บทที่ 301 พ่ายแพ้ให้กับคนเช่นนี้ได้อย่างไร

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

ตอนที่301 พ่ายแพ้ให้กับคนเช่นนี้ได้อย่างไร

สำหรับการปฏิบัติตัวต่อคู่ต่อสู้ของตนเองนั้น ถวนจื่อมักจะแสดงกิริยามารยาทที่นอบน้อมและให้เกียรติเสมอมาโดยตลอด

ดังนั้น เมื่อได้พบเห็นอวิ๋นกวางซีแล้ว ถวนจื่อก็ตรงเข้าไปทักทายแสดงความมีมารยาทด้วยการพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “สวัสดีครับ”

แต่เป็นที่น่าเสียดาย อวิ๋นกวางซี ดูเหมือนไม่อยากจะยอมรับความหวังดีสักเท่าไรนัก ด้วยความที่เขาอารมณ์ไม่สู้ดีก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้ได้มาเห็นหน้าตัวต้นเหตุความหายนะนั่นแล้ว ทำให้อารมณ์ของเขาดูแย่หนักยิ่งขึ้น

แต่ทว่า เพื่อรักษาภาพลักษณ์ตัวเอง สุดท้ายแล้ว อวิ๋นกวางซี ก็ทำได้แต่แสดงออกด้วยท่าทางที่หยิ่งผยอง และไม่แยแส

ที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็นถวนจื่ออยู่ในสายตาแม้แต่น้อย และคาดไม่ถึงเลยสุดท้ายต้องมาพ่ายแพ้ให้กับเด็กกะโปโลไร้ชื่อคนนี้ ยิ่งเพิ่มความว้าวุ่นใจให้กับเขามากขึ้น

หากเรื่องนี้ลือสะพัดไปถึงประเทศเกาหลีของพวกเขาแล้วละก็ เขาจะยังมีหน้าอยู่ในวงการเกมออนไลน์ได้อีกหรือ?

“ฉันจะบอกแกให้นะ แกอย่าเพิ่งดีใจไปเลย แข่งรอบแรกแกชนะได้ แล้วแกคิดว่าชนะด้วยความสามารถของตัวเองน่ะหรือ? มันก็แค่อาศัยโชคช่วยเท่านั้นแหละ”

ส่วนสูงของอวิ๋นกวางซี สูงกว่าถวนจื่อเล็กน้อย เขายืนตรงหน้าถวนจื่อพูดข่มด้วยท่าทียโสโอหัง

ถวนจื่อขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาดูออกว่า อวิ๋นกวางซี ดูถูกความสามารถของตนเอง และอาจจะเป็นเพราะเขาไม่เคยคิดแข่งขันเพื่อเอาชนะอย่างจริงจังตั้งแต่ต้น

แต่มากล่าวหาว่าตนเองชนะเพราะอาศัยโชคช่วยเช่นนี้ ถวนจื่อย่อมต้องไม่พอใจอย่างแน่นอน

อย่างน้อยที่สุด ความพยายามของเขาที่ทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อมมาก่อนหน้านี้ก็ไม่ต้องสูญเปล่า

ถึงแม้ว่าในใจคิดเช่นนั้น แต่ถวนจื่อก็ได้แต่จ้องมองอวิ๋นกวางซี สักพักแล้วพูดอย่างคนใจกว้างว่า “ก็คงเป็นเช่นนั้นมั้งครับ”

อย่างไรก็ตาม ความจริงจะเป็นเช่นไร ขอเพียงตัวเขาเองรู้อยู่แก่ใจก็เพียงพอแล้ว หากยังทำไม่ดีพอ เขาก็ยังมีโอกาสในการแข่งขันครึ่งรอบหลังได้อีก เพื่อให้ อวิ๋นกวางซี ได้เห็นความสามารถที่แท้จริงของตนเอง

อวิ๋นกวางซี เดิมทีจะรอดูกิริยาตอบโต้ด้วยท่าทีเกรี้ยวกราดของถวนจื่อ แต่นึกไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วกลับได้คำตอบอย่างจืดชืดเรียบง่ายด้วยประโยคว่า “ก็คงเป็นเช่นนั้นมั้งครับ”

อะไรมันคือ “ก็คงเป็นเช่นนั้นมั้งครับ” ? นี่แสดงว่ามันไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตาเลย!

อวิ๋นกวางซี บันดาลโทสะอารมณ์พุ่งปี๊ดขึ้นมาทันที ดูเหมือนลืมไปหมดแล้วว่าตนเองเป็นฝ่ายเริ่มกล่าวคำพูดยั่วยุโทสะเขาก่อน

“แกพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง? ก็คือรู้สึกว่าฉันสู้แกไม่ได้ใช่มั๊ย? ”

อวิ๋นกวางซี พูดไปพลางเดินตรงเข้าไปหาถวนจื่อ ถึงแม้ว่าถวนจื่อไม่แสดงอาการเกรงกลัวอะไรออกมา แต่เจียงหยุนเอ๋อซึ่งอยู่ข้างๆ รู้สึกทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว

เธอกลัวที่จะเห็นถวนจื่อได้รับความบีบคั้นใด ๆ เจียงหยุนเอ๋อเดินออกมายืนขวางหน้าถวนจื่อ เธอคิดไม่ถึงว่า อวิ๋นกวางซี จะแสดงอาการเกรี้ยวกราดได้ถึงเพียงนี้ “คุณคะ คุณกรุณาใจเย็นๆก่อนได้มั้ยคะ?”

