ตอนที่ 308 ไม่อยากรนหาที่ตาย

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ตอนที่ 308 ไม่อยากรนหาที่ตาย

เผยซานเหนียงที่ถือตั๋วแลกทองอยู่เงยหน้ามองเล็กน้อย เมื่อเห็นหนิวโหย่วเต้าถูกเฉดหัวส่งอย่างไร้ศักดิ์ศรีเช่นนี้ ภายในใจเองก็รู้สึกบอกไม่ถูกว่าควรจะเห็นใจหรือไม่ นางยังคงจดจำบุคลิกยามที่บังเอิญพบกันระหว่างเดินทางไปยังภูเขาหิมะได้ ในเวลานั้นคนผู้นี้ดูสง่างามเป็นอย่างยิ่ง แม้จะถูกฉู่อันโหลวหยามเกียรติ แต่ก็ไม่เคยแสดงท่าทีต่ำต้อยเช่นนี้มาก่อน ตอนนี้ต่างไปจากเมื่อก่อนจริงๆ

ยามนั้นนางเคยได้รับน้ำใจจากหนิวโหย่วเต้าจริงๆ ต่อให้นางมีใจหมายช่วยเหลือ แต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้นางก็ไม่สะดวกจะออกหน้าช่วยพูดอันใดเช่นกัน

อย่างน้อยตอนนี้สามารถรักษาชีวิตไว้ได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก หากว่าแม้แต่ความอัปยศเท่านี้ยังอดทนให้ผ่านพ้นไปไม่ได้ ถึงรอดจากตอนนี้ไป วันหน้าก็ยากจะรอดได้อยู่ดี

หนิวโหย่วเต้าประสานมือคำนับทุกคนในศาลา จากนั้นหันไปส่งสายตาให้ลิ่งหูชิว อีกฝ่ายเข้าใจความนัย ออกจากศาลาไปพร้อมเขาทันที

ขณะที่ทั้งสองเพิ่งก้าวลงบันไดไป มีคนผู้หนึ่งเดินออกมาจากกลุ่มคนที่มุงล้อมอยู่ด้านหน้า ยกมือปลดหน้ากากบนหน้าออก ส่งยิ้มน้อยๆ ให้คนทั้งสอง

คุนหลินซู่ที่อยู่ในศาลาต้องการจะเอ่ยวาจา แต่พอเห็นภาพเหตุการณ์นี้ก็อดทนเอาไว้ก่อน มองดูด้วยสายตาเย็นชา

หนิวโหย่วเต้าและลิ่งหูชิวมองหน้ากัน คนที่เปิดเผยตัวมิใช่ใครอื่น เป็นเฟิงเอินไท่!

คนผู้นี้จากไปแล้วมิใช่หรือ? เหตุใดถึงกลับมาอีกล่ะ? ทั้งสองสบตากันอย่างเงียบงัน ในขณะเดียวใจก็แทบจะตกไปอยู่ที่ตาตุ่มพร้อมกัน หากจะบอกว่าอีกฝ่ายกลับมาเพราะไมตรีพี่น้องอันใด ทั้งสองไม่ค่อยอยากเชื่อ ทั้งสองสงสัยว่าคนผู้นี้ไม่ได้ยอมถอดใจจากใบอนุญาตส่งออกมาศึกเหล่านั้น หากแต่คิดจะเปลี่ยนวิธีการอื่นเพื่อให้ได้ไปครอบครองมากกว่า

หนิวโหย่วเต้าเข้าใจความรู้สึกของคนผู้นี้ดี ถูกสำนักหยกสวรรค์ส่งมาทำงาน นอกจากจะทำงานไม่สำเร็จ กลับก่อปัญหาวุ่นวายขึ้นอีก เกรงว่าคงร้อนใจที่จะทำคุณไถ่โทษ

การคาดเดาของเขาไม่ผิดเลยจริงๆ ในช่วงแรกของงานประมูล คนที่ประมูลซื้อใบอนุญาตส่งออกม้าศึกสามหมื่นตัวไปด้วยเงินหนึ่งหมื่นเหรียญทองก็คือศิษย์ของสำนักหยกสวรรค์ ได้กำไรก้อนโตไปแล้ว!

