บทที่ 269 ไพ่ของจักรพรรดิสวรรค์ ตกปลาในแม่น้ำปรโลก

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 269 ไพ่ของจักรพรรดิสวรรค์ ตกปลาในแม่น้ำปรโลก

ห้าปีต่อมา

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น และเริ่มตรวจสอบผู้แข็งแกร่งที่อยู่บริเวณรอบโลกเขย่าพิภพ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกศัตรูโจมตี

ทันใดนั้นเขาก็มองเห็นอักขระแถวหนึ่ง

[จอมปีศาจคุกรัตติกาล: จักรพรรดิเซียนห้าวัฏ จอมปีศาจแห่งวังปีศาจ]

หืม? จักรพรรดิเซียนห้าวัฏ!

หานเจวี๋ยตกใจจนเบิกตาโพลง ร่างสั่นสะท้านไปทั่วทั้งตัว

แข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ

เขานำป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ออกมาใน ทันที และเตรียมที่จะร้องเรียก

ช้าก่อน! ดูเหมือนฝ่ายตรงข้ามจะอยู่ที่…

หานเจวี๋ยตรวจสอบพบว่าจอมปีศาจคุกรัตติกาลอยู่ที่สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์…

เจ้าหมอนี่คือ…

หานเจวี๋ยไม่กล้าที่จะบุ่มบ่าม กลัวว่าจะรบกวนอีกฝ่าย

จอมปีศาจคุกรัตติกาล คุกรัตติกาล…

หรือว่าเจ้าหมอนี่จะเกี่ยวข้องกับไก่คุกรัตติกาล?

หานเจวี๋ยไม่คิดอะไรมากอีก เขาจำลองการทดสอบเป็นอันดับแรก

ดูว่าจะสู้ได้หรือไม่

ผ่านไปเป็นเวลานาน

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้นด้วยสีหน้าหนักอึ้ง

ไม่อาจสังหารจอมปีศาจคุกรัตติกาลได้!

จักรพรรดิเซียนห้าวัฏแข็งแกร่งมากจริงๆ!

หานเจวี๋ยทำได้เพียงฝืนต่อสู้กับจอมปีศาจคุกรัตติกาล นี่ยังเป็นสภาพที่ทุ่มด้วยพลังทั้งหมดอีกด้วย เพราะกลัวจะถูกจอมปีศาจคุกรัตติกาลลอบโจมตี เขาถึงจำเป็นต้องหยุดจำลองการทดสอบ

หากสู้ต่อไป ผีที่ไหนจะรู้ว่าต้องต่อสู้อีกนานแค่ไหน

ด้วยพลังเวทของพวกเขา ต่อสู้หลายสิบปียังไม่ใช่ปัญหาเลย

หานเจวี๋ยเริ่มกลัดกลุ้มขึ้นมาแล้ว

ไม่อาจสังหารอีกฝ่ายภายในเสี้ยววินาทีได้ ควรทำอย่างไรดี

หนีหรือ

หนีไปที่ใด

หานเจวี๋ยขมวดคิ้วแน่น

หานเจวี๋ยนำป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ออกมาอีกครั้งเพื่อติดต่อกับตี้ไท่ไป๋

ผลปรากฏว่ากลับติดต่อไม่ได้!

เขาจำต้องไล่อู้เต้าเจี้ยนออกไป จากนั้นจึงเรียกชื่อจักรพรรดิสวรรค์

ผ่านไปเนิ่นนาน

เสียงของจักรพรรดิสวรรค์ดังขึ้นว่า “มีเรื่องใด”

หานเจวี๋ยเอ่ยเรื่องจอมปีศาจคุกรัตติกาลออกไป

“คาดไม่ถึงว่าจอมปีศาจคุกรัตติกาลจะมาแล้ว เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไป เจ้าก็เก็บไก่ตัวหนึ่งมาเลี้ยงไม่ใช่หรือ” จักรพรรดิสวรรค์ตอบ

