บทที่ 302 ฉันจะทำให้เขาอับอาย

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

ตอนที่ 302 ฉันจะทำให้เขาอับอาย

หลังจากผ่านเหตุการณ์อุปสรรคเล็กน้อยไปแล้ว สีหน้าของถวนจื่อก็ดูไม่สู้ดีนัก

เมื่อกลับถึงที่พักแล้ว ถวนจื่อพูดกับเจียงหยุนเอ๋ออย่างหนักแน่นว่า “หม่ามี้ครับ ผมจะต้องชนะเขาให้ได้!”

เดิมทีถวนจื่อไม่เคยมีความทะเยอทะยานที่อยากจะเอาชนะคู่ต่อสู้ในการแข่งขันเลย เพียงแต่รู้สึกว่า การแข่งขันแต่ละครั้งนั้น สำหรับตัวเองแล้วเป็นเพียงแค่การฝึกซ้อม และจะได้ยกระดับฝีมือให้กับตัวเองเท่านั้น

แต่ว่า อวิ๋นกวางซี กระทำเกินกว่าเหตุจริง ๆ ถึงขั้นรังแกเจียงหยุนเอ๋อได้เช่นนี้ อย่างไรเสียก็เป็นเรื่องที่ถวนจื่ออดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

เจียงหยุนเอ๋อไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้มากนัก ถึงอย่างไรก็คงต้องมีคนจำพวกอารมณ์ร้อนที่จะต้องพูดอะไรออกมาเพื่อระบายอารมณ์

ด้วยเหตุนี้ เจียงหยุนเอ๋อจึงลูบหัวลูกชายแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอกครับ ขอให้ลูกทำเต็มที่ก็พอแล้ว หม่ามี้ก็ไม่ใช่ว่าจะบังคับให้ลูกแข่งขันเพื่อหวังจัดลำดับเสียเมื่อไหร่ล่ะ”

วิธีการเลี้ยงดูลูกของเจียงหยุนเอ๋อก็คือ จะไม่บังคับให้ลูกต้องทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดอย่างเด็ดขาด

ถวนจื่อไม่พูดอะไรอีก แต่ในใจก็คิดตั้งมั่นว่าจะต้องสู้ให้ฝ่ายตรงข้ามแพ้แตกกระจุยไปเลย

การแข่งขันครึ่งรอบหลังได้เริ่มขึ้นแล้ว การแข่งขันระหว่างถวนจื่อและ อวิ๋นกวางซี เป็นไปอย่างดุเดือดเลือดพล่าน

ถึงแม้ว่าทั้งสองฝ่ายไม่ได้เจรจาพูดคุยอะไรเลย แต่ก็มีผู้คนจำนวนมากที่ยังคงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายควันระเบิดในตัวของผู้เข้าแข่งขันทั้งสอง

หากเทียบกับการแข่งขันครึ่งรอบแรกแล้ว แน่นอนที่ครึ่งรอบหลังย่อมสนุกกว่ากันมาก

แต่ อวิ๋นกวางซี มีความรู้สึกว่าถวนจื่อเก่งกาจกว่าครึ่งรอบแรกเป็นอย่างมาก

ในระหว่างการแข่งขัน ถวนจื่อเร่งความเร็วมือขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อจะบดขยี้ อวิ๋นกวางซี ให้ถึงที่สุด

อวิ๋นกวางซี รู้สึกเพียงว่าได้เพิ่มแรงกดดันให้กับตนเองมากขึ้น เหงื่อก็หยดไหลบนหน้าผากไม่หยุด รู้สึกเหมือนว่าประสาทเริ่มไม่สั่งการ ร่างกายเริ่มอ่อนล้าหมดเรี่ยวแรงลง หรือเป็นเพราะว่าเขาปรามาสเจ้าเด็กกะโปโลคนนี้มากเกินไป?

