ข้ามองดูเสี่ยวซุ่นจื่อเก็บของ ในใจเกิดความรู้สึกพิกลนัก พรุ่งนี้จะได้อิสระกลับคืนแล้ว แต่ข้ากลับดีใจไม่ออก เนิ่นนานผ่านไปข้าจึงตัดสินใจแน่วแน่ เหตุใดข้าต้องสิ้นเปลืองแรงใจไปกับคนที่จะสังหารข้าในวันพรุ่งนี้ด้วยเล่า ขณะนั้นเอง บ่าวของจวนยงอ๋องเดินเข้ามารายงาน กล่าวว่า กวนซิว ต่งจื้อ และโก่วเหลียนมาหาข้า พวกเขาคงมาพยายามเป็นครั้งสุดท้ายกระมัง ในใจข้าพลันเกิดความอบอุ่นสายหนึ่ง ไม่ว่าจะอย่างไรพวกเขาก็เป็นคนดี ในเมื่อหลังจากวันนี้ไปจะไม่มีโอกาสร่ำสุราร่วมโต๊ะกันอีกแล้ว เช่นนั้นก็จุดเทียนคุยเล่นกันสักครั้งเถิด ข้าแย้มยิ้มบอกให้บ่าวผู้นั้นเชิญพวกเขาเข้ามา
กวนซิวและคนอื่นๆ ล้วนเป็นคนฉลาด หลังจากคุยกันหลายครั้งก็รู้ว่าข้าตัดสินใจแล้วจึงมิได้พูดจามากความอีก พวกเราสนทนาปราศรัยกันอย่างถึงอกถึงใจ คุยกันทั้งคืนมิได้หลับนอน จนกระทั่งวันรุ่งขึ้นมาเยือน ข้ามองออกไปยังแสงสว่างเรืองรองนอกหน้าต่าง แย้มยิ้มพลางกล่าวว่า “ใต้หล้าไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา วันนี้จากกัน วันหน้าพานพบคงเดินคนละเส้นทาง”
โก่วเหลียนกล่าวอย่างเศร้าสลด “ในเมื่อสุยอวิ๋นรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ เหตุใดจึงไปเข้ากับฉีอ๋องเล่า”
ข้ายิ้มเล็กน้อย “ฉีอ๋องมีนิสัยโผงผางแต่ก็ตรงไปตรงมา ข้าเพียงไปอยู่ใต้บัญชาเขาไม่กี่วันเท่านั้น ผ่านไประยะหนึ่งข้าจะไปจากฉางอัน ตอนนั้นพวกเราย่อมเป็นสหายมิใช่ศัตรู ทุกท่านไม่จำเป็นต้องโศกเศร้า”
ต่งจื้อกล่าวเสียงต่ำ “เกรงว่าฉีอ๋องคงไม่ยอมปล่อยท่านไปกระมัง”
ข้าทำเพียงตอบไปอย่างเรียบเฉยว่า “ทุกท่านเชิญกลับไปเถิด วันนี้ผู้แซ่เจียงจะไปจากจวนยงอ๋องแล้ว องค์ชายเคยตรัสว่าจะมาส่งผู้แซ่เจียง ดังนั้นสุยอวิ๋นมิอาจไปพบฝ่าบาทในสภาพเช่นนี้ได้ จำเป็นต้องชำระร่างกายและผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ให้เรียบร้อยเสียก่อน จึงจะกล่าวลาองค์ชายได้ดี”
กวนซิวลุกขึ้นยืน “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราไม่รบกวนสุยอวิ๋นแล้ว อีกครู่พวกเราคงไม่ได้ออกไปส่งท่านเดินทางเพื่อมิให้โศกเศร้ายามจากลา ไม่มีอะไรต้องเสียใจ เป็นเพียงการจากลาเท่านั้น”