อันที่จริงเฟิงเอินไท่ก็ไม่คิดเลยเช่นกันว่าจะได้ใบอนุญาตมาในราคาหนึ่งหมื่นเหรียญทอง แต่เนื่องจากเห็นว่าหนิวโหย่วเต้าเป็นผู้ดำเนินการประมูล ทราบดีว่าหนิวโหย่วเต้าต้องการอาศัยช่องทางนี้เพื่อให้รอดพ้นจากอันตราย ดีร้ายอย่างไรเขาก็มีฐานะเป็นพี่ใหญ่ร่วมสาบาน จึงคิดจะช่วยเสนอราคาเพื่อให้การประมูลคึกคักขึ้นมา หลังจากนี้จะได้พูดกับหนิวโหย่วเต้าได้ว่าตนเคยช่วยเหลือ เขาจึงให้ศิษย์ในสำนักยกมือเสนอราคาเป็นคนแรก

แต่ใครจะไปคิดว่าหนิวโหย่วเต้าจะไม่ให้โอกาสคนอื่นได้เสนอราคาเพิ่ม บังคับขายไปเลย กดดันให้ศิษย์สำนักหยกสวรรค์ซื้อไป นี่มันเรื่องอะไรกัน

ที่เผยหน้าออกมาในยามนี้ก็เพราะกังวลว่าอีกสักครู่หากทั้งสองหนีหายลงน้ำไปแล้วจะหาตัวได้ยาก เขาต้องการสอบถามให้ชัดเจนว่าการประมูลนี้เป็นมาอย่างไรกันแน่เพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจ ยิ่งไปกว่านั้นคือแม้แต่ลิ่งหูชิวก็ถูกดึงเข้ามาเอี่ยวด้วยแล้ว เขาจึงคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

ทั้งสองรีบเดินเข้าไปหา หนิวโหย่วเต้าเอ่ยถามเสียงเคร่งขรึม “พี่ใหญ่ ท่านมาได้อย่างไร?”

“กลับไปแล้วค่อยคุยกัน” เฟิงเอินไท่เอียงคอส่งสัญญาณเพื่อให้ทั้งสองจากไปพร้อมกัน

ถึงทั้งสองจะมีข้อสงสัยแต่ก็ไม่สะดวกจะสอบถามที่นี่ ขณะที่กำลังจะจากไปพร้อมพวกเขา ผู้ใดจะคิดว่าจะมีเสียงเฉยชาของใครคนหนึ่งแว่วออกมาจากในศาลา “หนิวโหย่วเต้า!”

หนิวโหย่วเต้าชะงักเท้าหันกลับไป มองไปทางคุนหลินซู่ที่เอ่ยเรียก “พี่คุน มีเรื่องใดจะสั่งการหรือ?”

“ศิษย์พี่!” หั่วเฟิ่งหวงดึงแขนเสื้อของคุนหลินซู่อีกครั้ง ยังคงสื่อว่าไม่อยากให้เขาก่อเรื่อง

คุนหลินซู่ตบหลังมือของนางเบาๆ เอ่ยเสียงเบา “เรื่องที่เขาสมควรทำก็สำเร็จลุล่วงไปแล้ว เรื่องของเขามิใช่ว่าจบสิ้นไปแล้วหรือ”

ความหมายในวาจาคือก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ทำอะไร ก็เพราะไม่อยากให้เสียงาน ตอนนี้สำหรับองค์ฮ่องเต้และสามสำนัก หนิวโหย่วเต้าไม่มีประโยชน์ใช้สอยใดๆ แล้ว

