บทที่ 300 : เจ้านายชอบลูกน้องก็สมควรแล้ว
มูเอนสะดุ้ง แล้วเธอก็ยื่นมือออกไปรับกล่องของขวัญสีชมพูทรงหัวใจกล่องนั้นมา
จากที่เห็น เธอยังคงดูเยือกเย็น แต่ความรู้สึกลึก ๆ ของเธอนั้นเต็มไปด้วยคลื่นอารมณ์ที่ถาโถมเข้ามามากมาย
ทั้งแปลกใจ เคลือบแคลง และลังเล
เด็กสาวระดมสมองถึงเนื้อหาพื้นฐานจากหนังสือกุญแจสู่ประตูพื้นฐานแห่งปัญญาและสัญลักษณ์ที่เธอร่ำเรียนมาเกี่ยวกับสังคมและสามัญสำนึกของมนุษย์
รูปหัวใจสีชมพูมักจะสื่อถึง ‘ความรัก’ ‘สารภาพ’ และ ‘ความชอบพอ’
แล้วการทำกล่องของขวัญเป็นรูปนี้ เป้าหมายในเงื่อนไขปกติแล้วก็คือคนที่เป็นผู้ให้…ชอบ?
เป้าหมายของการสารภาพรัก?
มือทั้งสองของมูเอนถือกล่องไว้อย่างนุ่มนวลและรู้สึกถึงความหนักของมัน สีหน้าของเธอสับสนอย่างเห็นได้ชัดก็พลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่ไม่เคยแสดงอารมณ์ เธอมองหลินเจี๋ยอย่างงุนงง
“ความรัก…หมายความว่าชอบเหรอ?”
หลินเจี๋ยกระอักกระอ่วนนิดหน่อย จริง ๆ เขาก็แค่อยากทำกล่องของขวัญให้มันสวย ๆ ถูกใจวัยรุ่นสาวเท่านั้นเอง เพราะเคยมีคนพูดกันบ่อย ๆ ว่าการส่งกล่องของขวัญน่ารัก ๆ ให้กับเด็กสาว ๆ นั้นจะชนะใจพวกเธอและดูจริงใจ
เมื่อพูดถึงการออกแบบเพื่อความสวยงามของตราสัญลักษณ์และโทเท็ม หรือความเข้าใจแนวคิดของเสื้อผ้าเครื่องใช้พื้นบ้าน เจ้าของร้านหลินจะสามารถพูดถึงเอกสารวิจัยได้หลายต่อหลายชื่อ แม้แต่จะให้เริ่มวาดภาพออกมาเองก็ทำได้ไม่ยากไม่ว่าจะเป็นรูปแบบที่ยิ่งใหญ่หรือลึกลับแค่ไหนก็ตาม เพราะถึงอย่างไร ประสบการณ์ของตัวเองก็โชกโชนมาก
ทว่าเมื่อพูดถึงเรื่องของสาวน้อยแบบนี้ เจ้าของร้านหลินก็นับว่าไม่ได้รู้อะไรกับเขาเอาเสียเลย
สุดท้ายแล้ว เขาก็คิดได้แค่ว่าต้องออกแบบโดยใช้แนวคิดที่เชยบรรลัยของสีชมพูและความรักเท่านั้น
ดังนั้นเขาจึงเลือกใช้กล่องของขวัญแบบนี้
ดูเหมือนว่า…มันจะเหมือนกับการส่งจดหมายรักพร้อมของขวัญไปหน่อย
“แค่ก ๆ…”
หลินเจี๋ยปิดปากกระแอมกระไอแล้วพูดอย่างเยือกเย็น “ความชอบไม่ใช่คำที่ใช้เฉพาะกับคนรักนะครับ ผมในฐานะเจ้านาย การจะชอบลูกน้องที่ขยันขันแข็งและจริงจังกับงานมาก ๆ เป็นเรื่องสมควรแล้วครับ”
มูเอนคิดตามแล้วพยักหน้าอย่างจริงจัง
ใช่ เป็นแบบนี้จริง ๆ
หลินเจี๋ยแอบคิดว่าเด็ก ๆ นี่มันหลอกง่ายดีแท้ แล้วเขาก็ยื่นมือไปตบบ่าเด็กสาว “เปิดออกดูสิครับ ผมคิดว่าคุณน่าจะชอบของขวัญชิ้นนี้นะ”
“แง้ว…!!”