ถวนจื่อชำเลืองมองอวิ๋นกวางซี เห็นเขาขมวดคิ้ว แสดงว่าตอนนี้เขากำลังจะรับมือตัวเองไม่ไหวแล้ว

ถวนจื่อเชิดมุมปากขึ้น รำพึงว่า “เสืออย่างฉันหากไม่แสดงอำนาจเสียบ้าง แล้วแกจะคิดว่าฉันเป็นแค่แมวคิตตี้เชื่อง ๆ !”

ตามความเป็นจริงแล้ว เวลาที่ถวนจื่อขึ้นแข่งขันทุกครั้งมักจะมาทางแนวสายกลาง จึงมักไม่แสดงความสามารถของตนเองออกมาทั้งหมด เพียงแค่รู้สึกว่าถึงระดับหนึ่งก็เพียงพอแล้ว แต่แล้วการแข่งขันครั้งนี้ อวิ๋นกวางซี คงทำให้ถวนจื่อบันดาลโทสะขึ้นมาจริง ๆ

ถวนจื่องัดท่าไม้ตายเท่าที่ตนมีออกมาทั้งหมด ถึงแม้จะดูเหมือนขี่ช้างจับตั๊กแตนก็ตาม แต่ก็ต้องทำให้ อวิ๋นกวางซี สำนึกถึงผลที่ได้รับจากการดูถูกคู่ต่อสู้นั้นมันเป็นเช่นไร

เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ ถวนจื่อก็เริ่มจะหมดความอดทนที่จะสู้ยืดเยื้อกับ อวิ๋นกวางซี อีกต่อไปแล้ว หากจะสังหารเพียงวินาทีเดียวก็เกรงว่าเขาจะเสียหน้าไปมากกว่านี้

ตอนนี้ก็แข่งขันกันมาพอสมควรแก่เวลาแล้ว ถวนจื่อก็งัดท่าไม้ตายขึ้นมาพิชิตศึกเอาชนะ อวิ๋นกวางซี ไปได้ในที่สุด

อวิ๋นกวางซี พ่ายแพ้ราบคาบอย่างน่าอนาถ

ถวนจื่อชนะได้อย่างไม่เปลืองแรง ผู้คนในสนามแข่งขันก็เริ่มส่งเสียงอื้ออึง ต้องเข้าใจว่า อวิ๋นกวางซี เป็นบุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งในประเทศเกาหลี ไม่น่าเชื่อว่าจะพ่ายแพ้ให้กับถวนจื่ออย่างง่ายดายเช่นนี้

ตอนนี้ อวิ๋นกวางซี เป็นเพราะพ่ายแพ้ในการแข่งขัน จึงทำให้อารมณ์เสียอาละวาดหนัก หน้าตาแดงก่ำ แล้วทุบทำลายแป้นพิมพ์โดยไม่สนใจผลที่จะเกิดขึ้นตามมา

ฝ่ายผู้จัดการทีมของ อวิ๋นกวางซี สีหน้าดูไม่สู้ดีนัก ตะโกนบอกว่า “คุณอาละวาดอะไรกัน? ระวังภาพลักษณ์ของคุณด้วย!”

“โค๊ช ผมสุดที่จะทนแล้ว ผมรับไม่ได้ที่ไอ้เด็กคนนั้นมันหยิ่งยโส” อวิ๋นกวางซี พูดด้วยอารมณ์โกรธ

ผู้จัดการทีมพูดเย้ยหยันว่า “คนอื่นเขาหยิ่งยโสเพราะเขามีต้นทุนดี ทำไมคุณไม่ศึกษาเทคนิคการต่อสู้ของเขามั่ง คุณเอาแต่โมโหอะไรกันล่ะ?”

