ตอนที่ 304 มาปิกนิกกันเถอะ 1

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ

ตอนที่ 304 มาปิกนิกกันเถอะ 1
ตอนที่ 304 มาปิกนิกกันเถอะ 1

“เชลย? ฮ่า ๆ! กลัวมากมั้ง!” สวี่หลิงอวิ๋นกลอกตา “นอกจากจะโม้เก่งแล้ว แกทำอะไรได้อีกไหม?”

ทันใดนั้นเธอก็ปรบมือ “อา! ใช่แล้ว! แกเต้นรำเป็นใช่ไหม?”

เต้น? เต้นรำ?! มาการ์จำการเต้นรำที่ยังไม่จบดีของเนี่ยหานได้ และท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปทันที!

สวี่หลิงอวิ๋นเป็นคนรอบคอบ! เธอค้นพบจุดอ่อนของมาการ์อย่างง่ายดาย!

“เป็นไง? รอไม่ไหวที่จะเต้นรำต่อหน้าพี่น้องชิงเหย้าของเราแล้วล่ะสิ?” สวี่หลิงอวิ๋นพูดติดตลก “ไม่ต้องห่วง ฉันจะเตรียมการให้แกเอง! เริ่มจากถ่ายทอดสดก่อนดีไหม?”

มาการ์ได้ยินคำพูดดังกล่าว “แก! แกจะทำอะไร! เลิกทำให้คนอื่นขายหน้าสักที! ถ้าเก่งนักก็ฆ่าฉันซะ!”

หลังจากนั้นเขาก็พยายามกัดลิ้นเพื่อฆ่าตัวตาย!

แต่ในเมื่อสวี่หลิงอวิ๋นอยู่ด้วย เขาจะทำแบบที่ต้องการได้อย่างไร?

และในไม่ช้า เขาก็ค้นพบว่าตัวเองควบคุมปากไม่ได้ ดวงตาจับจ้องไปที่หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว!

เขาอยากจะถามว่าเธอเป็นคนควบคุมเขาหรือเปล่า? ทำไมเขาถึงขยับตัวไม่ได้ แต่ในที่สุดก็หมดหวัง เพราะว่ามันชัดเจนแล้ว

สวี่หลิงอวิ๋นยิ้มเยาะและดีดนิ้ว “อย่าคิดจะฆ่าตัวตายเลย แกไม่ใช่พวกมนุษย์ป้าที่เอาแต่สร้างปัญหาไปทั่วนี่! ทำตัวให้สมกับเป็นพลเอกหน่อย โอเคไหม?”

มาการ์แทบจะบ้าตาย

กล้าเอาเขาไปเปรียบเทียบกับมนุษย์ป้า! ถ้าไม่สร้างความอับอายให้เขาก่อน ตัวเขาจะคิดฆ่าตัวตายหรือไง?

น่าเสียดายที่ตอนนี้เขาไม่มีทางที่จะจัดการกับหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าได้ และในที่สุดเขาก็เข้าใจอารมณ์ของเนี่ยหานกับเฮ้าส์เดล

อึดอัดบ้าชะมัดเลย!

อยากตายแต่ก็ตายไม่ได้ อยากมีชีวิตอยู่ต่อแต่ก็ไม่ได้ใช้ชีวิต…

“กำลังรู้สึกอึดอัดใช่ไหมล่ะ คิดว่าเรื่องจบแล้วปัญหาจะจบลงด้วยล่ะสิ?” สวี่หลิงอวิ๋นยิ้มและพูดต่อ “ฉันจะให้โอกาสแก แต่แกต้องประลองปัญญากับฉันก่อน”

มาการ์จ้องมองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า และรู้สึกว่าปากของเขาถูกคลายออก ราวกับบอกว่าเขาสามารถพูดได้

“อ๊ะ ๆๆ!” มาการ์หัวเราะเยาะ แสร้งทำเป็นจะพูดบางอย่าง แต่กลับกัดลิ้นของตัวเองทันที แต่กลับไม่น่าเชื่อว่าหญิงสาวคนนี้จะป้องกันการฆ่าตัวตายของเขาเอาไว้ได้

แต่ความจริงนั้นช่างโหดร้าย สวี่หลิงอวิ๋นไม่เพียงแต่จะค้นพบ แต่ยังยับยั้งการกระทำของเขาเอาไว้ด้วย

