ตอนที่ 309 ต้องแพ้เท่านั้น ชนะไม่ได้
“น้องหนิว…” ลิ่งหูชิวและเฟิงเอินไท่แทบจะเอ่ยออกมาเป็นเสียงเดียวกัน ต่างคิดจะห้ามปราม
หนิวโหย่วเต้ายกมือปรามพวกเขาทันที “ก็แค่ประลองกันเท่านั้น ไม่ได้ถึงขั้นจะเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ท่านคุนว่าใช่หรือไม่?”
คุนหลินซู่ยิ้มเล็กน้อย ค่อยๆ ก้าวลงบันไดไป ชี้ไปที่ลิ่งหูชิวและเฟิงเอินไท่ “หากไม่อยากประลอง จงหลบทางเสีย!”
สีหน้าของเฟิงเอินไท่ดูแย่ขึ้นมา นึกเสียใจว่าไม่ควรโผล่หน้าออกมาในเวลานี้เลย เขารู้แก่ใจดี หากเกิดอะไรขึ้นกับคุนหลินซู่ หากทำให้สำนักเพลิงนภาเสียหน้า สำนักเพลิงนภาไม่มีทางปล่อยให้เรื่องชวนขบขันเช่นนี้ดำเนินอยู่ต่อไป พวกเขาต้องหาทางยุติเรื่องชวนขบขันนี้ลงโดยเร็วแน่ ไหนเลยจะยอมปล่อยหนิวโหย่วเต้าให้รอดไปได้เล่า?
ในฐานะที่เป็นคนที่มีสำนักเหมือนกัน หัวอกเดียวกัน เขาจึงพอจะเข้าใจหลักเหตุผลบางอย่างดี!
เขาอดไม่ได้ที่มองไปทางลิ่งหูชิวที่อยู่ด้านข้าง หากไม่ใช่เพราะเห็นคนผู้นี้อยู่ด้วย เขาคงไม่มีทางเผยตัวออกมา เพราะเขาเองก็ไม่เชื่อเช่นกันว่าที่ลิ่งหูชิวมาเป็นเพื่อนหนิวโหย่วเต้าเพราะคำนึงถึงไมตรีระหว่างพี่น้อง อีกฝ่ายน่าจะเป็นเพราะคิดว่าคงไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นถึงได้มาด้วย!
สีหน้าของลิ่งหูชิวเองก็ดูไม่ดีเช่นกัน ถูกต้อง ที่เขามาด้วยเพราะคิดว่าไม่มีทางเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริงๆ มิเช่นนั้นคงตัดสินใจหลีกลี้หนีห่างแล้ว ผู้ใดจะคิดเล่าว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ไม่รู้เช่นกันว่าคุนหลินซู่ไปกินอะไรผิดสำแดงมากันแน่!
ในเมื่อคุนหลินซู่กล้าท้าประลอง ทั้งสองคนคิดว่าเขาจะต้องมีความมั่นใจเต็มที่แน่ คิดว่ามีโอกาสสูงมากที่หนิวโหย่วเต้าจะพ่ายแพ้ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าหนิวโหย่วเต้าสังหารจั๋วเชาได้อย่างไรกันแน่ เรื่องนี้ทำให้ทั้งสองคนไม่มีความมั่นใจอย่างยิ่ง เมื่อครู่หนิวโหย่วเต้าตั้งใจวางตัวต่ำต้อยนั้นเป็นเรื่องถูกต้องแล้ว แต่ใครจะไปรู้ได้ว่าเจ้านี่คิดอะไรอยู่กันแน่ ยามที่ยังเป็นศิษย์ของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์อยู่ก็กล้าลงมือสังหารหลานชายของซ่งจิ่วหมิง ต่อมาก็สังหารราชทูตแคว้นเยี่ยนอีก หากเจ้านี่อาละวาดขึ้นมา มันก็ยากจะรับประกันได้ว่าเขาจะไม่ก่อเรื่องโง่ๆ อันใดขึ้น
หากเกิดเรื่องขึ้นกับคุนหลินซู่ ทุกคนเห็นกับตาแล้วว่าพวกเขาทั้งสองมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกับหนิวโหย่วเต้า มันก็ยากจะรับประกันได้ว่าสำนักเพลิงนภาจะไม่พาลมาถึงพวกเขาด้วย
เมื่อถูกคุนหลินซู่สั่งให้หลีกทาง ขณะที่ลิ่งหูชิวเดินผ่านหนิวโหย่วเต้า เขาก็ได้เอ่ยกระซิบอย่างรวดเร็วประโยคหนึ่ง “ต้องแพ้เท่านั้น ชนะไม่ได้!”
