บทที่ 270 เกาะสำนักซ่อนเร้น วังปีศาจบ้าระห่ำ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 270 เกาะสำนักซ่อนเร้น วังปีศาจบ้าระห่ำ

จักรพรรดิเซียนวัฏจักร?

เจ้าหมอนี่จำคนผิดแล้ว?

หานเจวี๋ยมองไปทางคนในชุดกันฝนหญ้าหนวดมังกร และจมดิ่งอยู่ในภวังค์ความคิด

“หนึ่งล้านปีแล้ว ในที่สุดเจ้าก็มา ของที่ข้าต้องการเล่า” คนในชุดกันฝนหญ้าหนวดมังกรถามหานเจวี๋ยในขณะที่กำลังหันหลังให้อยู่

หานเจวี๋ยถามด้วยท่าทีเรียบเฉยว่า “เช่นนั้นของที่ข้าต้องการเล่า”

เมื่อคนในชุดกันฝนหญ้าหนวดมังกรดึงคันเบ็ด สายเบ็ดและตะขอก็หดลง เขาเก็บคันเบ็ดไว้ในแขนเสื้อ และหันกายมามองหานเจวี๋ย “สิ่งที่เจ้าต้องการข้าได้มานานแล้ว แต่สิ่งของที่ข้าต้องการเล่า”

ช่างระแวดระวังเสียจริง!

หานเจวี๋ยกล่าว “ของสิ่งนี้เกี่ยวโยงมากเกินไป มหาเคราะห์ใกล้มาถึงแล้ว ข้าต้องรู้เสียก่อนว่าเจ้าอยากได้มันไปเพื่ออะไรกันแน่”

คนในชุดกันฝนหญ้าหนวดมังกรนิ่งเงียบ เขาแหงนหน้ามองหานเจวี๋ย ภายใต้หมวกหญ้าหนวดมังกรมีดวงตาราวกับไฟปีศาจอยู่คู่หนึ่ง เปล่งประกายไม่หยุด แปลกประหลาดและน่ากลัวเป็นอย่างมาก

หานเจวี๋ยยังคงสงบมาก

แม้จะมองไม่เห็นตบะของอีกฝ่าย แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกถึงอันตรายนัก

คนในชุดกันฝนหญ้าหนวดมังกรกล่าวว่า “ข้าเคยบอกไปแล้ว เพียงแค่แก้แค้นเท่านั้น”

แก้แค้นผู้ใดกัน

หานเจวี๋ยรู้สึกสงสัย แต่กลับไม่ได้เอ่ยถาม หากคนในชุดกันฝนหญ้าหนวดมังกรกับจักรพรรดิเซียนวัฏจักรมีการเจรจาเป็นการส่วนตัวแล้วเล่า?

“จักรพรรดิเซียนวัฏจักร เจ้าคิดจะกลับคำพูดหรือ? แผนการใหญ่ของเจ้าก็ละทิ้งแล้วหรือ” คนในชุดกันฝนหญ้าหนวดมังกรถามต่อ

เมื่อหานเจวี๋ยได้ยินว่าแผนการใหญ่ ก็รู้สึกว่าไม่อาจผสมโรงได้อีก

เดิมทีเขาคิดจะเก็บผลประโยชน์ ทว่าสุดท้ายกลับพบว่าเรื่องราวมันไม่ถูกต้อง

ช่างเถิด

เขามาหาสถานที่หลบซ่อน ไม่อาจสร้างปัญหาได้

“เจ้ารออีกหน่อย เพียงไม่นานข้าจะมาหาเจ้า”

ทิ้งคำพูดนี้ไว้แล้ว หานเจวี๋ยก็หมุนกายจากไป

“ช้าก่อน! จักรพรรดิเซียนวัฏจักร! ข้าไม่ได้คุกคามเจ้า!”