เมื่อส่งเสนาธิการทั้งสามท่านไปแล้ วข้าก็เดินเข้าไปยังห้องปลีกที่อยู่ด้านหลัง ห้องนี้มีไว้สำหรับอาบน้ำชำระร่างกายโดยเฉพาะ ในห้องมีบ่อน้ำกว้างประมาณห้าจั้งอยู่บ่อหนึ่ง ปูด้วยหินอ่อน มีช่องเติมน้ำอยู่กลางบ่อ มีดอกบัวลอยปรากฏอยู่ด้านบน ใต้หินที่ใช้ปูบ่อน้ำเป็นท่อทองแดงทำหน้าที่เป็นตัวดูดน้ำเข้ามาทำให้ร้อน เมื่อหมุนสลักกลไกน้ำอุ่นก็จะถูกพ่นออกมาจากดอกบัวประดับ
ยามข้าเข้าไป เสี่ยวซุ่นจื่อกำลังเติมน้ำในบ่อ ไอน้ำพวยพุ่งไปทั่วทุกสารทิศ หยาดน้ำพราวราวเม็ดหยก ข้ายิ้มเล็กน้อย ชีวิตประหนึ่งจักรพรรดิเช่นนี้มิสามัญจริงๆ ข้าคิดเช่นนี้ทุกครั้งที่เข้ามา
ข้าปลดอาภรณ์เดินเข้าไปในบ่อเพื่อเสพสุขกับความสบายของน้ำอุ่น กล่าวยิ้มๆ ว่า “เสี่ยวซุ่นจื่อ เจ้าว่าหลังจากนี้ข้าสร้างบ่อน้ำเช่นนี้ดีหรือไม่”
เสี่ยวซุ่นจื่อมิได้ตอบคำถามของข้า ข้านึกฉงนจึงหันไปมอง พบว่าเสี่ยวซุ่นจื่อมีท่าทีคล้ายจิตวิญญาณกำลังลอยละล่องไปไกล ข้าส่ายศีรษะอย่างแปลกใจแต่มิได้ปลุกเขาจากภวังค์ เขาย่อมไม่ปิดบังเรื่องในใจต่อหน้าข้าอย่างแน่นอน คิดว่าอีกไม่นานเขาคงคุยกับข้าเป็นแน่
หลังจากแช่น้ำเรียบร้อยแล้ว ข้าก็สวมอาภรณ์ที่เสี่ยวซุ่นจื่อเตรียมไว้ให้ ซึ่งข้ากำชับเป็นพิเศษว่าตั้งแต่เสื้อตัวในสุดจนเสื้อตัวนอกสุดต้องเป็นสีขาวราวหิมะทั้งสิ้น ขณะที่ข้ากำลังสวมอาภรณ์แต่ละชิ้นอย่างพิธีพิถัน จู่ๆ เสี่ยวซุ่นจื่อก็คุกเข่าลงกับพื้น กล่าวอย่างโศกเศร้าว่า “คุณชาย ท่านอย่าทำให้ตนเองลำบากเช่นนี้เลย”
ข้าชะงักไปเล็กน้อย มือที่กำลังรับเสื้อคลุมที่เขาส่งมาให้หยุดค้าง กล่าวถามไปว่า “เสี่ยวซุ่นจื่อ เจ้ากำลังพูดอะไร”
เสี่ยวซุ่นจื่อกล่าวตอบ “เสี่ยวซุ่นจื่อทราบดีว่าคุณชายตั้งมั่นจะแก้แค้นให้ฮูหยิน เช่นนั้นเรียนถามคุณชาย หากต้องการแก้แค้นให้ฮูหยิน ท่านจะมีแผนการเช่นไร”
ข้ามองเขาก่อนจะพูดอย่างเรียบเฉยว่า “เจ้ากับข้าสามัคคีปรองดองกันดี เช่นนั้นไม่ขอปิดบังเจ้า หลังจากรู้ตัวผู้กระทำผิดแล้ว ในใจข้าก็วางแผนชั้นบนชั้นกลางชั้นล่างไว้ทั้งสิ้นสามแผน”
เสี่ยวซุ่นจื่อกล่าวต่อ “เรียนถามคุณชาย ไม่ทราบว่าแผนชั้นล่างคือเช่นไร”