“น้องหนิว ต้องแพ้เท่านั้น ห้ามเอาชนะ!” เฟิงเอินไท่ก็เอ่ยกำชับเช่นเดียวกัน
ทั้งสองกำชับตักเตือน แต่หนิวโหย่วเต้ากลับไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆ ไม่ทราบเช่นกันว่าฟังคำพูดของพวกเขาทั้งสองเข้าหูบ้างหรือไม่
ทั้งสองถอยห่างออกไป กลุ่มคนที่มุงล้อมอยู่ริมผาก็ถอยออกไปเช่นกัน หลีกทางเปิดเป็นพื้นที่ว่างให้ เมื่อเรื่องราวไม่ได้เกี่ยวข้องมาถึงตน ทุกคนล้วนอยากชมเรื่องครื้นเครงทั้งสิ้น
บนท้องฟ้าในยามนี้มีเมฆครึ้มลอยเข้ามาบดบังแสงตะวัน ทำให้บริเวณนี้มืดสลัวลงไปไม่น้อย คล้ายจะเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลง
คุนหลินซู่เดินมาหยุดตรงหน้าหนิวโหย่วเต้า เอ่ยถามว่า “เตรียมตัวพร้อมหรือยัง?”
หนิวโหย่วเต้าถามกลับ “ท่านคุณอยากประลองอย่างไร?”
คุนหลินซู่ตอบว่า “สู้มือเปล่า!”
หนิวโหย่วเต้าพยักหน้าเล็กน้อย มองเขาหัวจรดเท้า “ท่านคุณไม่ใช้อาวุธหรือ?”
คุนหลินซู่กล่าวว่า “ศิษย์สำนักเพลิงนภาไม่เคยใช้อาวุธใดๆ ตัวคนก็คืออาวุธที่ยอดเยี่ยมที่สุดอยู่แล้ว!”
หนิวโหย่วเต้ายื่นมือไปที่เอว ปลดกระบี่พกออก สะบัดมือโยนออกไปด้านข้าง ลิ่งหูชิวที่อยู่ด้านข้างยื่นมือออกมารับไว้
หนิวโหย่วเต้าค่อยๆ ถอยออกไป เว้นระยะห่างกับคุนหลินซู่เล็กน้อย เผื่อตัวเองเกิดอารมณ์ชั่ววูบอะไรขึ้นมาจะได้หยุดยั้งไว้ทัน
ทั้งสองสบตาเผชิญหน้ากัน
สีหน้าท่าทีของคุนหลินซู่ค่อยๆ ตึงเครียดขึ้นมา ในเมื่ออีกฝ่ายกล้ายอมรับคำท้า เขาก็ไม่กล้าดูแคลนแล้วเช่นกัน
การที่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นศิษย์หัวกะทิในบรรดาศิษย์รุ่นนี้ของสำนักเพลิงนภาได้ เขาย่อมต้องมีอะไรที่เหนือกว่าคนอื่น มาตรว่าเขาจะหยิ่งผยองดูแคลนอีกฝ่ายอย่างไร ทว่าเขาไม่เคยประมาทคู่ต่อสู้คนไหนเลย เขาจะต่อสู้อย่างมีสมาธิจดจ่อเต็มที่อยู่เสมอ!