“แกเป็นใคร? เรื่องของฉันแกมีสิทธิ์อะไรมายุ่งหรือ? ” พูดไป อวิ๋นกวางซี ก็พลางยื่นมือไปผลักเจียงหยุนเอ๋อออกไป

เจียงหยุนเอ๋อไม่ทันได้ระวังตัว นึกไม่ถึงว่า อวิ๋นกวางซี จะออกแรงพลักเธอได้ถึงขนาดนี้ ทำให้เธอล้มลงไปกับพื้น

พฤติกรรมเยี่ยงนี้ของ อวิ๋นกวางซี ทำให้ถวนจื่อบันดาลโทสะขึ้นมาทันที

หากเป็นเพียงแค่ว่า อวิ๋นกวางซีพูดจาถากถางตนเองก็แล้วไป แต่ตอนนี้เขาถึงขั้นที่ลงมือทำร้ายหม่ามี้ของตัวเอง !

ตั้งแต่ได้เห็นเจียงหยุนเอ๋อเผชิญกับเหตุการณ์อัตรามากมายที่ผ่านมาในอดีต ถวนจื่อก็สาบานกับตัวเองว่าจะไม่ยอมให้เจียงหยุนเอ๋อได้รับบาดเจ็บใด ๆ อีกต่อไป

แต่ว่า !

อวิ๋นกวางซี บังอาจถึงขั้นที่ทำเรื่องเกินกว่าเหตุต่อหน้าถวนจื่อได้ถึงเพียงนี้ !

“แกมีสิทธิ์อะไรมาผลักหม่ามี้ของฉัน !”

ด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่โกรธจัดจนทำให้ลืมความคิดเมื่อสักครู่ที่เพิ่งเตือนตัวเองว่าให้ใจเย็น ก็พุ่งตรงเข้าผลักตัว อวิ๋นกวางซี ให้ออกไป

อวิ๋นกวางซี ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ถึงกับล้มลงไปบนพื้นอย่างทุลักทุเล

การล้มลงคราวนี้ทำให้ไฟที่สุมในอกยิ่งคุกรุ่นขึ้นมา พอลุกขึ้นมาได้ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ตรงเข้าชกต่อยกับถวนจื่อ

สถานการณ์ดูเหมือนจะชุลมุนวุ่นวายมากขึ้น ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนเลยว่า อยู่ดี ๆ ผู้เข้าแข่งขันคู่สำคัญก็มาทะเลาะวิวาทชกตีกันเช่นนี้

เจียงหยุนเอ๋อค่อย ๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นยืนจากพื้น เธอเข้าใจการกระทำของถวนจื่อที่ทำไปเพื่อปกป้องตนเอง แต่ว่าก็ไม่อยากเห็นพวกเขาต่อสู้กันต่อไปเช่นกัน

ขณะนั้น ผู้รับผิดชอบสมาคมที่ อวิ๋นกวางซี สังกัดอยู่ก็ได้วิ่งเข้ามา เมื่อเห็นฉากการชกต่อยของทั้งสองแล้วตกใจขวัญกระเจิง

ต้องตระหนักว่า หากข่าวการชกต่อยของคู่แข่งขันทั้งสองแพร่สะพัดออกไป มีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกเพิกถอนสิทธิการเข้าแข่งขันได้ !

“อวิ๋นกวางซี หยุดตีกันได้แล้ว!” ผู้จัดการทีมตะโกนใส่ อวิ๋นกวางซี อย่างเคร่งเครียด พร้อมทั้งเข้าไปดึงกระชากมือเขาไว้

เมื่อเห็นเช่นนั้น เจียงหยุนเอ๋อก็ตั้งสติขึ้นมาได้ เดินเข้าไปดึงถวนจื่อกลับออกมา “เลี่ยวถวนจื่อ ลูกก็อย่าไปชกตีกับคนอื่นเขาเลยนะ” ถวนจื่อก็ยังไม่หายโกรธ หันไปบ่นพึมพำกับเจียงหยุนเอ๋อ “แต่ว่า เมื่อกี้เขายังถึงกับลงมือผลักหม่ามี้เลยนะ!” เห็นท่าทางโกรธจัดของลูกชายแล้ว เจียงหยุนเอ๋อรู้ดีว่า หากไม่ใช่เป็นเพราะตนเอง ถวนจื่อก็คงไม่วู่วามที่จะใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาเช่นนี้ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกซาบซึ้งใจ

ถึงแม้ว่าวิธีการแก้ปัญหานี้ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ แต่น้ำใจของถวนจื่อที่มีต่อเธอก็เป็นสิ่งที่เธอยอมรับได้

“ถวนจื่อครับ พวกเราก็อย่าไปถือสาเขาเลยนะ ดีมั้ยลูก?”