“เขาก็แค่อาศัยโชคช่วยเท่านั้นแหละ แน่จริงเรามาลงแข่งกันใหม่อีกครั้งซิ” อวิ๋นกวางซี กำหมัดมือตัวเองไว้

ผู้จัดการทีมมองหน้า อวิ๋นกวางซี แล้วพูดว่า “คุณทนรับความพ่ายแพ้ไม่ได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”

ผู้จัดการทีมพูดจบก็เดินจากไป การแข่งขันครั้งนี้ก็ทำให้เขาไม่พอใจเช่นกัน

การแข่งขันในประเทศ H ครั้งนี้ก็เป็นอันจบสิ้นอย่างสมบูรณ์ด้วยดี

เจียงหยุนเอ๋อเห็นลูกชายเก่งกาจเช่นนี้ เชยคางของถวนจื่อขึ้นมาแล้วหอมแก้มฟอดใหญ่พร้อมกับพูดว่า “โอ้แม่เจ้าเอ๊ย ลูกชายฉันสุดยอดจริง ๆ เลย”

ถวนจื่อส่งเสียงหัวเราะอึกอัก ใช้แขนอันขาวนวลทั้งสองข้างกอดคอเจียงหยุนเอ๋อไว้ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

ในใจถวนจื่อ เข้าใจดีว่า ถึงแม้เจียงหยุนเอ๋อเคยบอกว่าหากตนเองไม่ได้รับการจัดลำดับก็ไม่เป็นไร แต่หากแข่งชนะได้ลำดับที่หนึ่ง แล้วเจียงหยุนเอ๋อก็ต้องภูมิใจในตัวเขาอย่างแน่นอน!

ฉะนั้นแล้ว ไม่ว่าถวนจื่อจะทำเพื่อตนเองหรือทำเพื่อเจียงหยุนเอ๋อก็ตาม การแข่งขันครั้งนี้เขาก็ต้องทำอย่างเต็มที่ที่สุด

เจียงหยุนเอ๋อพูดไปพลางหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูป “ที่รักครับ เรามาถ่ายรูปด้วยกันหน่อย จะได้บันทึกนาทีที่สำคัญนี้ไว้ไง” แม่ลูกทั้งสองก็เริ่มถ่ายรูปด้วยกันเองกันอย่างสนุกสนานบ้าคลั่ง

ลี่จุนซินนั่งมองดูพฤติกรรมแม่ลูกคู่นี้แล้ว ปรากฎรอยยิ้มอันอบอุ่นขึ้นบนใบหน้า มองดูพวกเขาทั้งสองฉลองชัยชนะการแข่งขันด้วยกัน ลี่จุนซินรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองเริ่มจะชอบแม่ลูกคู่นี้ขึ้นมาแล้ว ความรักของเจียงหยุนเอ๋อที่มีต่อถวนจื่อ ลี่จุนซินก็เห็นอยู่กับตา ส่วนถวนจื่อเองก็มักจะเข้าปกป้องเจียงหยุนเอ๋อโดยไม่เกรงกลัวภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง และดูรักใคร่เจียงหยุนเอ๋อเป็นอย่างมาก นับว่าเป็นเด็กที่เข้าใจอะไรได้ดีทีเดียว

แต่เมื่อลี่จุนซินนึกถึงแม่ลูกทั้งสองต้องกลับไปเผชิญกับเรื่องราวเหล่านั้นที่ยังรออยู่ที่บ้านแล้ว ลี่จุนซินก็อดที่จะเศร้าใจไม่ได้

“คุณพี่คะ เป็นอะไรไปหรือคะ? ไม่สบายหรือเปล่า?” เจียงหยุนเอ๋อหลังจากถ่ายรูปกับถวนจื่อเสร็จแล้ว จึงเดินเข้าไปใกล้ตัวลี่จุนซิน สังเกตเห็นสีหน้าของลี่จุนซินไม่สู้ดีนัก

ลี่จุนซินส่ายหัวตอบว่า “ไม่มีอะไร”

ถวนจื่อตอนนี้ก็วิ่งเข้ามาหา โผเข้าไปกอดตรงขาของลี่จุนซิน หลังจากที่ได้อยู่ร่วมกันในช่วงเวลาที่ผ่านมา บางครั้งถวนจื่อก็มักจะเข้าไปสวมกอดและออดอ้อนลี่จุนซิน

“คุณป้าครับ ผมชนะการแข่งขันครั้งนี้ คุณป้าดีใจมั๊ยครับ?” ถวนจื่อเงยหน้ามองลี่จุนซิน