เขาว่าพลางแกะมือของหั่วเฟิ่งหวงออก

หั่วเฟิ่งหวงอึกอักอยากจะพูดแต่ก็เงียบไป นางห่วงว่าจะเกิดปัญหาขึ้นกับคุนหลินซู่ ถึงแม้สำนักเพลิงนภาจะไม่เห็นจั๋วเชาอยู่ในสายตา แต่ถึงอย่างไรจั๋วเชาก็เป็นยอดฝีมือลำดับต้นๆ บนทำเนียบโอสถ ตัวศิษย์พี่ก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจั๋วเชาด้วยซ้ำ ส่วนหนิวโหย่วเต้าคือคนที่สังหารจั๋วเชาได้ ก่อนจะสังหารจั๋วเชาก็มีชื่อเสียงโด่งดังมากอยู่ คนที่มีชื่อเสียงมิใช่ว่าจะเป็นพวกหลอกลวงกันทุกคน เกรงว่าฝีมือเขาจะไม่ธรรมดา

นางคิดว่าที่ตอนนี้หนิวโหย่วเต้าอ่อนน้อมถ่อมตัว มีความเป็นไปได้สูงว่าจะทำไปเพราะสถานการณ์บีบบังคับ เขาไม่อยากรนหาที่ตายก็เท่านั้น!

ทว่านางก็ไม่สะดวกจะทักท้วงอันใดศิษย์พี่ใหญ่ต่อหน้าคนมากมาย หากว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองเป็นเพียงศิษย์พี่ศิษย์น้องก็ยังพอว่า แต่นี่ในอนาคตทั้งสองจะกลายเป็นสามีภรรยากัน หากทำให้ฝ่ายชายเสียหน้าต่อหน้าคนมากมาย ภรรยาเป็นช้างเท้าหน้านำสามี วันหน้าคนอื่นจะมองอย่างไรเล่า?

คุนหลินซู่ค่อยๆ เดินไปที่หน้าขั้นบันได ทอดมองหนิวโหย่วเต้าจากมุมสูง เอ่ยถามว่า “ได้ยินว่าเจ้าสังหารจั๋วเชาหรือ?”

คนที่อยู่ในศาลาและคนนอกศาลต่างจ้องมองไปที่เขาพร้อมกัน

ลมหอบหนึ่งพัดโชยมา อาภรณ์สีแดงของคุนหลินซู่สะบัดพลิ้ว เมื่อผนวกเข้ากับรูปร่างสูงโปร่งที่ดูองอาจของเขา มันก็ยิ่งขับให้ดูสง่างาม

ความสง่างามเช่นนี้ทำให้คนจำนวนมากที่อยู่ด้านนอกศาลาลอบชื่นชมอยู่ในใจ สมกับเป็นศิษย์จากสำนักใหญ่

‘หรือว่าคนผู้นี้จะเป็นสหายสนิทของจั๋วเชา?’ หนิวโหย่วเต้าผงะไปเล็กน้อย คิดจะปฏิเสธไปทันที ทว่าเรื่องนี้มาจากข้อสรุปการจัดลำดับทำเนียบโอสถครั้งล่าสุดของหอหิมะเหมันต์ เขาไม่อาจกล่าวต่อหน้าคนมากมายได้ว่าหอหิมะเหมันต์จัดลำดับส่งเดช จึงทำได้เพียงตอบไปอย่างถ่อมตัวว่า “ข้าสังหารจั๋วเชาได้เสียที่ไหน อันที่จริงแล้วไม่ทราบเช่นกันว่าจั๋วเชาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากฝีมือของผู้ใดมาก่อน ทำให้ข้าพลอยได้โอกาสลงมือเท่านั้น!”

ลิ่งหูชิวฟังแล้วเหลือบมองหนิวโหย่วเต้าเล็กน้อย ตอนที่คนผู้นี้พูดกับตนดูเหมือนจะมิใช่เช่นนี้

คุนหลินซู่คิดในใจว่าอย่างนี้นี่เอง ก็คิดอยู่แล้วเชียวว่าคนผู้นี้จะมีปัญญาสังหารจั๋วเชาได้อย่างไร? แต่ภายนอกกลับเอ่ยอย่างเรียบเฉยว่า “ถ่อมตัวไปแล้ว แล้วตอนที่สังหารราชทูตแคว้นเยี่ยนที่อยู่ท่ามกลางวงล้อมอารักขาอย่างหนาแน่นก็เป็นเรื่องบังเอิญด้วยอย่างนั้นหรือ?”