หานเจวี๋ยนิ่งอึ้ง

จักรพรรดิสวรรค์รู้ได้อย่างไร หรือว่า…

จักรพรรดิสวรรค์กล่าว “ไม่ผิด เราใช้ไก่ที่อยู่ใต้อาณัติของเจ้าในการตรึงจอมปีศาจคุกรัตติกาล เจ้าสามารถให้พวกเขาติดต่อกันได้”

ได้ยินเช่นนี้ สีหน้าท่าทางของหานเจวี๋ยก็แปลกประหลาด

เขาถามด้วยความอยากรู้ “พระองค์วางหมากไว้มากน้อยเพียงใดกันแน่”

“ไม่นับว่าเป็นการวางหมาก เพียงเห็นแก่หน้าเผ่าหงส์คุกรัตติกาลเท่านั้น เราคาดเดาได้ว่าไพ่ใบนี้ได้ใช้ ส่วนจะใช้อย่างไรนั้นก็แล้วแต่วาสนา”

วาจาของจักรพรรดิสวรรค์ทำให้หานเจวี๋ยนิ่งเงียบไป

ผ่านไปสักพัก หานเจวี๋ยอดที่จะถามขึ้นไม่ได้ว่า “ข้างกายข้ายังมี…”

จักรพรรดิสวรรค์ตรัส “ย่อมมีแน่นอน”

ใจหานเจวี๋ยพลันกระตุก

“ก็คือเฮ่าเอ๋อร์ อันที่จริงแล้วเจ้าไม่ต้องคิดมาก คนเหล่านี้เจ้าล้วนเป็นผู้รับมาเอง ก็ไม่ใช่เราที่เข้าไปยุ่ง ดูเหมือนเจ้าจะมองเห็นชาติกำเนิดของพวกเขา วิธีการของเจ้าเราเองก็สนใจยิ่งนัก” จักรพรรดิสวรรค์ตรัสหยอกล้อ

หานเจวี๋ยกระอักกระอ่วน ทว่าก็ยิ้มแบบไม่เสียมารยาท

“เอาล่ะ เอาเช่นนี้เถิด เรายังต้องจัดการกับจักรพรรดิปีศาจอีก!”

จักรพรรดิสวรรค์ทิ้งคำพูดไว้เพียงเท่านั้นและไม่ตรัสอะไรมากอีก

หานเจวี๋ยรีบร้อนคารวะ

จากนั้นหานเจวี๋ยเดินออกไปนอกถ้ำเทวาฟ้าประทาน กำชับให้ไก่คุกรัตติกาลไปเดินเล่นในสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์

พูดให้สวยก็คือให้มันฝึกความกล้า

ไก่คุกรัตติกาลมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม รู้สึกได้ว่าหานเจวี๋ยกำลังดูถูกมัน จึงทิ้งคำพูดใหญ่โตไว้มากมาย

หลังไปจากเขาเพียรบำเพ็ญเซียนแล้ว หานเจวี๋ยก็พบว่าร่างของเจ้าไก่สั่นสะท้านตลอดเวลา

นี่คือการกลัวสังคมจริงๆ

หานเจวี๋ยไม่คิดให้มากความ และไม่ได้ติดตามไก่คุกรัตติกาลอีก เพื่อหลีกเลี่ยงการแหวกหญ้าให้งูตื่น

……

มาถึงสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ ศิษย์จำนวนมากมองมาทางไก่คุกรัตติกาล ไก่ดำตัวใหญ่ขนาดนี้มองดูก็รู้ว่าไม่ธรรมดา

ไก่คุกรัตติกาลเดินไปตามทางในสำนักอย่างหยิ่งยโส ทว่าในใจกลับตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

‘นายท่านจะต้องกำลังดูข้าอยู่แน่ ข้าไม่อาจปล่อยขี้เท่อได้!

เจ้าไข่สุนัขยังทำได้ แล้วเหตุใดข้าจะทำไม่ได้’

ไก่คุกรัตติกาลให้กำลังใจตัวเองอยู่ในใจไม่หยุด

ตอนนั้นเอง เขาพลันชนเข้ากับศิษย์คนหนึ่ง

“เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ! ระวังพี่ไก่จะขยับปีกตบเจ้าจนตาย!”

