดราวกับถูกฉีกกระชาก ดูเหมือนว่าแรงสะท้อนกลับจากการควบคุมข้ามระดับจะส่งผลกระทบต่อร่างกายของเธออย่างรุนแรงแล้ว เวลาผ่านไป สถานการณ์ยิ่งแย่ลงอย่างต่อเนื่องแล้ว

ขณะที่หลิงหลานเริ่มสิ้นหวังนั้น จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังลั่นขึ้นมาในช่องสื่อสารของหุ่นรบว่า “กระต่าย พยายามเข้า!”

จิตใจของหลานสั่นสะท้าน เธอเงยหน้าขึ้นฉับพลันก่อนจะเห็นร่างหุ่นรบที่คุ้นเคยตัวหนึ่งปรากฏขึ้นที่ท่าส่งตัวของส่วนหาง เขาคือชีตาห์นี่เอง มือข้างหนึ่งของเขาดึงคันจับไว้ ส่วนมืออีกข้างยื่นมาหาหลิงหลานอย่างสุดความสามารถ พยายามคว้าหุ่นรบของเธอไว้

เมื่อเห็นชีตาห์ หัวใจของหลิงหลานก็สั่นระริก ก่อนจะยื่นแขนขวาออกไปโดยไม่ลังเล ขนาดพวกเพื่อนๆ ยังไม่ทอดทิ้งเธอ แล้วเธอมีสิทธิ์อะไรมาทิ้งความหวัง? หลิงหลานไม่กลัวความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสที่ส่งมาจากร่างกาย เธอผลักดันเครื่องยนต์ของหุ่นรบจนทำงานเกินพิกัด ความเร็วของหุ่นรบหลิงหลานพุ่งขึ้นอีกครั้ง เข้าไปใกล้มือของชีตาห์ที่ยื่นเข้ามาเรื่อยๆ ห้าเมตร สามเมตร หนึ่งเมตร

“อ๊าก…” หลิงหลานแผดเสียงคำรามด้วยความไม่ยินยอม พลังงานของแหล่งพลังงานนิวเคลียร์เคลือบสูง X192 หมดเกลี้ยงในที่สุด หลิงหลานพลันยื่นมือไปคว้าในช่วงเวลาสุดท้าย นิ้วมือของหุ่นรบทั้งสองตัวเกี่ยวกระหวัดกันเล็กน้อย ก่อนจะไถลลื่นลงไปในพริบตา แรงขับเคลื่อนของหุ่นรบหลิงหลานหายไปหมด หุ่นรบร่วงลงไปอย่างควบคุมไม่ได้…

“กระต่าย…” หลิงหลานคล้ายกับได้ยินเสียงตะโกนโหยหวนดังลั่นของชีตาห์ เธอล้มเหลวแล้วใช่ไหม? แต่ว่าขอเพียงชีตาห์มอบข้อมูลให้กับเจ้าเมืองหงหยาง ภารกิจของพวกเขาก็สำเร็งลุล่วงได้ ต่อให้เธอติดอยู่ในฐานที่มั่นซวิ่นหลงก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการก่อตั้งหน่วยรบ

หลิงหลานหลับตาอย่างจนปัญญา ขณะที่เธอเตรียมตัวยอมแพ้นั้น จู่ๆ ก็รู้สึกว่าหุ่นรบของตัวเองถูกพลังสายหนึ่งดึงไว้ หุ่นรบหยุดร่วงลงไป เธอตกตะลึง ลืมตามองดูแวบหนึ่งและพบว่าสองมือของชีตาห์จับมือขวาของหุ่นรบเธอไว้แน่น…

“กระต่าย ฉันจะไม่ปล่อยมืออีกแล้ว” หลี่หลานเฟิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม คำพูดของเขามีสองความหมาย ในขณะที่บอกหลิงหลานก็บอกกับตัวเองด้วยว่า มิตรภาพนี้จะไม่เหมือนกับเมื่อเจ็ดปีก่อนอีก ที่เขาเลือกปล่อยมืออย่างขี้ขลาดเพราะเหตุผลต่างๆ

คำพูดของหลี่หลานเฟิงทำให้หลิงหลานงุนงง เธอเห็นสองมือของหลี่หลานเฟิงคว้ามือขวาของเธอไว้แน่น ในใจก็อดตกใจไม่ได้ หรือว่าชีตาห์กระโดดลงมาจากยานรบ? ล้มเลิกการจากไปเพื่อเธอ?