หนิวโหย่วเต้าไม่เข้าใจว่าคนผู้นี้ต้องการอะไรกันแน่ จึงตอบกลับไปว่า “พี่คุนปราดเปรื่องนัก เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ อันที่จริงแล้วถึงจะดูเหมือนราชทูตแคว้นเยี่ยนถูกข้าสังหาร แต่ความจริงแล้วตายด้วยฝีมือของราชทูตแคว้นอื่นๆ อาจจะมีราชทูตของบางแคว้นที่กระทบกระทั่งกับราชทูตแคว้นเยี่ยนอยู่เล็กน้อย จึงจงใจล่อฝ่าซือติดตามของราชทูตแคว้นเยี่ยนให้ออกห่าง ทำให้ข้าพลอยได้โอกาสลงมือเท่านั้น”

สิ่งที่เขากล่าวไปก็เป็นความจริงเช่นกัน หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากคนส่วนหนึ่ง ด้วยสถานการณ์ในตอนนั้นเขาคงไม่มีทางสังหารซ่งหลงได้

พอได้ยินเขากล่าวมาเช่นนี้ มิใช่แค่คุนหลินซู่เท่านั้น แต่คนอื่นๆ คิดตามแล้วก็รู้สึกว่ามีความเป็นไปได้เช่นกัน เหล่าราชทูตแคว้นต่างๆ กระทบกระทั่งขัดคอกันเอง วางแผนเล่นงานกันไปมาก็เป็นเรื่องปกติอย่างยิ่ง ราชทูตแคว้นต่างๆ ที่อยู่ในเมืองหลวงแคว้นฉีเองก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน

ทว่าคุนหลินซู่กลับไม่คิดเช่นนี้ ที่เขามาในวันนี้ เขาได้ตัดสินใจแล้วว่าจะทำให้ฮ่องเต้แคว้นฉีได้เข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาบ้าง “หนิวโหย่วเต้า ถ่อมตัวเกินไปจะเป็นการเสแสร้งเอาได้”

หนิวโหย่วเต้ารีบกล่าวว่า “มิใช่การถ่อมตัว แต่ข้าไม่ได้มีความสามารถขนาดนั้นจริงๆ”

คุนหลินซู่เอ่ยว่า “จะเป็นการถ่อมตัวหรือว่าเสแสร้ง วัดจากฝีมือดูก็คงรู้แล้ว ได้ยินว่าเจ้ามีสภาวะขั้นสร้างฐาน ข้าเองก็มีสภาวะขั้นสร้างฐานเช่นกัน เจ้ายินดีรับคำท้าประลองของข้าหรือไม่?”

ทุกคนต่างประหลาดใจ รวมถึงตัวหนิวโหย่วเต้าด้วย ล้วนไม่คิดเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น

คนจากสำนักมหาบรรพตและสำนักศาสตราลึกล้ำมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าคุนหลินซู่จะเล่นอะไรกันแน่ ศิษย์จากสำนักใหญ่เลื่องชื่อมาทำเช่นนี้ต่อหน้าคนมากมาย จะไม่ถูกครหาว่าใช้อำนาจข่มเหงคนเขาหรอกหรือ? อีกอย่าง ต่อให้เจ้าเอาชนะหนิวโหย่วเต้าได้แล้วจะมีประโยชน์อันใดเล่า ในมุมมองของคนนอก การที่ศิษย์สำนักเพลิงนภาเอาชนะหนิวโหย่วเต้าได้ มันก็เป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้วมิใช่หรือ? ชนะไปก็ไม่ได้อะไรเกียรติยศอันใดเลย ไยต้องเปลืองแรงมาทำเรื่องไร้ประโยชน์เช่นนี้ด้วย

แต่จะว่าไปแล้ว คุนหลินซู่เป็นคนของสำนักเพลิงนภา ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาสองสำนักจะต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรด้วย