ไก่คุกรัตติกาลถลึงตามองพร้อมก่นด่า มันแหงนหน้ามองศิษย์ผู้นี้ ใจไก่ของมันสั่นสะท้านขึ้นทันที

ศิษย์ผู้นี้สวมชุดนักพรตเต๋าของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ ผมดำยาวเป็นอย่างมาก ใบหน้าหล่อเหลาแต่กลับดูชั่วร้าย มองดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดี

“เหตุใดหรือ”

ไก่คุกรัตติกาลด่าด้วยความโมโห มันก็มีตบะระดับเซียนอิสระ ไหนเลยจะกลัวคนธรรมดากัน

ศิษย์ที่ดูชั่วร้ายจ้องมองมันและกล่าวว่า “เจ้ายังจำอดีตชาติของเจ้าได้หรือไม่”

ไก่คุกรัตติกาลแค่นเสียงกล่าว “ย่อมจำได้แน่นอน ข้าก็คือหงส์!”

ศิษย์ชั่วร้ายผู้นั้นขมวดคิ้ว จ้องมองไก่คุกรัตติกาลแน่นิ่งตาไม่กะพริบ

ไก่คุกรัตติกาลถูกจ้องมองจนรู้สึกจิตใจอ้างว้าง

มันกล่าวด้วยน้ำเสียงฮึดฮัดว่า “หลบไป!”

พูดจบมันก็เดินอ้อมผ่านศิษย์ชั่วร้ายไป

ศิษย์ชั่วร้ายหมุนกายจ้องมองเงาหลังไก่คุกรัตติกาลด้วยสายตาเยือกเย็น

……

วันเวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว

เวลาสิบปีผ่านไปในชั่วพริบตา

จอมปีศาจคุกรัตติกาลไม่ได้โจมตีเขาเพียรบำเพ็ญเซียนเลย และไม่ได้ไปหาหานเจวี๋ยเช่นกัน

แต่ไก่คุกรัตติกาลกลับเปลี่ยนไป มันชอบไปวิ่งเล่นที่สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ หานเจวี๋ยคาดว่าไก่คุกรัตติกาลกับจอมปีศาจคุกรัตติกาลสมคบกันแล้ว คาดว่าจอมปีศาจคุกรัตติกาลคงมาหาไก่คุกรัตติกาลนั่นเอง

แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เขาก็ไม่อาจเบาใจได้ เพื่อป้องกันการถูกจอมปีศาจคุกรัตติกาลลอบโจมตี

วันนี้เอง หานเจวี๋ยนำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา และเริ่มสาปแช่งจอมปีศาจอินทรีทอง

เขาถือโอกาสเปิดจดหมายเพื่อตรวจอ่าน

[จักรพรรดิสวรรค์สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิปีศาจศัตรูคู่อาฆาตของท่าน]

[ยอดแม่ทัพเทพสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิเซียนเผ่าปีศาจ] x27

[มู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเทพปีศาจของเผ่าปีศาจ ได้รับบาดเจ็บสาหัส โชคดีได้จักรพรรดิเซียนแห่งวังสวรรค์ช่วยเหลือไว้]

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านไปจากแดนเซียน]

[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านพบเจอกับหลี่เสวียนเอ้าศัตรูคู่อาฆาตของท่าน ได้รับการชี้แนะจากเขา มรรคกระบี่เพิ่มพูน]

[จี้เซียนเสินสหายของท่านฝึกฝนพลังวิเศษหยินหยางสำเร็จ ดวงชะตาเพิ่มพูน]

[เซวียนฉิงจวินคู่บำเพ็ญเพียรของท่านหลงเข้าไปในวังมังกรบรรพกาล]

[ผานซินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลัง ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

……

สถานการณ์รบน่าเวทนาอย่างยิ่ง

แม้กระทั่งจักรพรรดิสวรรค์เองก็เข้าร่วมศึกใหญ่กับเขาด้วย หานเจวี๋ยยืนนิ่งไว้อาลัยให้จักรพรรดิปีศาจอย่างอดไม่ได้