คนในชุดกันฝนหญ้าหนวดมังกรกระวนกระวายใจขึ้นมา เขารีบตามหานเจวี๋ยไป

หานเจวี๋ยเพิ่มความเร็ว

เพียงไม่นานก็สลัดตัวเองจนหลุดพ้นจากคนในชุดกันฝนหญ้าหนวดมังกรได้

คนในชุดกันฝนหญ้าหนวดมังกรหยุดลง หลังจากกระทืบเท้าอยู่ครู่หนึ่ง ก็ต้องกลับไปอย่างจำใจ

หานเจวี๋ยเดินหน้าต่อ ในใจเริ่มครุ่นคิดขึ้นมา

‘จักรพรรดิเซียนวัฏจักรมีแผนการใหญ่อะไรกันแน่’

ก่อนหน้านี้หานเจวี๋ยเคยพบกับจักรพรรดิเซียนวัฏจักรมาก่อน แต่ก็แค่พูดคุยเพียงสองสามประโยคเท่านั้น เขาไม่เคยเห็นแม้กระทั่งใบหน้าที่แท้จริงของจักรพรรดิเซียนวัฏจักรเลย

‘มีหลุมพรางในระบบที่ให้ข้าสืบทอดหรือ’

หานเจวี๋ยคิดอย่างเงียบๆ เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิเซียนวัฏจักรผู้นี้มีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่

แต่หานเจวี๋ยก็ไม่ได้เป็นกังวล เขากระโดดออกจากวิชาวัฏจักรหกวิถี และสร้างมหามรรควัฏจักรอนธการที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมออกมา

เขาต้องการเพียงเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจักรพรรดิเซียนวัฏจักรจะมีแผนการร้ายอะไรเขาก็ไม่กลัว

หลังจากเดินวนไปมาหลายชั่วยาม หานเจวี๋ยยังคงหาสถานที่ที่เหมาะสมไม่ได้

……

ชั่วพริบตาเดียว

เวลาผ่านพ้นไปอีกห้าปี

หานเจวี๋ยเดินเตร่อยู่ในยมโลกโดยตลอด ทุกการค้นหาในแต่ละระยะ เขาจะกลับไปที่ถ้ำเทวาฟ้าประทานเพื่อป้องกันการถูกศัตรูโจมตี

ช่วงเวลาที่อยู่ในยมโลก เขาเคยพบเจอเผ่ามาร เคยพบเจอพระโพธิสัตว์ เคยพบเจอเทพปีศาจ แม้กระทั่งยังเคยเห็นเมืองนรกด้วย

ยมโลกนั้นสลับซับซ้อน กลุ่มอิทธิพลมีมากเกินความคาดหมายของหานเจวี๋ย

เขาล้วนหลบหลีกไปห่างๆ ด้วยกลัวว่าจะมีผู้ค้นพบการดำรงอยู่ของเขา

ในที่สุด

หานเจวี๋ยก็ค้นพบหุบเขาแห่งหนึ่ง ค่อนข้างมิดชิดยิ่งนัก ตั้งอยู่กลางแม่น้ำปรโลกที่เวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตา เป็นเกาะแห่งหนึ่ง มองลงมาจากที่สูงเป็นแค่ปลายหินโสโครกก้อนหนึ่งที่ยื่นออกมาจากผิวทะเล มีขนาดเท่ากำปั้น หลังจากลงไปแล้วถึงค้นพบว่าซ่อนผนึกควบคุมมิติไว้ ในนั้นใหญ่มาก

ที่สำคัญคือเกาะลูกนี้ไม่ถูกน้ำในแม่น้ำปรโลกท่วมทับ มันขึ้นลงตามระดับผิวทะเล แต่ในเกาะจะไม่รับรู้ถึงการขึ้นๆ ลงๆ

ภายในเกาะทะเลมีพื้นที่หลายร้อยลี้ ไม่มีต้นไม้ใบหญ้า ทว่าหานเจวี๋ยถูกใจหุบเขาที่ตั้งอยู่กลางเกาะ หุบเขานี้กลับแฝงไปด้วยผนึกควบคุมฟ้าประทาน พอเข้าไปในหุบเขาจะพบกับมหาเคราะห์ห้าธาตุ ลม ฝน ฟ้าร้อง สายฟ้า และไฟ หากสิ่งมีชีวิตที่อยู่ต่ำกว่าระดับเซียนลึกล้ำไท่อี่ฝืนรุกล้ำเข้ามา จะต้องดับสลายทั้งกายและวิญญาณ

สถานที่ดี!

