บทที่ 301 : หนังสือทั้งห้า
“คุณหลิน ฉันมารับหนังสือตามข้อตกลงแล้วค่ะ…นี่คือหนังสือที่คุณเตรียมไว้ให้เราเป็นตัวแทนจำหน่ายใช่ไหมคะ?”
จี้จือซู่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง แล้วหลินเจี๋ยที่กำลังอ่านหนังสืออยู่หลังเคาน์เตอร์ก็ได้สติ
หลินเจี๋ยวางหนังสือในมือลงแล้วเงยหน้าขึ้นทักทายคุณหนูจี้ผู้คุ้นเคย จากนั้นก็ชี้ไปที่หนังสือทั้งห้าที่เขาเตรียมไว้ก่อนหน้านี้ สีหน้าของเธอทั้งตื่นเต้น อยากรู้อยากเห็นและปนเปไปด้วยความกล้า ๆ กลัว ๆ
เห็นได้ชัดว่าเธอมีใบหน้าที่งดงามและบุคลิคที่สง่าราวกับราชินี ทว่านิสัยของเธอกลับคล้ายลูกสะใภ้ตัวน้อยที่ระวังทุกย่างก้าว…
ความแตกต่างที่ชัดเจนนี้ทำให้หลินเจี๋ยรู้สึกขำขันในใจ
ทว่าความระมัดระวังนี้ก็เป็นเพราะอีกฝ่ายให้ความเคารพต่อหนังสือและให้ความสำคัญในการร่วมมือครั้งนี้มาก การหัวเราะใส่เธอจึงไม่ใช่เรื่องดีนัก
ดังนั้น หลินเจี๋ยจึงปกปิดรอยยิ้มของตัวเองไว้ทันที เขากระแอมสองสามครั้งแล้วกล่าวว่า “อ๊ะจริงสิ เพราะว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผมจะมีตัวแทนจำหน่าย ผมเลยเลือกหนังสือพวกนี้มาเป็นตัวอย่างก่อน ถ้าผลประกอบการออกมาดี ครั้งหน้าผมจะเลือกหนังสือมามากกว่านี้นะครับ”
“มากกว่านี้อีกเหรอคะ?!”
จี้จือซู่เกือบอุทานออกมาอย่างลืมตัว แต่เธอก็ตระหนักได้ในภายหลังว่า นี่ไม่สุภาพเอาเสียเลย เธอจึงรีบหุบปาก แล้วข่มความตื่นเต้นของเธอไว้ด้วยการหายใจลึก ๆ
จากนั้นก็พูดเสียงขรึม ๆ “เข้าใจแล้วค่ะ บริษัทโรลล์จะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอนค่ะ”
ดูเหมือนว่าเจ้าของร้านหลินจะให้ความคาดหวังบางอย่างต่อการใช้ตัวแทนจำหน่ายอยู่ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ส่งหนังสือออกมาทีเดียวห้าเล่มแบบนี้
นี่คือหนังสือห้าเล่มเลยนะ!
หนังสือสองเล่มที่จี้จือซู่เคยได้รับ…ไม่สิ แค่ ‘เลือดและสัตว์ร้าย’ เล่มเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ความแข็งแกร่งและชะตากรรมของเธอเปลี่ยนไปอย่างมหันต์แล้ว
จากผู้ที่มีพลังเหนือธรรมชาติธรรมดา ๆ กลับกลายมาเป็นผู้นำองค์กรนักล่าที่มีอิทธิพลขึ้นมาทันที
ไม่ว่าหนังสือเล่มใดก็ตามในร้านหนังสือก็สามารถสร้างบุคคลไม่ธรรมดาขึ้นมาได้
แต่ตอนนี้…หนังสือห้าเล่มถูกส่งออกมาพร้อมกัน
ดีไม่ดี นอร์ซิน…ก็อาจถูกเปลี่ยนรูปแบบอิทธิพลจากผู้ถือครองหนังสือทั้งห้าเล่มนี้อีกครั้งก็ได้
แต่สำหรับบริษัทโรลล์แล้ว นี่คือโอกาสครั้งมหึมา!
เนื่องจากบริษัทโรลล์เป็นตัวแทนจำหน่ายหนังสือเหล่านี้ พูดอีกอย่างก็คือ บริษัทโรลล์จะเป็นคนเลือกผู้ที่จะซื้อหนังสือทั้งห้าเล่มนี้นั่นเอง
นี่คือสิ่งที่บริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์ใฝ่ฝันมานาน!