เผยซานเหนียงลอบอุทานว่าแย่แล้วแทนหนิวโหย่วเต้า คุนหลินซู่เป็นคนเช่นไรนางทราบกระจ่างเป็นอย่างดี หัวกะทิในบรรดาศิษย์รุ่นนี้ของสำนักเพลิงนภา เย่อหยิ่งจองหอง เป็นคนที่กล้าลงมือสั่งสอนองค์ชาย เมื่อคนผู้นี้ออกปากมาแล้ว เกรงว่าคงทนรับการปฏิเสธจากหนิวโหย่วเต้าไม่ได้ หากว่าปฏิเสธไปเกรงว่าคนผู้นี้คงจะรู้สึกเสียหน้า

ก่อนหน้านี้นางยังคิดอยู่ว่าหนิวโหย่วเต้าทำตัวอ่อนน้อมจนหลบพ้นภัยไปได้แล้ว ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก

นางและหนิวโหย่วพอจะมีไมตรีต่อกันอยู่บ้างไม่มากก็น้อย ดังนั้นในใจจึงคิดอยากจะเตือนหนิวโหย่วเต้าเล็กน้อย ให้หนิวโหย่วเต้ายอมรับคำท้าไปเสีย อย่าได้ปฏิเสธคำท้าของคนผู้นี้ จากนั้นก็ให้รีบพ่ายแพ้ไปเสีย ถึงเอาชนะได้ก็อย่าได้เอาชนะเลย มิเช่นนั้นจะเป็นการหยามหน้าสำนักเพลิงนภา สำนักเพลิงนภาไม่มีทางยอมปล่อยเขาไป จะต้องสังหารเขาเพื่อกู้หน้าคืนแน่นอน

ทว่านางไม่อาจกล่าวเตือนต่อหน้าคนมากมายได้ ประกอบกับหนิวโหย่วเต้ามองหน้าคุนหลินซู่อยู่ ไม่ได้มองมาที่นางเลย นางไม่มีแม้แต่โอกาสจะส่งสายตาให้

ฝ่ายหนิวโหย่วเต้าที่สบตากับคุนหลินซู่อยู่ ดวงตาทอแววคมกริบวาวโรจน์อยู่ชั่วพริบตาหนึ่ง แต่จากนั้นก็คลายตัวลงอย่างรวดเร็ว ประสานมือพลางกล่าวไปว่า “มิกล้าๆ ข้าไหนเลยจะใช่คู่ต่อสู้ของพี่คุน”

คุนหลินซู่เอ่ยว่า “อย่าได้เอ่ยเรียก ‘พี่คุน’ อันใดส่งเดช หากไม่กล้ารับคำท้า เจ้าจะนับเป็นตัวอันใดได้ มีสิทธิ์อะไรมาเรียกขานเป็นพี่เป็นน้องกับข้า ขอถามประโยคเดียว จะรับคำท้าประลองของข้าหรือไม่? ”

วาจานี้เจือความดูถูกเอาไว้อย่างเด่นชัด หนิวโหย่วเต้ากลับมินำพา ประสานมือกล่าวตอบว่า “ผู้น้อยมิใช่คู่ต่อสู้ของท่านคุนจริงๆ ผู้น้อยขอประกาศยอมแพ้ต่อหน้าทุกคนในที่นี้” กล่าวจบก็หันหลังไปตะโกนบอกทุกคนว่า “ผู้น้อยหนิวโหย่วเต้า ขอยอมรับว่าไม่แข็งแกร่งเท่าท่านคุนหลินซู่แห่งสำนักเพลิงนภา ขอยอมรับความพ่ายแพ้ต่อหน้าทุกคนในที่นี้!”

ว่าจบก็หันกลับมาอีกครั้ง ประสานมือค้อมตัวให้คุนหลินซู่ แสดงท่าทางยอมรับความพ่ายแพ้อย่างจริงใจ

ผู้คนที่อยู่ในที่นี้ไม่รู้ว่ามีคนมากน้อยเท่าไรที่แอบสะท้อนใจ แล้วก็พอจะเข้าใจว่าหนิวโหย่วเต้าทำไปเพื่อรักษาชีวิตไว้

จะว่าไปแล้ว ในมุมมองของทุกคนแล้ว การยอมรับว่าสู้คนของสำนักเพลิงนภาไม่ได้ก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องน่าขายหน้าสักเท่าไร

คุนหลินซู่เอ่ยอย่างเฉยชาว่า “ยอมรับความพ่ายแพ้จากใจจริงอย่างนั้นหรือ?”