อยู่ด้านนอกไม่อาจค้นพบเกาะนี้ได้ง่ายๆ ในเกาะยังมีผนึกควบคุมฟ้าประทานเองอีกด้วย เทียบเท่ากับค่ายกลเวทป้องกัน และค่ายกลใหญ่หลุมพราง

หานเจวี๋ยพอใจมาก เขาเริ่มสำแดงวิชาเพิ่มความหนาให้กับผนึกควบคุมมิติที่อยู่นอกเกาะ ทำให้พลังจิตของสิ่งมีชีวิตที่มีตบะต่ำกว่าเขาไม่สามารถจับได้

จากนั้นเขาก็ตั้งป้ายหินขนาดใหญ่ก้อนหนึ่งไว้บนเกาะ

สำนักซ่อนเร้น!

หากมีผู้ทรงพลังค้นพบสถานที่แห่งนี้ ก็สามารถเข้าใจได้ว่าสถานที่แห่งนี้มีเจ้าของแล้ว

หานเจวี๋ยโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง ในที่สุดก็หาสถานที่ที่สามารถหลบซ่อนได้

เขาประทับตราหกวิถีแล้วก็จากไป

เมื่อกลับถึงถ้ำเทวาฟ้าประทาน หานเจวี๋ยก็เริ่มสร้างหุ่นเชิดแห่งสวรรค์

เมื่อเวลานั้นเขาจะส่งหุ่นเชิดสวรรค์ไปประจำการที่เกาะสำนักซ่อนเร้น

ส่วนที่ว่าเหตุใดถึงไม่สร้างร่างแยกวัฏจักร หานเจวี๋ยคิดว่ามีหลิวเป้ยคนเดียวก็เพียงพอแล้ว

ถึงอย่างไรร่างแยกวัฏจักรก็มีความสามารถในการคิดเป็นของตนเอง แม้จะซื่อสัตย์ภักดีต่อหานเจวี๋ย แต่ก็อาจจะเกิดเรื่องได้ หากถูกศัตรูจับได้ ดึงวิญญาณและขโมยความลับของหานเจวี๋ยไปก็ซวยแล้ว

ร่างแยกวัฏจักรยิ่งน้อยยิ่งดี!

หานเจวี๋ยคิดอย่างเงียบๆ

สิบวันต่อมา เขาสร้างหุ่นเชิดสวรรค์ตัวหนึ่งเสร็จ ก่อนจะใช้จิตดั้งเดิมนำไปยังยมโลก

วันนั้น จิตดั้งเดิมของเขาก็กลับสู่กายเนื้อ

หลังจากทำทุกอย่างนี้เสร็จสิ้น หานเจวี๋ยจึงเริ่มฝึกบำเพ็ญใหม่อีกครั้ง

……

เหนือทุ่งราบรกร้างไร้ขอบเขต ปีศาจประหลาดและทหารสวรรค์จำนวนมากมายนับไม่ถ้วนกำลังเข่นฆ่ากันอยู่

เงาร่างสองสายเดินออกมาจากปลายขอบฟ้า เขาคือหลี่เสวียนเอ้าศิษย์รองของนิกายเหรินและหวงจี๋เฮ่าที่เคยพ่ายแพ้ให้กับหานเจวี๋ยในโลกมนุษย์

หวงจี๋เฮ่ามองดูการต่อสู้ตรงขอบฟ้าด้วยความตื่นเต้นอย่างถึงขีดสุด

เขาถามอย่างระมัดระวังว่า “ผู้อาวุโส พวกเรามาทำอะไรที่นี่หรือ”

ศึกใหญ่ระหว่างวังสวรรค์กับวังปีศาจล่ำลือไปทั่วแดนเซียนนานแล้ว หวงจี๋เฮ่าเองก็รู้เรื่องนี้ด้วย สองกลุ่มอิทธิพลเจ้าจักรวรรดิล้วนทำให้เขาต้องแหงนหน้ามอง เขาไม่อยากประสบอันตราย

แม้เขาจะชอบการต่อสู้แต่ก็ไม่ได้โง่

หลี่เสวียนเอ้ากล่าวด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากเรียนมรรคกระบี่ของข้าหรืออย่างไร”

“เกี่ยวข้องกับสนามรบนี้หรือ”

“มรรคกระบี่ของข้าก็คือพิฆาตมรรคา”

หวงจี๋เบิกตาโพลง และลอบอกสั่นขวัญแขวน

ผู้อาวุโสจะร่วมรบด้วยหรือ

เขาถามอย่างตื่นเต้น “ท่านจะสนับสนุนฝ่ายใด”

หลี่เสวียนเอ้ากล่าวด้วยแววตาเย็นยะเยือก “สังหารเทพเซียน!”