เจ้าขาวงอแงอยู่ข้าง ๆ โดยซุกความขมขื่นเอาไว้
มันมองกล่องของขวัญนั้นอย่างละโมบแล้วมองหลินเจี๋ยอย่างมีความหวัง แมวตัวนี้ก็อยากได้ง่า…มนุษย์!
มูเอนแกะกล่องของขวัญในมือ แล้วเห็นว่าข้างในบรรจุอัญมณีสีแดงเอาไว้ และทั้งร่างของเธอก็พลันแข็งทื่อ
พริบตาที่เธอเห็นอัญมณีชิ้นนี้ หัวใจของเธอก็เต้นไม่เป็นจังหวะ ไม่สิ จริง ๆ แล้วทั้งร่างกายของเธอเหมือนกำลังจะเต้นรำอย่างยินดี
เซลล์ทั่วตัวของเธอกำลังส่งเสียงบอกให้เธอกินมันอย่างตะกละตะกลาม!
ขอแค่เธอกินมัน เธอก็จะ…
“เป็นยังไงบ้าง? สวยใช่ไหมล่ะครับ บอกเลยนะว่านอกจากเจ้าของร้านของคุณคนเนี้ย ทั่วทั้งนอร์ซิน คนที่จะให้ของแบบนี้กับคุณได้จะมีกันสักกี่คนกันเชียว?”
หลินเจี๋ยค่อนข้างพอใจ ทับทิมเม็ดโตขนาดนี้หาดูได้ง่ายที่ไหนกัน?
กระทั่งมหาเศรษฐีอย่างจี้ป๋อหนง บางทีแม้แต่เขายังหาทับทิมเม็ดใหญ่ขนาดนี้ได้ยากเลยมั้ง?
แม้ว่านี่จะเป็นศิลานักปราชญ์ที่วิถีแห่งดาบอัคคีศึกษาอยู่ ไม่ใช่ทับทิมจริง ๆ ก็ตามที แต่จากรูปลักษณ์และลักษณะทางกายภาพแล้ว มันก็ไม่ต่างจากทับทิมเลย
ดังนั้นทำงานที่นี่มีอนาคตไกลแน่นอน เจ้านายก็อบอุ่นใจดี โน้มน้าวใจแค่ด้วยคำพูด เป็นผู้นำที่ดี อย่าไปสนใจพวกขโมยแมวแล้วมามุ่งเป้าเป็นผู้ช่วยร้านหนังสือดีกว่า…ถึงจะไม่มีใครมาขโมยเธอในตอนนี้ก็เถอะ แต่หลินเจี๋ยก็รู้สึกว่าเขาก็ควรล้อมคอกก่อนวัวหาย คว้าลูกน้องมือดีไว้ให้มั่นอยู่ดี
ร้านหนังสือนี้โชคดีที่ได้มูเอนผู้ทำงานหนัก จึงสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ทุกวันแบบนี้ หลินเจี๋ยรู้สึกว่าตัวเองจะต้องชนะใจลูกน้องคนนี้และเลี้ยงให้ดีเพื่อที่ตนจะได้ไม่ต้องมาเหนื่อยทำทุกอย่างเพียงลำพัง
มูเอนมองไปยังศิลานักปราชญ์ในมือ ในที่สุดเธอก็ได้สติกลับมา แล้วเธอก็พยักหน้า
นี่คือศิลานักปราชญ์คุณภาพสมบูรณ์แบบ…เหมือนที่มูเอนเพิ่งคิดเมื่อครู่ มีน้อยคนนักในนอร์ซินที่จะทำได้
เด็กสาวสะกดหัวใจที่กำลังแล่นโลดแล้วบรรจงเก็บทับทิมในมือของเธอ จากนั้นก็มองหลินเจี๋ยด้วยแววตารุ่มร้อน แล้วพูดอย่างจริงจัง “ขอบคุณนะคะ”
หลินเจี๋ยลูบหัวมูเอน สัมผัสถึงความรักที่จริงใจจากสายตาของเธอได้ แล้วหัวใจของเขาก็ผ่อนลง เขายิ้ม “ขอบคุณเช่นกันครับ ความพยายามสามเดือนของเธอที่ผมมองอยู่ ผมว่าเธอสมควรได้รับมันแล้วล่ะ”
เขามองอัญมณีชิ้นนั้นแล้วพูดว่า “คุณใช้มันได้โดยอิสระเลยนะครับ เอาไปแลกสิ่งที่คุณต้องการได้เลย”
ในความคิดของหลินเจี๋ยแล้ว อัญมณีชิ้นนี้ไม่น่าเอาไปทำสร้อยคอได้ ให้มูเอนเล่นกับมันไปก่อน แล้วทีหลังจะขายไปก็ได้ จากนั้นก็เอาเงินมาใช้ในชีวิต…