“กล้าข่มเหงคนอื่นเช่นนี้ ข้าก็อยากจะเห็นนักว่าท่านมีฝีมือแค่ไหนกัน!” หนิวโหย่วเต้าพลันตวาดขึ้นมา ร่างกายขยับเคลื่อนไหวในทันใด ชิงลงมือก่อน ซัดหมัดพุ่งเข้าโจมตีคุนหลินซู่
คุนหลินซู่พลันซัดฝ่ามือออกไปต้านรับ
หมัดและฝ่ามือปะทะกัน เกิดเสียงดังสนั่น บนร่างหนิวโหย่วเต้ามีลมรุนแรงกระโชกขึ้นมา ร่างเขาลอยละลิ่วออกไปดุจว่าวสายป่านขาด
คนที่มุงดูอยู่รอบข้างต่างตกใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่คิดเลยว่าพลังฝ่ามือของคุนหลินซู่จะทรงพลังถึงเพียงนี้ แค่ฝ่ามือเดียวก็ซัดหนิวโหย่วเต้ากระเด็นออกไปได้ง่ายๆ แล้ว ลำพังเพียงลมที่กระโชกออกมาจากร่างหนิวโหย่วเต้าก็ทำให้รู้แล้วว่าฝ่ามือนี้ร้ายกาจเพียงใด!
ทุกคนคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าพลังของทั้งสองคนจะห่างชั้นกันถึงเพียงนี้ มิน่าเล่าคุนหลินซู่ถึงได้ท้าประลองด้วยความมั่นใจเช่นนี้ สำนักเพลิงนภาช่างร้ายกาจสมคำร่ำลือโดยแท้!
พวกฉินยงที่ชมการต่อสู้อยู่ในศาลาต่างตกตะลึงกันพอสมควร พลังของคุนหลินซู่เหมือนจะเหนือกว่าที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้
กระทั่งหั่วเฟิ่งหวงก็ตะลึงไปเช่นกัน ไม่คิดเลยว่าศิษย์พี่จะซุกซ่อนพลังแกร่งกล้าเช่นนี้ไว้โดยที่ตนไม่ทราบเรื่องเลย!
หนิวโหย่วเต้าหล่นกระแทกพื้นดังตึง กระอักโลหิตออกมาดัง ‘พรูด’ มือข้างหนึ่งยันพื้น มืออีกข้างกุมหน้าอกไว้
ทุกคนมองหน้ากันเหลอหลา เพียงกระบวนท่าเดียวหนิวโหย่วเต้าก็พ่ายแพ้หมดท่าแล้ว ดูเหมือนเรื่องที่ว่าเขาสังหารจั๋วเชาได้จะมีเงื่อนงำอยู่จริงๆ
“น้องหนิว น้องสาม!” ลิ่งหูชิวและเฟิงเอินไท่ปรี่เข้ามาทันที ประคองแขนซ้ายขวาของหนิวโหย่วเต้าเอาไว้ พยุงเขาขึ้นมา สอบถามด้วยความห่วงใยว่า “เป็นอย่างไรบ้าง?”
ภายนอกดูห่วงใย แต่ภายในใจทั้งสองกลับโล่งอกกันทั้งคู่ แพ้ก็ดี แพ้ก็ดีแล้ว!
‘พรวด!’ หนิวโหย่วเต้าพ่นโลหิตออกมาอีกคำ หอบหายใจถี่กระชั้น เอ่ยกับคุนหลินซู่ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม “ท่านคุณฝีมือเลิศล้ำ แซ่หนิวไม่อาจเทียบได้ ขอยอมรับความพ่ายแพ้จากใจ ขอท่านคุณเมตตา ไว้ชีวิตข้าด้วย!”
คุนหลิงซู่ที่ยังยกมือค้างไว้ตกอยู่ในอาการตกตะลึง พอได้ยินวาจานี้ก็ได้สติกลับมา กัดฟันกรอด ในดวงตามีเพลิงโทสะพวยพุ่งออกมา!
ยามที่ปะทะเข้ากับหมัดเมื่อครู่นี้ เขาเลือกที่จะเข้าปะทะตรงๆ เพราะอยากหยั่งเชิงว่าฝีมือของหนิวโหย่วเต้าแข็งแกร่งแค่ไหน ทว่าทันทีที่ประมือกัน เขาก็แทบจะสะดุ้งโหยงเช่นกัน พบว่าพอฝ่ามือตนปะทะเข้ากับอีกฝ่าย ก็คล้ายกับว่าฟาดฝ่ามือใส่ปุยนุ่นอย่างไรอย่างนั้น พลังฝ่ามือของตนที่กระทบเข้ากับร่างหนิวโหย่วเต้าเสมือนโคลนที่ละลายหายไปในทะเล!