หวงจี๋เฮ่าได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งหวาดผวา

ในใจเขาเผ่าปีศาจเป็นปรปักษ์กับเผ่ามนุษย์ เทพเซียนคือกลุ่มอิทธิพลที่ปกป้องคุ้มกันเผ่ามนุษย์ ตามหลักทำนองคลองธรรมแล้วย่อมต้องเอนเอียงไปทางวังสวรรค์

“ไปสังหารศัตรูเถิด สังหารทหารสวรรค์หนึ่งแสนนาย ข้าจะถ่ายทอดมรรคกระบี่ให้เจ้า” หลี่เสวียนเอ้ากล่าวเสียงเบา

ได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของหวงจี๋เฮ่าก็สับเปลี่ยนไปมา

หลี่เสวียนเอ้าเป็นเซียนกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาเคยพบเจอ เขาต้องหน้าด้านไร้ยางอาย ถึงได้รับการตอบรับจากหลี่เสวียนเอ้า

หากปฏิเสธในเวลานี้ ความพยายามก่อนหน้านี้ก็จะสูญเปล่า

ช่างเถอะ!

หวงจี๋เฮ่ากัดฟันชักกระบี่บินออกไป

ชีวิตนี้บำเพ็ญมรรคก็เพื่อตนเอง!

ไหนเลยจะยอมให้หลักทำนองคลองธรรมขัดขวางย่างเก้าของตนเองได้!

……

บนเขาเพียรบำเพ็ญเซียน

หลังจากหานเจวี๋ยกลับจากยมโลกยังไม่ถึงปี ตี้ไท่ไป๋ก็เป็นฝ่ายติดต่อมาหาเขา

“มีเรื่องใดหรือ” หานเจวี๋ยถาม

ตี้ไท่ไป๋กล่าว “วังปีศาจรวบรวมเผ่าพันธุ์บรรพกาลที่แข็งแกร่งมากมายในแดนเซียน รวมไปถึงเผ่าพญาอินทรี เผ่าเทพอีกาทองและเผ่าวิหคชาด หลังจากนี้จะโจมตีกลับวังสวรรค์และสำนักพุทธในทุกๆ ด้าน วังสวรรค์ไม่อาจคำนึงถึงโลกมนุษย์ได้ ทางที่ดีที่สุดเจ้ารีบขึ้นสวรรค์เสีย เช่นนี้แล้ววังสวรรค์ยังสามารถปกป้องเจ้าได้”

[ตรวจสอบพบว่าวังปีศาจโจมตีวังสวรรค์กลับในทุกๆ ด้าน ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง รีบขึ้นสวรรค์ เข้าร่วมวังสวรรค์ จะได้รับของล้ำค่าฟ้าดินแบบสุ่มหนึ่งชิ้น]

[สอง ยังไม่ขึ้นสวรรค์ชั่วคราว ถ่อมตนฝึกฝน จะได้รับยอดสมบัติหนึ่งชิ้น]

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

ไปวังสวรรค์ตอนนี้ก็ไม่เท่ากับถูกห้อมล้อมหรอกหรือ หากวังสวรรค์พ่ายแพ้เขาก็ไม่กลายเป็นปลาในร่างแหหรืออย่างไร

ไปไม่ได้!

หานเจวี๋ยกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าไม่อาจไปจากโลกเขย่าพิภพได้ อย่างไรข้าก็เป็นเทพในโลกมนุษย์ วังสวรรค์ไม่ต้องเป็นห่วงข้า ข้าสามารถดูแลตัวเองได้”

ตี้ไท่ไป๋ถอนหายใจกล่าว “วังปีศาจที่น่าสมควรตาย คิดไม่ถึงว่าจะแอบเจริญสัมพันธไมตรีกับเผ่าพันธุ์บรรพกาลมากมายถึงเพียงนั้น เห็นได้ชัดว่ามีการวางแผนมานานแล้ว จักรพรรดิปีศาจบ้าไปแล้ว ต่อให้จะก่อเกิดมหาเคราะห์ ก็ต้องทลายวังสวรรค์กับสำนักพุทธให้ย่อยยับให้ได้”

………………………………………