มูเอนรับอัญมณีไปแล้วตอบ “อื้อ ฉันจะใช้มันให้ดีค่ะ”
สำหรับมูเอนแล้ว สิ่งที่เธอต้องการที่สุดก็ย่อมเป็นความแข็งแกร่ง
แต่เมื่อกี้เธอเพิ่งคิดถึงคอขวดของเธอ แล้วเจ้าของร้านหลินก็ให้ทางแก้กับเธอทันทีเลย
เขาคงรู้ผลการต่อสู้ของมูเอนในครั้งนี้อยู่แล้ว และเตรียมการล่วงหน้าเพื่อให้เธอเข้าใจความบกพร่องของตนเองอย่างล้ำลึก
ขณะเดียวกัน เจ้าของร้านหลินก็แสดงความแข็งแกร่งและความรู้รอบด้านของเขาออกมาอีกครั้ง
เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ เธอก็เพิ่มคำพูดจากใจ “ไม่ว่าฉันจะเปลี่ยนไปเป็นอะไร ฉันจะติดตามคุณไปตลอดค่ะ”
ดูสิ…นี่แสดงให้เห็นถึงความภักดี!
ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่หวั่นไหวต่อเงินตราด้วย เป็นเด็กดีจริง ๆ!
หลินเจี๋ยปลาบปลื้มอย่างมาก และเขาก็ภูมิใจในความเหนือชั้นของตัวเองด้วย ดูซิว่ายังมีใครกล้าพรากเธอไปจากเขาอีกบ้าง!
“ดีมากครับ ผมจะรอดูนะ”
เขาตบบ่ามูเอนอีกครั้ง และให้กำลังใจผู้ช่วยของเขาในการทำงานที่ร้านหนังสือต่อไปด้วยสายตา
แล้วเมื่อถึงเวลาที่จะได้เพิ่มบริษัทโรลล์มาเป็นตัวแทนจำหน่ายอีกครั้ง อนาคตก็จะสดใส…
—
ในขณะที่หลินเจี๋ยกำลังคิดถึงบริษัทโรลล์ พ่อลูกตระกูลจี้ก็กำลังจัดการงานตัวแทนจำหน่ายอย่างดุเดือด
แต่งานในครั้งนี้ค่อนข้างยากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เพราะพวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะได้ขายอะไร…และขายยังไง ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่ทึกทักสินค้าและกลุ่มเป้าหมายเอาเอง
ส่วนจะขายอย่างไรนั้น ในเมื่อเจ้าของร้านหนังสือไม่ได้บอกอะไรเป็นพิเศษ ถ้าอย่างนั้นก็ย่อมต้องอิงตามนิสัยและงานอดิเรกของเขา นั่นก็คือขายเหมือนหนังสือธรรมดา
ปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือขายให้ใคร แต่จี้ป๋อหนงมีแผนแล้ว
…เขาเขียนใบรายชื่อขึ้นมา
แต่ตอนนี้ ทุกการเตรียมพร้อมเสร็จสิ้นแล้ว และงานก็ถูกส่งให้จี้จือซู่
สองวันหลังจากนั้น…
ณ ทางเข้าร้านหนังสือ จี้จือซู่ยืนสูดหายใจลึก ๆ ครั้งนี้เธอมายังร้านหนังสืออีกครั้งตามข้อตกลงแล้ว
วันนี้แหละ เธอต้องให้จดหมายเชิญแก่เจ้าของร้านหลินให้ไปงานเลี้ยงให้ได้ และในขณะเดียวกันก็มารับหนังสือชุดแรกที่พวกเธอจะเป็นตัวแทนจำหน่ายกลับไป
เธอผลักประตูที่คุ้นเคยเข้าไป แล้วเธอก็เห็นกองหนังสือบนเคาน์เตอร์ทันที
หนังสือมีทั้งบางและหนา รวมกันทั้งหมดห้าเล่ม!
—