“แกจะเล่นตุกติกกับฉันหรือไง? โชคดีที่ฉันมีลางสังหรณ์นะเนี่ย!” สวี่หลิงอวิ๋นจ้องมองอย่างเย็นชา “อยากตายนักใช่ไหม? ได้ งั้นฉันจะไม่ห้าม”

“ตราบใดที่แกบอกว่าใครคือสายลับ”

“อย่าได้คิด” มาการ์พูดขึ้นและแสยะยิ้ม “เธอจะไม่มีวันได้รู้ว่าคนคนนั้นคือใคร”

สวี่หลิงอวิ๋นจ้องมองเขา และเยาะเย้ย “แกนี่มันหัวแข็งเหมือนเนี่ยหานไม่มีผิด”

“แต่ฉันไม่คิดว่าจะอดทนไปได้นานกว่าเนี่ยหานหรอก” สวี่หลิงอวิ๋นปรบมือ “เตรียมฉายระบำเปลื้องผ้าให้กับทุกคน”

เต้นรำ เต้นรำ เต้นรำอีกแล้ว!!!

หญิงสาวคนนี้ทำให้มาการ์ถึงกับจะเป็นบ้าได้ “เธอไม่มีวิธีที่มันนอกเหนือจากนี้อีกแล้วหรือไง?”

“วิธี? แกกำลังบอกว่าวิธีการของฉันมันซ้ำซากจำเจใช่ไหม?” สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้า “ในเมื่อแกอยากเล่นอะไรที่ตื่นเต้น งั้นฉันก็จะจัดให้”

“แต่งตัวเป็นผู้หญิงแล้วเต้นระบำเปลื้องผ้าแบบนี้ดีไหม?” สวี่หลิงอวิ๋นจ้องมองชายที่อยู่ตรงหน้า “ได้ยินมาว่าพลเอกมาการ์ยังไม่เคยเต้นรำนี่นา?”

“ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ” มาการ์เบือนหน้าหนี ไม่สนใจไยดีเธออีก

สวี่หลิงอวิ๋นยิ้มเยาะ “ทำไมจะไม่เกี่ยวกับฉันล่ะ? เพราะฉันจะนัดเดตให้แกไง!”

“ก็ถ้าเกิดแกเต้นระบำเปลื้องผ้าเก่ง บางทีอาจจะมีหนุ่มหล่อจำนวนนับไม่ถ้วนมาขอแต่งงานก็ได้นะ” สวี่หลิงอวิ๋นเพลิดเพลินไปกับการจินตนาการถึงฉากนั้น

“บางทีตอนนั้นจักรวรรดิชิงเหย้ากับจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ของแกอาจจะแต่งงานกันได้ก็ได้”

ไกอาจ้องมองไปที่มาการ์ และอดไม่ได้ที่จะพูดออกไปว่า “ฝ่าบาท ทำไมท่านถึงใจดีนักครับ? ถึงจะแก้กฎหมายอาญาทั้งที่ไม่รู้ว่ามันมีกลอุบายอะไรหรือเปล่า”

“นี่ นายพูดอะไรออกมาน่ะ! เราควรเป็นมิตรกับเพื่อนต่างดาวทุกคนสิ” สวี่หลิงอวิ๋นพูดอย่างกระตือรือร้น “ก่อนหน้านี้ฉันสัญญากับผู้ชมไว้แล้วว่าจะจัดแสดงระบำเปลื้องผ้า”

“แต่ฉันหาผู้เข้าร่วมที่เหมาะสมไม่ได้เลย ดูเหมือนว่าตอนนี้มาการ์จะเหมาะสมที่สุดหรือเปล่า?”

“ดูสิ มาการ์ดูแลรักษาตัวเองดีมาก หน้าตายังหล่อเหลาอีก” สวี่หลิงอวิ๋นเริ่มลงมือตามที่พูดไว้

“มาเถอะไกอา เรามาถ่ายทอดสดกัน ผู้ชมจะได้เห็นการเต้นระบำเปลื้องผ้าของพลเอกจากจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์สักที”

มือของมาการ์เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ผู้หญิงคนนี้จะให้เขาเต้นระบำเปลื้องผ้าจริง ๆ สินะ!