อารมณ์ของหลิงหลานพลันสับสนขึ้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนยินดีเสี่ยงอันตรายเพื่อเธอ… แต่ความตื้นตันใจของหลิงหลานผุดมาแค่แวบเดียวเท่านั้น ความเยือกเย็นกลับมาอีกครั้ง เธอตระหนักได้ทันทีว่า พวกเธอสองคนไม่ได้ตกลงไปอย่างรวดเร็ว หากแต่ถูกพลังสายหนึ่งรั้งไว้ก่อนจะบินขึ้นหน้าตามยานรบไปอย่างรวดเร็ว

หลิงหลานมองไปทางด้านหลังหุ่นรบของชีตาห์โดยไม่ลังเล และพบว่าเวลานี้สองขาของหุ่นรบชีตาห์กำลังถูกหุ่นรบของฉีหลงจับไว้อย่างเหนียวแน่นด้วยมือทั้งสองข้าง…

“โย่ว ลูกพี่ ยากมากที่จะเห็นนายจนตรอกแบบนี้นะ” เสียงหัวเราะหยอกล้อของฉีหลงดังขึ้นในช่องสื่อสารของหลิงหลาน ทำให้หลิงหลานโล่งใจท่ามกลางความตื่นเต้นยินดี ถึงแม้อารมณ์ของเธอจะหวั่นไหว แต่นิสัยเคยชินที่เย็นชาราวกับน้ำค้างแข็งทำให้เธอได้แต่ตอบกลับไปอย่างเรียบนิ่งว่า “ใช่แล้ว นายพอใจมากเลยใช่ไหม?”

คำพูดเย็นชาของหลิงหลานทำให้เสียงหัวเราะเบาๆ ของฉีหลงติดอยู่ในลำคอทันที เขารู้สึกได้เพียงมีไอเย็นเยียบสายหนึ่งจู่โจมเข้ามาที่หัวใจ ร่างกายอดสั่นเทาไม่ได้ ถ้าหากไม่ใช่มือของเขายังมั่นคงมาก เกรงว่าการตัวสั่นในครั้งนี้จะก่อเรื่องใหญ่แล้ว

ฉีหลงลอบนึกเสียใจภายหลัง เขาลืมได้ยังไงว่าลูกพี่ของเขาเป็นคนโหดเหี้ยมไร้ความเมตตา ต่อให้เป็นความแค้นเล็กๆ น้อยๆ ก็ต้องชำระ? ฉีหลงเหมือนเห็นฉากล่วงหน้าแล้วว่าหลังจากที่เขากลับไปจะต้องถูกลูกพี่ของตนจับเข้าไปในห้องประลองส่วนตัวก่อนจะทรมานเขาอย่างบ้าคลั่ง…ฮือๆๆ ปกป้องชีวิตน้อยๆ ของเขาได้ยากแล้ว

“ลูกพี่ ต่อให้นายจนตรอกก็ยังคงเป็นลูกพี่ที่หล่อเหลาที่สุดนะ” ฉีหลงพยายามกอบกู้จุดจบที่น่าอนาถของตนเอง ประจบประแจงลูกพี่ของเขาอย่างอ่อนแรง น่าเสียดายที่เขากำลังตื่นตระหนก ระดับการประจบประแจงของเขาเลยหายไปมากประจบผิดที่จนไปอ้อนเท้าแทน

“เหอะๆ ที่แท้ตอนที่ฉันหล่อที่สุดก็คือตอนที่ฉันจนตรอกสินะ” มุมปากของหลิงหลานยกขึ้น ถึงแม้ปากจะตอบกลับอย่างเฉยชา ทว่าอารมณ์ของเธอดีมาก นี่ก็คือพวกเพื่อนๆ ตัวน้อยของเธอ ช่วงเวลาสำคัญ พวกเขาก็จะวิ่งมาปกป้องเธอ…เอาเถอะ เวลานี้ร่างของชีตาห์ถูกหลิงหลานโยนทิ้งไว้ในมุมของซอกมุมอีกครั้ง

คำพูดของหลิงหลานทำให้ฉีหลงแทบจะตบหน้าตัวเอง ทำไมเขาถึงโง่แบบนี้นะ ยังย้ำเตือนลูกพี่ถึงคำพูดที่เขากล่าวผิดไปเมื่อสักครู่นี้อีก…

ยังคงเป็นหานจี้จวินที่ลากฉีหลงอยู่ด้านหลังรีบเอ่ยปากแก้สถานการณ์ด้วยความสงสารเพื่อนซี้ตนว่า “เร็วเข้า ทุกคนออกแรงดึงลูกพี่กลับมา”