ยามนั้นความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัวเขา พบยอดฝีมือเข้าแล้ว!
เขาเตรียมทุ่มพลังทั้งหมดตอบโต้กลับไป ผู้ใดจะทราบว่าอีกฝ่ายกลับไม่ให้โอกาสเขาได้โต้กลับเลย
คิดไม่ถึงว่ายอดฝีมือผู้นี้จะถูกฝ่ามือเขาซัดจนกระเด็นออกไป!
เกิดอะไรขึ้น? พลังฝ่ามือของตนยังไม่ทันได้สัมผัสถูกอะไรเลย แล้วจะซัดอีกฝ่ายกระเด็นออกไปได้อย่างไร? ซ้ำยังทำให้อีกฝ่ายกระอักโลหิตอีกอย่างนั้นหรือ?
สถานการณ์แปลกประหลาดเช่นนี้เขาเพิ่งเคยประสบเป็นครั้งแรก มึนงงทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ กระทั่งหนิวโหย่วเต้ายอมรับความพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิงแล้ว เขาถึงกระจ่างขึ้นมาในทันใด!
อีกฝ่ายไหนเลยจะถูกเขาซัดกระเด็นออกไป นี่มันจงใจแอบแพ้ให้เขาชัดๆ!
การที่เขาเย่อหยิ่งทะนงตน ย่อมมีสาเหตุที่ลำพองตนอยู่ นับตั้งแต่วันแรกที่เข้าสู่สำนักเพลิงนภา ไม่ว่าจะเป็นการประลองใดๆ เขาล้วนชนะมาได้อย่างเปิดเผยชอบธรรม จำเป็นต้องให้คนอื่นมาอ่อนข้อเสมือนให้ทานเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร?
สำหรับเขาแล้ว สิ่งที่น่าชังยิ่งกว่านั้นคือเรื่องที่หนิวโหย่วเต้ายังตะโกนออกมาในตอนแรกด้วยว่า ‘กล้าข่มเหงคนอื่นเช่นนี้ ข้าก็อยากจะเห็นนักว่าท่านมีฝีมือแค่ไหนกัน!’ จากนั้นก็ทำท่าเหมือนจะสู้สุดตัว ผลคือถูกเขาซัดกระเด็นออกไปในฝ่ามือเดียว สุดท้ายยังหล่นกระแทกพื้นกระอักโลหิตด้วยอย่างนั้นเหรอ?
เขาอยากจะถามหนิวโหย่วเต้าเหลือเกินว่าเจ้ามาเป็นผู้บำเพ็ญเพียรทำไม ไยไม่ไปเป็นนักแสดงเสีย?
สำหรับเขาแล้วการทำเช่นนี้เท่ากับเห็นเขาเป็นคนโง่ เป็นความอัปยศอดสูอย่างใหญ่หลวง!
หากว่ามีใครในที่นี้มองพิรุธอันใดออก หากว่าวันใดความจริงเปิดเผยออกไป ชัยชนะที่ตนได้มาในวันนี้จะไม่กลายเป็นเรื่องตลกในใต้หล้าหรอกหรือ?
คุนหลินซู่โมโหจนตัวสั่น ชี้หน้าหนิวโหย่วเต้าแล้วเอ่ยว่า “เจ้าเป็นยอดฝีมืออย่างที่คิดจริงๆ เป็นยอดฝีมือด้านการแสดง แสดงฝีมือที่แท้จริงของเจ้าออกมาเสีย มิเช่นนั้นวันนี้เจ้าอย่าหวังจะรอดชีวิตไปจากที่นี่ได้!”
ทุกคนตกตะลึง พูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?