ข้ารับเสื้อบัณฑิตในมือเขามาพลางตอบอย่างเนิบนาบ “แผนชั้นล่างลำบากที่สุด เมื่อข้าถอนตัวจากต้ายงได้แล้วก็จะปิดบังตัวตนเข้าไปในตลาดกลางเพื่อรอโอกาส กล่าวกันว่าทุกสิ่งล้วนไม่เที่ยง ผู้ฉลาดมิได้ฉลาดตลอดไป จะต้องมีวันผิดพลาดเป็นแน่ เช่นนั้นข้าจะรออย่างใจเย็น เมื่อสบโอกาสค่อยลอบสังหารหลี่อันเสีย ต่อให้ลอบสังหารไม่สำเร็จ ทว่ากำแพงยาวหลายพันลี้ยังถูกทำลายด้วยรูเล็กๆ ข้าจะบ่มเพาะกลุ่มอำนาจที่ไม่พอใจหลี่อัน
ตอนนี้ตงชวนยังมิได้ยอมจำนนเต็มร้อย หนานฉู่มีความคิดจะสร้างชาติใหม่ทุกวัน ข้าจะหยิบยืมกำลังของใต้หล้า กอปรกับมียงอ๋องคอยจ้องตะครุบดุจพญาเสือ สักวันหนึ่งหนี้เลือดของข้าต้องถูกชำระเป็นแน่ เพียงแต่การสังหารองค์ชายของแคว้นหนึ่งมิใช่เรื่องเล็ก หลังเรื่องราวสำเร็จข้าจะต้องสั่งให้บ่าวไพร่แยกย้าย ส่วนตนเองก็ออกพเนจรไปสุดขอบฟ้า ทั้งยังใช้ชีวิตอย่างประมาทไม่ได้แม้แต่น้อย เป็นโชคชะตาที่หากพ่ายแพ้ก็มีจุดจบถึงชีวิต”
เสี่ยวซุ่นจื่อก้มหน้าถาม “เช่นนั้นขอเรียนถามคุณชาย แผนชั้นกลางเล่า”
ข้าคลุมเสื้อบัณฑิตพลางกล่าวเสียงเรียบ “แผนชั้นกลางย่อมดีขึ้นมาบ้าง ฉีอ๋องเป็นดั่งมือขวามือซ้ายของรัชทายาทหลี่อัน แม้ฉีอ๋องมีนิสัยบุ่มบ่ามโผงผางแต่ความจริงด้านนอกดูหยาบกร้าน ทว่าภายในกลับละเอียดอ่อน นับเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นคนหนึ่ง หากไม่มียงอ๋อง ฉีอ๋องย่อมเป็นตัวเลือกจักรพรรดิที่ไม่เลว เช่นนั้นข้าจะเข้าพึ่งพิงฉีอ๋อง วางแผนให้เขาและยั่วยุความสัมพันธ์พี่น้อง เมื่อเวลาสุกงอมจะทำให้เขาแตกแยกจากภายใน ไม่ว่ายงอ๋องจะได้เปรียบหรือฉีอ๋องจะได้เปรียบ สุดท้ายข้าก็เด็ดปีกรัชทายาทได้ หรือต่อให้ไม่บรรลุเป้าหมายก็ทำให้ต้ายงแตกแยกภายใน ได้ชำระแค้นของแว่นแคว้นและแค้นส่วนตัว”
เสี่ยวซุ่นจื่อคลานเข่ามาเบื้องหน้า “เช่นนั้นแผนชั้นบนเล่า”
ข้าคาดเข็มขัดพลางตอบยิ้มๆ ว่า “แผนชั้นบนนับว่าเปิดเผยจริงใจและยุติธรรมที่สุด คือเข้าสวามิภักดิ์ต่อยงอ๋อง ยืมดาบฆ่าคน ให้ยงอ๋องสังหารพี่น้อง บีบบังคับเสด็จพ่อของตนให้ลงจากบัลลังก์ ไม่เพียงได้ชำระแค้นใหญ่สำเร็จ ใต้หล้ายังจะได้จักรพรรดิผู้ปรีชาเพิ่มขึ้นมาอีกพระองค์หนึ่งด้วย ความปรารถนาที่จะรวมใต้หล้าเป็นหนึ่งก็อยู่เพียงเอื้อม ข้าเจียงเจ๋อก็จะได้จารึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ หลังเรื่องราวสำเร็จบางทีข้าอาจกลับไปทำนา หรือไม่ก็เสพสุขกับชีวิตมั่งคั่ง นี่มิใช่แผนชั้นยอดหรือไร”