ที่แท้สมาชิกทีมคนอื่นๆ ก็อยู่ด้วย ลั่วล่างกับหานจี้จวินอยู่ด้านหลังฉีหลง ต่างคนต่างใช้มือข้างหนึ่งดึงฉีหลงไว้อย่างแน่นหนา ส่วนด้านหลังลั่วล่างกับหานจี้จวินก็เป็นพวกเซี่ยอี๋กับหลินจงชิงที่ดึงพวกเขาไว้

ทำไมพวกเขาถึงปรากฏตัวขึ้นที่นี่ได้ทันเวลาน่ะเหรอ ความจริงแล้วเรื่องมันเป็นแบบนี้…

ตอนที่ยานรบยังไม่ได้เปลี่ยนเป็นความเร็วสูง หลิงหลานกำลังเข้าใกล้ยานรบและจะขึ้นยานรบ เสี่ยวซื่อก็ลอบควบคุมยานรบเปิดท่าส่งตัวตรงส่วนหางอย่างเงียบเชียบ ทหารสหพันธรัฐในห้องควบคุมหลักของยานรบไม่ล่วงรู้การกระทำนี้เลย แต่พวกฉีหลงที่รอคอยอยู่ในห้องควบคุมส่วนหางมาตลอดกลับสังเกตเห็นเรื่องนี้ทันที พวกเขาเห็นท่าส่งตัวที่ปิดมาตลอดเปิดขึ้นในที่สุด ไม่ต้องขบคิดให้ละเอียดก็รู้ว่าลูกพี่ของพวกเขากลับมาแล้วแน่นอน

แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะดีใจ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฉากต่อมา ไม่เพียงทำให้หลิงหลานพลาดโอกาสขึ้นยาน มันยังทำให้พวกฉีหลงเบิกตามองอย่างตกตะลึงด้วย จู่ๆ ยานรบก็เปลี่ยนเป็นเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง พวกเขาที่ไม่ทันได้เตรียมตัวก็ถูกเหวี่ยงออกไปอย่างรุนแรง โชคดีที่พวกเขาอยู่ในหุ่นรบ ต่อให้ถูกเหวี่ยงอย่างน่าอนาถมาก ตกที่นั่งลำบากนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บหนักอะไร มีบาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ แต่หลี่ซื่ออวี๋อยู่ที่นี่ก็เลยจัดการได้อย่างรวดเร็ว

เมื่อพวกเขาทำให้หุ่นรบตัวเองมั่นคงแล้ว พวกเขากลับไม่พบร่องรอยของลูกพี่ พวกฉีหลงก็รู้แล้วว่า ลูกพี่ของตนไล่ตามมาไม่ทันแน่นอน ในใจพวกเขาทั้งร้อนรนและเป็นห่วง แต่ก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรไปชั่วขณะหนึ่ง

ตอนนี้เอง หลี่หลานเฟิงที่เงียบมาตลอดพลันหยิบข้อมูลออกมาจากในกระเป๋าแล้วมอบให้ฉีหลงพลางพูดว่า “ฉีหลง ฉันจะไปดูสถานการณ์ที่ท่าส่งตัว ที่นั่นอาจจะมีอันตราย…ฉันมอบข้อมูลชุดนี้ให้นายดูแล”

ฉีหลงได้ยินก็เอ่ยปฏิเสธทันที “นี่เป็นภารกิจที่ลูกพี่มอบให้นาย ฉันไม่สามารถขัดคำสั่งลูกพี่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ฉันควรเป็นคนที่ไปเส้นทางส่วนหาง”

คำปฏิเสธโดยตรงของฉีหลงทำให้หลี่หลานเฟิงไม่ส่งเสียงออกมาอีก เขาแค่ยัดข้อมูลให้ฉีหลงอย่างตรงไปตรงมา ก่อนจะหันกายจากไปด้วยความรีบร้อนในระหว่างที่ฉีหลงยังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนอง

เมื่อฉีหลงได้สติกลับมา หลี่หลานเฟิงก็หายไปในหน้าประตูบานแรกของเส้นทางนานแล้ว เขาถือข้อมูลอย่างพูดไม่ออก ก่อนจะชายตามองเพื่อนที่อยู่รอบๆ แวบหนึ่ง จากนั้นเขาก็ยัดข้อมูลให้ฉางซินหยวนที่ยังไม่ทันได้สติกลับมาโดยไม่ลังเล

การกระทำของฉีหลงทำให้ฉางซินหยวนอึ้งไปทันที เขาเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนกว่า “ทำไม…ต้องให้ฉันล่ะ?”

———————–