หนิวโหย่วเต้าที่ถูกพยุงขึ้นมาโดยที่ยังมีโลหิตไหลซึมมุมปากอยู่ตะลึงงันไป ค่อยๆ เงยหน้ามองไปที่อีกฝ่าย
ถูกต้อง เขาจงใจแพ้ เขาไม่ใช่คนโง่ ไม่จำเป็นต้องให้ลิ่งหูชิวและเฟิงเอินไท่มาเตือนสติเลย ทราบดีว่าจะเอาชนะไม่ได้ ต้องแพ้เท่านั้น มิเช่นนั้นจะถูกสำนักเพลิงนภาตามหาเรื่อง แล้วหลังจากนั้นจะมีปัญหาตามมาไม่สิ้นสุด!
ด้วยเหตุนี้เขาจึงพ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียวเสีย ถูกซัดกระเด็นออกไปในฝ่ามือเดียว ซ้ำยังใช้พลังบีบให้ตนกระอักเลือดออกมาด้วย!
สรุปแล้วคือต้องการแสดงให้ทุกคนเห็นว่าตนสู้อีกฝ่ายไม่ได้จริงๆ ต้องการไว้หน้าคุนหลินซู่ ในเมื่อเจ้าอยากได้หน้าข้าก็จะให้เจ้า เจ้าอยากเหยียบย่ำข้าเพื่อสร้างชื่อเสียงข้าจะก็ยอมให้เจ้า!
ตอนประมือกันเมื่อครู่นั้น เขาก็จงใจทำให้คุนหลินซู่ได้ตระหนักถึงเส้นสนกลในเช่นกัน ทำให้คุนหลินซู่รู้ว่าไม่มีทางเอาชนะตัวเขาได้ง่ายๆ ทำให้คุนหลินซู่รู้ว่าเขากำลังไว้หน้าคุนหลินซู่อยู่ ในเมื่อตนยอมแพ้แล้ว หากคุนหลินซู่ฉลาดพอก็น่าจะรู้ว่าอะไรควรไม่ควร น่าจะยอมปล่อยเขาไป!
ผู้ใดจะคาดเล่าว่าคุนหลินซู่กลับไม่รู้ความ เปิดโปงออกมาเสียเอง!
ประเด็นคือหนิวโหย่วเต้าไม่รู้จักคุนหลินซู่เลยแม้แต่นิดเดียว หากเขารู้จักนิสัยใจคอของคุนหลินซู่ เขาย่อมไม่มีทางกระทำเรื่องที่จะยั่วโทสะอีกฝ่ายเช่นนี้
พอคุนหลินซู่ทำเช่นนี้ ละครฉากนี้ก็ดูเหมือนจะแสดงต่อไปไม่ได้แล้ว!
ทุกคนยังคงตกอยู่ในความมึนงงไม่เข้าใจ ลิ่งหูชิวและเฟิงเอินไท่ที่ช่วยประคองอยู่ทางซ้ายและขวาของหนิวโหย่วเต้าก็มองหนิวโหย่วเต้าด้วยสายตาฉงนคลางแคลงเช่นกัน
ในเวลานี้คุนหลินซู่กลับค่อยๆ กางแขนทั้งสองข้างออก อากาศไหวระริก อุณหภูมิรอบข้างพลันเพิ่มสูงขึ้นกะทันหัน
ฝ่ามือบนแขนทั้งสองข้างที่อ้ากางออกของเขาพลันพลิกชูขึ้นไปบนฟ้า ชั่วพริบตานั้นมีลูกไฟสองลูกผุดออกมาจากในฝ่ามือ แขนทั้งสองข้างสะบัดเล็กน้อย ลูกไฟสองลูกพลันระเบิดตัวออกมา ลามเลียห่อหุ้มทั้งร่างของเขาเอาไว้ในทันใด ยืนตระหง่านอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ร้อนแรงประหนึ่งเทพเซียน
เหตุการณ์ที่ปรากฏขึ้นในยามนี้น่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง นี่เป็นเทพหรือเซียนกัน? ทรงพลังจนทำให้สรรพสิ่งนับถือบูชาได้!
ม่านตาหนิวโหย่วเต้าหดตัว ได้พบเห็นภาพอันน่าอัศจรรย์เข้าแล้ว เปลวเพลิงลุกไหม้ขึ้นมาจากอากาศ!