หนิวโหย่วเต้าค้อมคำนับอีกครั้ง “ถูกต้อง ผู้น้อยยอมรับความพ่ายใจจากใจจริง”

คุนหลินซู่กลับกล่าวว่า “คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ ลำพังพูดปากเปล่าไม่มีประโยชน์ ต้องแสดงความจริงใจออกมาด้วย! เอาอย่างนี้แล้วกัน หากเจ้าตัดแขนตนทิ้งข้างหนึ่ง ข้าก็จะยอมรับว่าเจ้าจริงใจ”

พอเขาเอ่ยออกมาเช่นนี้ สีหน้าของคนจำนวนไม่น้อยพลันเปลี่ยนไปทันที ฉินยงแห่งสำนักมหาบรรพตและคนจากสำนักศาสตราลึกล้ำสบตากัน ล้วนรู้สึกว่าวันนี้คุนหลินซู่ทำเกินไปหน่อย หนิวโหย่วเต้ายอมอ่อนข้อให้เช่นนี้แล้ว เจ้ายังจะบีบคั้นคนเขาเช่นนี้อีก รังแกเขามากเกินไปแล้ว ดีร้ายอย่างไรสำนักเพลิงนภาก็เป็นถึงสำนักชั้นแนวหน้า ไยต้องทำกันถึงขั้นนี้ด้วย!

ทางนี้รู้สึกสงสัยขึ้นเล็กน้อยแล้วว่าคุนหลินซู่ผูกหนี้แค้นอันใดกับหนิวโหย่วเต้าไว้โดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้หรือเปล่า?

“ศิษย์พี่ ในเมื่ออีกฝ่ายยอมรับความพ่ายแพ้แล้วก็แล้วไปเถิด” หั่วเฟิ่งหวงเดินออกมา กระซิบเกลี้ยกล่อมคุนหลินซู่ประโยคหนึ่ง

คุนหลินซู่หันไปมองนางทันที ทั้งสองสบตากัน สุดท้ายยังคงเป็นหั่วเฟิ่งหวงหลบสายตา ขบริมฝีปากเล็กน้อยแล้วถอยออกไป!

ภายในใจนางค่อนข้างสับสน ก่อนหน้านี้ช่วงที่ทั้งสองยังไม่ได้หมั้นหมายกัน นางเห็นสิ่งใดขัดตาก็ยังสามารถเอ่ยตักเตือนศิษย์พี่ได้ ศิษย์พี่เองก็จะยิ้มแล้วยอมคล้อยตามตน ไม่เคยมองตนด้วยสายตาเช่นนี้มาก่อนเลย!

หนิวโหย่วเต้าที่ค้อมตัวคำนับอยู่พลันแข็งทื่อ ก่อนจะค่อยๆ ยืดตัวขึ้นมา สบสายตาของคุนหลินซู่ที่มองมา เขาเงียบไปสักพัก จากนั้นเอ่ยเนิบๆ ขึ้นมาว่า “ร่างกายนี้ล้วนเป็นบุพการีมอบให้มา ไม่กล้าทำลายทิ้งส่งเดช ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงแขนข้างหนึ่งเลย ขอท่านคุณโปรดเมตตาละเว้นผู้น้อยอย่างข้าด้วย!”

คุนหลินซู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “ข้าจะถามเจ้าเพียงประโยคเดียว เจ้าจะตัดหรือไม่ตัด?”

ทั้งสองจ้องตากัน หนิวโหย่วเต้าค่อยๆ ยิ้มออกมา กล่าวไปว่า “เห็นทีว่าวันนี้คงปฏิเสธคำท้าไม่ได้เสียแล้ว!”

………………………………………………………………..