เสี่ยวซุ่นจื่อกล่าวอย่างเคร่งขรึมจริงจัง “คุณชาย หลายปีมานี้เสี่ยวซุ่นจื่อปรนนิบัติอยู่ข้างคุณชายมาตลอด จะไม่ทราบความคิดคุณชายได้อย่างไร ทั้งๆ ที่คุณชายรู้ดีว่าการเข้าพึ่งพิงยงอ๋องเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่เหตุใดจึงดื้อรั้นเพียงนี้ ศัตรูของคุณชายก็คือศัตรูของยงอ๋อง ขอเพียงคุณชายยอมสวามิภักดิ์กับยงอ๋อง ยามเมื่อยงอ๋องได้ขึ้นนั่งบัลลังก์หยก นั่นคือเวลาล้างแค้นของคุณชายด้วยเช่นกัน
แต่ยามนี้จะอย่างไรคุณชายก็ไม่ยอมเข้าสวามิภักดิ์กับยงอ๋อง ทั้งยังจงใจยั่วยุบีบบังคับให้ยงอ๋องต้องสังหารคุณชาย ความจริงขอเพียงคุณชายติดตามยงอ๋อง เมื่อล้างแค้นสำเร็จ คุณชายค่อยปลีกวิเวกอยู่ในภูเขา เช่นนี้ยังใช้เวลาที่เหลืออย่างสงบได้ เหตุใดต้องเสี่ยงอันตรายเช่นนี้เล่า แม้วิชาแพทย์ของคุณชายจะมิใช่สามัญ ทว่ายาพิษสูตรลับของราชวงศ์ต้ายงก็ใช่ว่าจะแก้ไขได้แน่นอน หากคุณชายโชคไม่ดี ต่อให้เสี่ยวซุ่นจื่อสังหารยงอ๋องแล้วจะมีประโยชน์อันใด”
ข้าเอ่ยเสียงเรียบ “เรื่องพวกนี้ข้าจะไม่เข้าใจได้อย่างไร ทว่านิสัยของข้าก็คือไม่เลือกวิธีการต่อศัตรู แต่ไม่เคยใช้อุบายกับคนใกล้ชิด ยงอ๋องจะเป็นจักรพรรดิผู้ปรีชาแห่งยุค เขาปฏิบัติต่อสุยอวิ๋นอย่างจริงใจ ไม่ทราบว่าสิ้นเปลืองความคิดไปมากน้อยเพียงใดเพื่อสุยอวิ๋นเพียงผู้เดียว ทั้งเดินทางพันลี้ ทั้งสิ้นเปลืองเสบียงอาหาร แต่สุยอวิ๋นกลับใจเหี้ยมใจหิน จะอย่างไรก็ไม่ยอมหวั่นไหว
ข้าได้รับบุญคุณจากหนานฉู่ก่อน ผูกพยาบาทกับต้ายงทีหลังจึงนับว่ามีช่องว่างในใจนานแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น หากข้าไม่ยอมติดตามอย่างจริงใจและคิดทำเพื่อองค์ชายอย่างสุดความสามารถ หากไม่มีแผนของข้าก็ใช่ว่าองค์ชายจะมิอาจชนะ แม้จะทุลักทุเลไปบ้างแต่ชื่อเสียงก็ไม่มีตำหนิใด
หากข้ายอมสวามิภักดิ์กับองค์ชาย จะอย่างไรสุยอวิ๋นก็เป็นปุถุชน ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะหาโอกาสชำระแค้นส่วนตัว เห็นแก่ตนเองก่อนจนทำลายคุณธรรมของผู้เป็นขุนนาง หรือหากข้าวางตัวเป็นกลาง จะปลอบประโลมดวงวิญญาณของเพียวเซียงที่อยู่ในน้ำพุเหลืองได้อย่างไร คิดไปคิดมา ในเมื่อมิยินยอมทำให้ชื่อขององค์ชายที่จะจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ต้องแปดเปื้อน อีกทั้งไม่ยอมวางเฉยต่อดวงวิญญาณของเพียวเซียง เช่นนั้นก็ได้แต่ทิ้งทางง่ายดำเนินทางยากแล้ว