เขากัดฟันแน่น และต่อสู้กับตัวเองในใจอย่างหนักหน่วง

หากเขาพูดอะไรบางอย่างออกไป จะต้องเสียไพ่ไม้ตายอย่างแน่นอน แต่ถ้าเขาไม่ยอมพูดอะไร ก็จะต้องเผชิญหน้ากับความอัปยศอดสูอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ความอัปยศอดสูนี้จะทำให้เขาอื้อฉาวไปทั่วทั้งห้วงดวงดาว รวมถึงเป็นความอับอายของจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์

ภายภาคหน้าจะมีผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่ขุดเอาเรื่องการแสดงในช่วงสงครามออกมาพูดถึง และบางทีผู้ชมทั้งหลายอาจจะบันทึกการแสดงครั้งนี้เอาไว้ด้วย

ระหว่างผลประโยชน์ของชาติกับผลประโยชน์ของตัวเอง อะไรสำคัญกว่ากัน?

“คิดอยู่หรือไง? ถ้าไม่พูดอะไร การถ่ายทอดสดจะเริ่มแล้วนะ” สวี่หลิงอวิ๋นมองดูเขาและพูดต่อ “ฉันให้แกคิดต่ออีกแป๊บเดียวเท่านั้นล่ะ”

มาการ์มองไปทางสวี่หลิงอวิ๋น ผู้หญิงคนนี้จะต้องกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์

“อยากทำอะไรก็เชิญ”

มาการ์เลือกผลประโยชน์ของชาติ

สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกประหลาดใจ ไม่คาดคิดว่าชายผู้หัวแข็งคนนี้จะมีความรักชาติขนาดนี้! เธอคงประเมินผู้ชายคนนี้ต่ำไปจริง ๆ!

“จะไม่เสียใจแน่นะ?”

“ฮึ่ม!” มาการ์ดูสงบลงหลังจากที่เขาตัดสินใจ อย่างไรเสียก็ตายอยู่ดี! แต่ถ้าสละชีพเพื่อชาติ ผู้คนจากจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์จะจดจำเขาไปตลอดกาล!

และเกียรติยศจะยังคงอยู่กับเขา!

สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้าและยกนิ้วโป้งให้ “เยี่ยม! ลูกผู้ชายตัวจริง!”

“แกเป็นลูกผู้ชายพอ และฉันจะไม่ทำให้ฮีโร่ที่รักชาติต้องเสียหน้า” สวี่หลิงอวิ๋นมองดูเขา “ถ้าอย่างงั้น ฉันไปก่อนล่ะ”

ไกอารีบเข้าไปหา

“ฝ่าบาท เป็นอะไรไปครับ? ทำไมถึงล้มเลิกล่ะ?” ไกอาไม่สามารถเข้าใจได้

สวี่หลิงอวิ๋นจ้องมองไปที่ไกอาด้วยสายตาจริงจัง “ก็เขาเป็นชายชาติทหาร เป็นวีรบุรุษ ถึงเขาจะสร้างปัญหามากมายและเป็นศัตรูของเรา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความรักชาติของเขาคู่ควรกับการชื่นชมของเรา”

“ถ้าจักรวรรดิชิงเหย้าอยากจะยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เราต้องรู้จักเคารพวีรบุรุษและพลเอกของจักรวรรดิอื่น ๆ ก่อน”

“ไม่อย่างงั้นถ้าวันหนึ่งพลเอกของเราถูกจักรวรรดิอื่นจับตัวไป และถูกลงโทษให้อับอาย เราจะทำยังไง?” สวี่หลิงอวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“แต่ว่าเนี่ยหาน…” ไกอาพูดออกมาอย่างไม่มั่นใจนัก

“ตั้งแต่แวบแรกดูก็รู้ว่าเนี่ยหานเป็นคนเห็นแก่ตัว เพราะงั้นเลยใช้วิธีนั้นข่มขู่เขาได้” สวี่หลิงอวิ๋นพูด “แต่มาการ์ต่างออกไป เขาเลือกที่จะตาย และไม่สนใจเกียรติยศของตัวเอง แล้วนายคิดว่าการเต้นระบำเปลื้องผ้าจะทำให้อะไรเขาได้นอกจากทำให้เขาขายขี้หน้า?”

ไกอาตกตะลึง

“เอาล่ะ ไม่ต้องคิดมาก ฉันจะหาสายลับให้เจอจนได้” สวี่หลิงอวิ๋นตบไหล่ไกอา