สายตาถวนจื่อจ้องมองไปที่ส่วนช่วงท้องของเจียงหยุนเอ๋อ สีหน้าแสดงถึงความวิตกกังวล

“หม่ามี้ครับ เมื่อกี้หม่ามี้เพิ่งหกล้มลงไปเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ? แล้วน้องสาวผมจะเป็นอะไรไม่ครับ?” สีหน้าแววตาของถวนจื่อค่อนข้างสับสน จ้องมองที่หน้าท้องของผู้เป็นแม่ สายตาแสดงออกถึงความกลัวและตื่นตระหนก

เมื่อเจียงหยุนเอ๋อเห็นท่าทางกังวลของลูกชายแล้ว จึงส่งยิ้มให้เล็กน้อย แล้วยื่นมือไปจับมือถวนจื่อมาวางบนหน้าท้องของตัวเอง “วางใจเถอะถวนจื่อ น้องยังสบายดีอยู่ หม่ามี้ก็ไม่เป็นอะไรแล้วครับ”

อีกมุมหนึ่ง ฝ่ายผู้จัดการทีมยังไม่หยุดอบรมตักเตือน อวิ๋นกวางซี แต่เห็นชัดว่า อวิ๋นกวางซี ยังคงแสดงสีหน้าไม่พอใจ

เขาก็ยังไม่ค่อยเข้าใจว่า ผู้จัดการทีมสมควรที่จะต้องอยู่ข้างเดียวกับเขาไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมยังพูดจาเข้าข้างคนภายนอกอย่างนั้นด้วย?

สายตาเจ้าเล่ห์ของ อวิ๋นกวางซี ยังคงจ้องมองไปยังถวนจื่ออยู่ตลอดเวลา ยิ่งกว่านั้นยังคิดวางแผนเตรียมการไว้แล้วว่า การแข่งขันรอบต่อไปจะทำให้ถวนจื่อพ่ายแพ้อย่างอนาถที่สุดได้อย่างไร

ต่อให้ความสามารถของคนนี้จะเก่งกาจเกินกว่าที่ตนคิดก็ตาม แล้วยังไงล่ะ? คู่ต่อสู้ที่เพียบพร้อมไปด้วยพรสวรรค์อย่างตัวเขาเอง เป็นไปได้อย่างไรที่จะพ่ายแพ้ให้กับคนเช่นนี้?

อวิ๋นกวางซี คิดอยู่ในใจ

เมื่อผู้จัดการทีมพูดคุยเจรจากับ อวิ๋นกวางซี ได้ไม่กี่ประโยค มองดูท่าทางของอวิ๋นกวางซีพอจะดูอาการออกว่า แท้จริงแล้วเขาก็คงฟังอะไรไม่เข้าหูเท่าไรนัก

ถึงแม้ว่าจะทำอะไรไม่ได้ แต่ตอนนี้ อวิ๋นกวางซี ก็ยังคงเป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขันที่มีฝีมือเก่งกาจที่สุดของสมาคม ฉะนั้นแล้วผู้จัดการทีมก็ไม่รู้จะจัดการปัญหากับเขาได้อย่างไร

สุดท้ายแล้วผู้จัดการทีมก็ทำได้เพียงแค่พูดว่า “คุณหลบไปนั่งพักสักครู่ก่อนเถอะ”

อวิ๋นกวางซี ส่งเสียงตอบรับเบา ๆ แล้วหันหลังกลับออกไป

ผู้จัดการทีมมองดูการจากไปของ อวิ๋นกวางซี แล้วส่ายหัวอย่างระอา จากนั้นหันไปมองทางเจียงหยุนเอ๋อ “คุณผู้หญิงท่านนี้ คุณได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ? เรื่องเมื่อสักครู่ ผมต้องขอโทษอย่างมากด้วยนะครับ” กิริยาท่าทางของผู้จัดการทีมกลับสุภาพจริงใจผิดกับ อวิ๋นกวางซี ราวฟ้ากับดิน เธอส่ายหัวแล้วบอกว่า “ไม่มีอะไรค่ะ”

ผู้จัดการทีมมองเจียงหยุนเอ๋อด้วยความเป็นห่วงแล้วถามเธอว่า “ต้องการให้ผมช่วยส่งคุณไปโรงพยาบาลไหมครับ?”

“ไม่ต้องจริง ๆ ค่ะ” เจียงหยุนเอ๋อโบกมือปฏิเสธ

ผู้จัดการทีมจ้องมองเจียงหยุนเอ๋อ สักพักจึงพูดว่า “งั้นก็ดีล่ะ ต้องขออภัยจริง ๆ เลยครับ ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือ ก็บอกผมได้นะครับไม่ต้องเกรงใจ”

“อ๋อ ได้ค่ะ คุณก็อย่าเก็บเอามาใส่ใจเลยนะคะ ถึงยังไงเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ความผิดของคุณเลย” เจียงหยุนเอ๋อกลับพูดปลอบใจผู้จัดการทีม