‘ผู้มีพระคุณ’ คนแรกที่ตัวละครทั้งห้าซึ่งอาจจะเปลี่ยนสถานการณ์การเมืองปัจจุบันได้จะติดต่อก็คือจี้จือซู่และจี้ป๋อหนงซึ่งเป็นผู้ขาย
นี่หมายความว่าพวกเขาจะยำเกรงผู้ขายประหนึ่งว่าเป็นเจ้าของร้านหลิน ทว่าเป้าหมายจะเปลี่ยนเป็นบริษัทโรลล์ หรือก็คือ…ตระกูลจี้!
ในตอนนี้ จี้จือซู่และจี้ป๋อหนงยำเกรงเจ้าของร้านหลิน และคนทั้งห้านี้จะยำเกรงพวกเขา…หากพวกเขามอบหนังสือทั้งห้านี้ให้คนภายในบริษัทโรลล์ได้ทั้งหมดล่ะก็…
แต่เพราะเจ้าของร้านหลินให้ความสำคัญกับมันมาก นี่ทำให้จี้จือซู่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังแบกรับความกดดันไว้บนบ่า แต่แล้วความคิดฟุ้งซ่านเหล่านี้ก็หายไปทันที
ใบหน้ายิ้มแย้มอย่างใจเย็นของเจ้าของร้านหลินและเงาเบื้องหลังของอีกฝ่ายดูจะย้ำเตือนเธอตลอดเวลา
เรื่องบางเรื่องอย่าไปคิดถึงมันเลย อย่าคิดมาก
บนบ่าของเธอตอนนี้ไม่ได้แบกไว้เพียงอนาคตของบริษัทโรลล์ แต่ยังมีความเชื่อใจที่หาได้ยากจากเจ้าของร้านหลินด้วย
ถ้าเธอทำพลาด ทั้งสองฝ่ายคงมองหน้ากันไม่ติดอีก
เธอหมายความว่า…บริษัทโรลล์อาจจะดีไม่พอที่จะทำให้เจ้าของร้านหลินพอใจได้…
หลินเจี๋ยทำตาปริบ ๆ มองสีหน้าที่เปลี่ยนไปมาตลอดเวลาของคุณหนูจี้ ราวกับว่าความรู้สึกของเธอกำลังต่อสู้กันเองอย่างซับซ้อนสุด ๆ
ถึงแม้ว่าเจ้าของร้านหลินจะมีประสบการณ์ในการอ่านใจคนมากมาย แต่ตอนนี้ชายหนุ่มก็ยังเข้าใจความรู้สึกในใจของอีกฝ่ายได้อย่างไม่แน่ชัดอยู่ดี
แม้ว่าเขาจะยังไม่รู้กระจ่าง แต่ครั้งนี้การได้เป็นตัวแทนจำหน่ายหนังสือ…จี้จือซู่ในทีแรกจึงรู้สึกตื่นเต้น และดูเหมือนจะจินตนาการบางอย่าง แล้วสุดท้ายก็ได้สติ
อันที่จริง เรื่องนี้ปกติมาก หากมองว่าฉากปัจจุบันคือฉากที่ทายาทธุรกิจพันล้านได้พบกับโอกาสที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอจะทำให้โลกตะลึงได้ในพริบตา แล้วดีดฐานะขึ้นสูงเทียบเท่าพ่อของตัวเองได้ทันทีล่ะก็ การเปลี่ยนสีหน้าไปมานี้จะเป็นอะไรที่ไม่แปลกเลย
ทว่าเขาก็เลือกหนังสือมาแค่ห้าเล่มเท่านั้น มันไม่น่ากระตุ้นให้เกิดกิจกรรมทางจิตวิทยาที่ซับซ้อนขนาดนี้ได้
ถึงแม้จะเป็นหนังสือที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนและเพียงพอที่จะทำให้เกิดกระแสได้ก็ตาม มันก็ยังไม่พอหรอก…หากเทียบกับธุรกิจผูกขาดของบริษัทโรลล์ที่ทำเงินมหาศาลแล้ว ไม่ว่าจะได้กำไรจากการขายหนังสือแค่ไหน มันก็แค่หยดน้ำหยดเดียวในถังเองนี่นา
ทว่าการเปลี่ยนสีหน้าไปมาตามข้างต้นนี้อาจสอดคล้องกับอีกสถานการณ์หนึ่ง
เช่นว่าโอกาสนี้จะทำให้เธอสามารถซื้อสิ่งอื่นที่เธอไม่เคยมีได้
ใจหญิงยากแท้หยั่งถึง…
หลินเจี๋ยส่ายหัว แล้วเขาก็เกลี่ยหนังสือทั้งห้าเล่มให้เรียงกันบนเคาน์เตอร์ทีละเล่ม