แขนที่มีเพลิงลุกท่วมข้างหนึ่งชี้ไปที่ลิ่งหูชิวและเฟิงเอินไท่ ตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “ไม่ใช่เรื่องของพวกเจ้า หากไม่อยากตายก็ไสหัวออกไปซะ!”
เมื่อได้ยินเขากล่าวว่าไม่ใช่เรื่องของพวกเขา เพียงแค่ประโยคนี้ก็เพียงพอแล้ว ลิ่งหูชิวและเฟิงเอินไท่สบตากันเล็กน้อย ต่างค่อยๆ ปล่อยแขนหนิวโหย่วเต้าออก จากนั้นก็ถอยหลบออกไปอย่างรวดเร็ว
ในเวลานี้ไม่ว่าผู้ใดก็มองออกทั้งสิ้น คุนหลินซู่น่าจะโกรธขึ้นมาจริงๆ แล้ว!
คุนหลินซู่ที่อยู่ในเปลวเพลิงชี้ไปที่หนิวโหย่วเต้าอีกครั้ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวโกรธ “ข้าจะพูดอีกครั้ง หากไม่แสดงฝีมือที่แท้จริงของเจ้าออกมา วันนี้เจ้าก็อย่าหวังว่าจะรอดชีวิตออกไปได้!”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยเสียงขรึม “ท่านคุน ข้าแพ้แล้ว อีกทั้งยอมรับว่าสู้ไม่ไหว ยอมรับความพ่ายแพ้แล้ว เหตุใดยังต้องบีบบังคับข้าอีก?”
“ยังกล้าปากแข็งอีกหรือ รนหาที่ตาย!” คุนหลินซู่เสียหน้าจนพาลโกรธ ตวาดอย่างโกรธเกรี้ยว “ข้าก็อยากเห็นนักว่าเจ้าจะหลบไปได้ถึงเมื่อไร!”
เขาพลันสะบัดแขนทั้งสองข้าง เปลวเพลิงก่อตัวเป็นมังกรเพลิงสองสาย ตั้งท่าพร้อมจู่โจม เตรียมโจมตีใส่หนิวโหย่วเต้า!
“ช้าก่อน!” หนิวโหย่วเต้าพลันยกมือปราม เอ่ยไปว่า “หากท่านอยากสู้จริงๆ ก็ต้องตกลงกันให้ชัดเจนก่อน หากไม่ตั้งกฎกติกา ข้าก็ทำได้แค่ต้องยอมแพ้!”
มังกรเพลิงที่ตั้งท่าโจมตีพลันหยุดชะงัก เริ่มเลื้อยวนเวียนอยู่รอบตัวคุนหลินซู่ดั่งมังกรแหวกว่าย อุณหภูมิร้อนแรงแผ่กระจายออกไปรอบด้านอย่างต่อเนื่อง
คุนหลินซู่ยืนอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิง เอ่ยอย่างเย็นชา “มีอะไรก็รีบว่ามา อย่ามัวชักช้ายืดยาด!”
“ไว้หน้าแล้วแต่กลับไม่รับไว้ เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้านักหรือ!” หนิวโหย่วเต้าพลันโมโหขึ้นมา เอ่ยเสียงดังก้อง หนักแน่นทรงพลัง เสียงตวาดด้วยความโกรธดังสนั่นปานสายฟ้าฟาด ทำให้ทุกคนที่อยู่ในที่นี้ต่างตกใจขึ้นมา
จู่ๆ เขาก็ระเบิดอารมณ์ออกมาเช่นนี้ ทำให้บรรยากาศรอบข้างเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา!
เมื่อมองดูท่าทางที่เขาตวาดออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยวอีกครั้ง เรียกได้ว่าแตกต่างจากท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตัวก่อนหน้านี้ราวกับเป็นคนละคน!
เวลานี้ทุกคนถึงได้ตระหนักขึ้นมาอย่างแท้จริงแล้วว่า เมื่อครู่ดูเหมือนคนผู้นี้จะจงใจแพ้ให้คุนหลินซู่จริงๆ ทั้งยังแสดงได้สมจริง คิดไม่ถึงว่าจะไม่มีใครมองออกเลย!
…………………………………………………………………………..