ส่วนแผนชั้นกลางแม้จะมิเป็นภัยต่อความคิดของข้า แต่ก็ต้องทำให้ยงอ๋องได้รับความเสียหายหนักอย่างเลี่ยงไม่ได้ จักรพรรดิมากปรีชาเช่นนี้ ข้ารู้สึกผิดที่ไม่ได้ทำงานรับใช้อยู่แล้ว เช่นนั้นยังจะทนทำร้ายเขาได้อย่างไร ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเลือกแผนชั้นล่าง”
เสี่ยวซุ่นจื่อพูดว่า “คุณชายไม่ยอมรับใช้ยงอ๋อง แต่กลับคิดเพื่อยงอ๋องหรือ ทว่าเหตุใดต้องบีบบังคับให้ยงอ๋องสังหารคุณชายด้วยเล่า หากแสร้งทำเป็นตอบรับก่อน ผ่านไปอีกระยะค่อยหนีออกจากจากฉางอันย่อมไม่ยากอันใด”
ข้าตอบยิ้มๆ “ด้วยนิสัยของข้า บางทีเรื่องเล็กอาจมิได้คิดให้มากความ ทว่าเรื่องเช่นนี้กลับไม่ยอมโกหกหลอกลวง ตอนแรกที่ข้าไม่ยอมรับใช้เต๋อชินอ๋องก็ไม่เคยโกหกเขา ตอนนี้ในเมื่อข้าไม่ยอมรับใช้ยงอ๋องก็จะไม่โกหกเขาเป็นอันขาด ยิ่งไปกว่านั้น หากไม่บีบบังคับให้เขาสังหารข้า ข้าจะกำจัดความคิดที่อยากเข้าสวามิภักดิ์กับยงอ๋องให้สิ้นซากไปได้อย่างไร
เสี่ยวซุ่นจื่อจงจำไว้ แผนแสร้งตายของข้าในวันนี้มีอันตรายอยู่หลายส่วนจริงๆ ดังนั้นหากข้าโชคไม่ดี จำไว้ว่าอย่าสังหารยงอ๋องเพื่อล้างแค้นแทนข้าเป็นอันขาด ยงอ๋องไม่ผิด เขาจะเป็นจักรพรรดิย่อมมิอาจใจอ่อน ขอเพียงเจ้าจำไว้ว่าจะต้องสังหารหลี่อันแทนข้าให้ได้ในสักวันเป็นพอ จากนั้นก็นำเถ้ากระดูกของข้ากลับหนานฉู่ ฝังข้ากับเพียวเซียงไว้ด้วยกัน เจ้ารับปากได้หรือไม่”
เสี่ยวซุ่นจื่อหมอบตัวลงกับพื้น เนิ่นนานผ่านไปจึงมีเสียงพูดเจือเสียงสะอื้นแว่วมา “คำสั่งของคุณชายบ่าวจะไม่ฟังได้อย่างไร หากคุณชายโชคไม่ดี หลังจากบ่าวสังหารหลี่อันแล้วจะกลับหนานฉู่ เฝ้าสุสานคุณชายจวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต”
ข้ากล่าวยิ้มๆ “ขอบใจเจ้ามาก ความจริงโอกาสชนะของข้ามีมาก เจ้าไม่จำเป็นต้องโศกเศร้าไป เมื่อผ่านด่านนี้ไปได้ ในใต้หล้านี้จะไม่มีสิ่งใดมาพันธนาการผู้แซ่เจียงได้อีก ต่อให้เป็นการล้างแค้นข้าก็จะไม่เสียสละชีวิตตนเองอีก เจ้าวางใจเถิด”
เสี่ยวซุ่นจื่อเงียบงันไม่พูดจา ข้ารู้ว่าเขาไม่เชื่อข้า แต่ข้ากล่าวจริงๆ ข้าไม่คิดบ้าคลั่งเพราะความแค้น
ตอนต่อไป