ลี่จุนซินพอได้ยินเสียงออดอ้อนที่อ่อนนุ่ม ๆ ของถวนจื่อแล้ว หัวใจแทบจะละลาย รีบนั่งลงหยิกเบาๆตรงแก้มของถวนจื่อแล้วพูดว่า “ป้าต้องดีใจแน่นอนอยู่แล้ว ถวนจื่อวันนี้แข่งขันได้สนุกมาก ได้รางวัลชนะเลิศด้วย ถวนจื่ออยากได้รางวัลอะไรจากป้าจ๊ะ?”

ถวนจื่อส่ายหน้า “ถวนจื่อไม่ต้องการได้ของขวัญอะไรหรอกครับ ตอนแรกผมก็ไม่ได้อยากชนะอยู่แล้ว แต่เป็นเพราะคนนั้นแหละ บังอาจกล้ามารังแกหม่ามี้ ผมจึงอยากทำให้เขาอับอาย”

เวลาถวนจื่อพูดนั้นท่าทางดูเอาจริงเอาจังมาก จนทำให้ลี่จุนซินรู้สึกขำขันหัวเราะออกมา

ถวนจื่อช่างเป็นผู้พิทักษ์เสียจริงเลยนะ

“ถวนจื่อเก่งจริง ๆ เลยครับ งั้นป้าให้รางวัลเป็นจุ๊บแล้วกัน”

ลี่จุนซินพูดไปพลางหอมแก้มถวนจื่อ “จุ๊บ จุ๊บ “

ลี่จุนซินก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าชอบหอมแก้มถวนจื่อตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้สึกเพียงแต่ว่าอ่อนๆนุ่ม ๆ

แต่ถวนจื่อกลับแสดงความรู้สึกดื่มด่ำบนใบหน้าออกมา เจียงหยุนเอ๋อเห็นการแสดงความรักต่อกันของสองป้าหลาน ก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้

มันน่าจะเป็นเรื่องที่ดีทีเดียว หากตระกูลลี่ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้กับตัวเองและลูกชาย

วันรุ่งขึ้น คณะทีมของถวนจื่อก็ได้กลับประเทศกันแล้ว

ก่อนหน้านี้ เจียงหยุนเอ๋อได้โทรศัพท์ถึงลี่จุนถิง แต่เขาไม่ได้รับสาย เจียงหยุนเอ๋อคิดว่าลี่จุนถิงช่วงนี้คงยุ่งเรื่องงานมาก จึงไม่ได้รับโทรศัพท์ตัวเอง หลังจากนั้นเธอก็ไม่เคยโทรหาเขาอีกเลย

เมื่อวานถวนจื่อได้รับชัยชนะ เจียงหยุนเอ๋อยังไม่ได้เล่าให้เขาฟัง คิดว่ารอให้กลับถึงเมืองจิ่งเฉินแล้วค่อยเล่าให้ลี่จุนถิงฟังด้วยปากของเธอเอง จะได้ร่วมดีใจกับข่าวดีนี้ด้วยกัน

ลี่จุนถิงจะต้องดีใจมากแน่นอน เจียงหยุนเอ๋อคิดอย่างมั่นอกมั่นใจ

ฉะนั้นแล้ว เจียงหยุนเอ๋อจึงกลับไปที่บ้านก่อน หลังจากจัดของเข้าที่แล้ว ก็พาถวนจื่อไปหาลี่จุนถิงที่บริษัท

แต่แล้วเมื่อไปถึงบริษัทก็ได้รับแจ้งจากซู่จิ้งอี้ว่า ลี่จุนถิงอยู่ในห้องประชุม เธอจึงรีบเข้าไปหาที่ห้องประชุมทันที

ช่วงเวลาที่เปิดประตูแวบแรก เจียงหยุนเอ๋อถึงกับตกตลึงเมื่อเห็นโม่เสี่ยวฮุ่ยก็อยู่ในห้องประชุมด้วย