‘ดวลรัก ดับแค้น’ ‘สาวทรงเสน่ห์’ ‘เฒ่าผจญทะเล’ ‘ซ้องกั๋ง’ และ ‘1,000 เมนูอาหารพื้นบ้านคลาสสิก (ฉบับสี 365 วัน)’ คือ หนังสือห้าเล่มที่เขาเตรียมไว้เมื่อสองสามวันก่อน
“ในการทดลองใช้ตัวแทนขายหนังสือในครั้งนี้ ผมเลยเลือกหนังสือไว้อย่างคละรูปแบบกันเป็นพิเศษ และผู้คนทุกประเภทน่าจะหาหนังสือที่พวกเขาสนใจได้…เช่นหนังสือเล่มนี้ที่เหมาะกับผู้หญิงมากกว่าครับ”
จี้จือซู่เห็นเจ้าของร้านหลินหยิบ ‘บาปดั้งเดิมและมารผจญใจ’ ขึ้นมา แล้วแสดงความเห็นว่า “ถึงเป็นผู้ชายก็อ่านได้เหมือนกัน แต่ผมคิดว่าเมื่อเทียบกันแล้ว ผู้หญิงคงอ่านและเข้าใจมันได้ง่ายกว่า ดังนั้นเจาะตลาดผู้หญิงไว้คงดีที่สุดครับ”
จี้จือซู่รีบบันทึกอย่างรวดเร็วแล้วพยักหน้า จากนั้นก็เงยหน้ามองเจ้าของร้านหลินต่อ “ค่ะ เข้าใจแล้ว”
แล้วหลินเจี๋ยก็หยิบ ‘ข้อความแห่งเรย์’ ขึ้นมาต่อ “ถ้าเทียบกันแล้ว เล่มนี้ลึกล้ำกว่าเหมือนกับภูเขาน้ำแข็งในทะเลครับ มันเผยเหลี่ยมมุมออกมาแค่ราว ๆ หนึ่งในพัน ขณะที่ใต้ทะเลนั้นยังมีความยิ่งใหญ่ที่ต้องขุดค้น ดังนั้น…ตัวเลือกนี้จึงค่อนข้างมีรสนิยม อืม ผมจำได้ว่าสมาคมแห่งสัจธรรมเป็นนักวิชาการ ขายหนังสือเล่มนี้ให้พวกเขาก็น่าจะดีนะครับ”
หัวใจของจี้จือซู่เต้นกระตุก สมาคมแห่งสัจธรรมเคยมีเรื่องพิพาทกับเจ้าของร้านหลิน…เธอจึงคิดว่าหนังสือเล่มนี้ออกแนวลางร้ายหน่อย ๆ “เข้าใจแล้วค่ะ”
“ส่วนหนังสือสองเล่มนี้ เล่มแรกเป็นที่นิยมมากกว่า ผมเลยคิดว่ามันก็น่าจะดังที่นี่ด้วย เพราะถึงยังไง การแก้แค้นก็เป็นหัวข้อทุกยุคสมัยของผู้คนเสมอมานับแต่โบราณ ศิลปะมีที่มาจากความเป็นจริง และเมื่อมีอุปสงค์ก็ต้องมีอุปทาน…”
เจ้าของร้านหลินพูดถึง ‘จิตวิญญาณแห่งการล้างแค้น’ แล้วเผยรอยยิ้มที่แฝงความหมายลึกล้ำ
“แต่ว่าเล่มหลัง…” เขายิ้มแล้วหยิบ ‘วิถีหลักแห่งดาวชะตา’ ขึ้นมา “ผมเลือกมันมาเพื่อเพิ่มจำนวนหนังสือเฉย ๆ เพราะถึงยังไงหนังสือเล่มนี้ ไม่ว่าใครก็คงอ่านมันไม่เข้าใจ คิดเสียว่าเป็นรสนิยมแย่ ๆ ของผมก็ได้ครับ หากมีใครที่สนใจมันจริง ๆ ขึ้นมาล่ะก็ งั้นก็คงดีแล้ว”
เมื่อจี้จือซู่เห็นหนังสือเล่มนี้ หนังสือตรงหน้าเธอก็ดูเหมือนจะหายวับไปทันที สิ่งที่หลงเหลืออยู่ก็มีเพียงหลุมดำที่หมุนวน มีจักรวาลดวงดาวนับไม่ถ้วนอยู่ในหลุมดำที่ว่า แล้วพวกมันก็หมุนวนราวกับถูกมือใหญ่มือหนึ่งกวนมันอยู่ตลอดเวลา แล้วสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปเป็นทึ่งอย่างอดไม่ได้
วินาทีต่อมา ภาพหลอนก็หายวับไป อกของจี้จือซู่กระเพื่อมขึ้นลงและยังตกตะลึง
แล้วเธอก็เห็นเจ้าของร้านหลินหยิบหนังสือเล่มสุดท้าย ‘สังเวยเลือด’ ขึ้นมา…
—