ประสบกับการล้อมโจมตีของวังสวรรค์และสำนักพุทธ วังปีศาจยากที่จะยืนหยัดต่อไปได้

ตอนนี้ก็ดูว่าวังเทพจะทรยศไปสนับสนุนวังปีศาจหรือไม่

หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าผานซินกลับเผชิญกับการโจมตี อีกทั้งยังบาดเจ็บสาหัส

หรือจะเป็นฝีมือของเจ้าแห่งมหาเคราะห์ลึกลับผู้นั้น

หานเจวี๋ยติดต่อกับหลิวเป้ยอยู่ในใจ ได้ความว่าผานซินจากไปแล้ว

ไปแล้วก็ดี แม้ผานซินจะถ่ายทอดพลังวิเศษให้เขาแล้ว แต่เขายังคงไม่อยากคบค้าสมาคมกับผานซินมากเกินไป เพื่อป้องกันการสร้างความยุ่งยากที่ไม่จำเป็น

หลังจากอ่านจดหมายเสร็จแล้ว ขณะที่หานเจวี๋ยกำลังสาปแช่งไปด้วยนั้น ก็เริ่มครุ่นคิดไปด้วย

มหาเคราะห์ก่อตัวขึ้นแล้ว เขารู้สึกไม่ปลอดภัยจริงๆ

‘ไม่ได้ ต้องหาวิธีคิดค้นวิธีการรักษาชีวิตออกมา’

หานเจวี๋ยคิดอย่างเงียบๆ

อย่างน้อยต้องมีสถานที่ที่พร้อมสำหรับหลบเลี่ยงอย่างน้อยหนึ่งแห่ง!

หานเจวี๋ยขมวดคิ้วแน่น

แม่น้ำมรรคกระบี่ไม่ได้

มีเพียงยมโลกเท่านั้นแล้ว!

ยมโลกกว้างใหญ่มาก เผ่ามาร เผ่าจอมเวทก็หลบอยู่ที่นั่น

หานเจวี๋ยมีวิธีแล้ว

สิบวันต่อมา

จิตดั้งเดิมของเขาออกจากร่าง และกระโจนลงไปในยมโลกทันที

เขาซ่อนกลิ่นอายของตนเองไว้ ไม่ได้ไปหาท่านยายเมิ่ง แต่กลับเดินเตร่ไปมาในยมโลกคนเดียว

ยมโลกก็เหมือนกับราตรีนิรันดร์ มืดมนไร้ขอบเขต ไม่มีสิ่งมีชีวิต พบเจอวิญญาณเร่ร่อนที่สติสัมปชัญญะไม่ชัดเจนเป็นครั้งคราว

หานเจวี๋ยรุดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว พลังจิตกวาดไปทั่วทิศ

ตลอดทาง เขามองเห็นทหารผีหลายกลุ่มลาดตระเวนแล่นผ่านท่ามกลางหมอกหนาทึบอย่างลึกลับซับซ้อน

พลังจิตของหานเจวี๋ยมองเห็นทหารผีอย่างชัดเจน ไม่มีอะไรปิดบัง ทหารผีส่วนมากก็เพิ่งจะมีตบะระดับฝ่าด่านเคราะห์และระดับมหายาน ไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่หานเจวี๋ยคิด

เวลาผ่านไปหลายชั่วยาม

หานเจวี๋ยมาถึงริมแม่น้ำปรโลก แม่น้ำใหญ่มาก มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด ราวกับมหาสมุทรเวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตา

เขาหยุดฝีเท้าลง สายตาตกอยู่บนเงาร่างตรงหน้า

อีกฝ่ายสวมเสื้อกันฝนที่ทำจากหญ้าหนวดมังกร กำลังตกปลาอยู่

ตกปลาในแม่น้ำปรโลก?

หานเจวี๋ยแปลกใจมาก ที่สำคัญคือเขามองไม่เห็นตบะของอีกฝ่าย

หรือจะเป็นผู้ทรงพลัง

จิตสำนึกหานเจวี๋ยคิดจะอ้อมผ่านไป

“จักรพรรดิเซียนวัฏจักร ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว”

คนในชุดกันฝนหญ้าหนวดมังกรเอ่ยปากกล่าว คำพูดนี้ทำให้ฝีเท้าหานเจวี๋ยหยุดชะงัก

……………………………………….